กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่532 เคยมีอยู่จริง
ผ้าม่านสีขาวเผยให้เห็นแสงอ่อนๆ แต่กลับไม่เห็นสายตาที่กำลังมองมาที่ตัวเอง เขาเม้มปากแน่น นี่มันเป็นแค่ภาพลวงตายังงั้นเหรอ?
ตอนนี้เธอน่าจะช็อกกับการปรากฏตัวของซูจ้านอยู่ใช่มั้ย?
แผ่นหลังของหลินซินเหยียนพิงกำแพงข้างหน้าต่าง เธอหยุดสั่นไม่ได้ มือทั้งสองกุมหัวใจของตัวเองไว้ เหมือนกับว่ามีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่ในนั้น ทำให้เธอหายใจไม่ออก
เธอพยายามสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ถึงได้ไม่ขาดอากาศหายใจ แต่ว่าเธอไม่สามารถห้ามความรู้สึกเป็นร้อยเป็นพันที่ผสมปนเปอยู่ในหัวใจของตัวเองได้เลย
วินาทีที่เห็นเขา มันเป็นความสุข และก็ซับซ้อน
เธอหลับตาลง ตัวสั่นอยู่นานกว่าจะสงบลงได้
ที่เขาไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างชัดเจน น่าจะเพราะว่ายังจัดการเรื่องของเหวินชิงได้ไม่เรียบร้อยสินะ
เธอลืมตาขึ้น ยื่นมือออกไปอยากจะเปิดผ้าม่านเพื่อมองเขาต่ออีกหน่อย แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม มือของเธอกลับหยุดนิ่ง
มือของเธอค้างอยู่กลางอากาศ สุดท้ายก็เก็บมือกลับไป
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองลังเลเรื่องอะไร หรือว่ากำลังหวาดกลัว กลัวว่าตัวเองจะคิดฟุ้งซ่าน
เธอค่อยๆ เก็บมือกลับมาช้าๆ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมอารมณ์แล้วก็ไปเก็บเสื้อผ้าให้ลูกทั้งสองคนต่อ
เสื้อผ้าสำหรับหน้าร้อนนั้นไม่ค่อยกินพื้นที่ในกระเป๋าเท่าไหร่นัก หลังจากมาที่เมือง C เธอก็ไม่ได้พาลูกๆ ไปที่ไหนเลย เพราะฉะนั้นที่บ้านก็เลยไม่ได้มีกระเป๋าเดินทาง เธอก็เลยใช้กระเป๋าถือแทน
พอเก็บข้าวของเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมา ซูจ้านกำลังพูดคุยกับเด็กทั้งสองคนอยู่
พอเห็นว่าเธอออกมา ซูจ้านก็ยืนขึ้น
หลินซินเหยียนยื่นกระเป๋าให้เขา
“สองสามวันก็พาพวกเขากลับมาแล้วล่ะ” ซูจ้านพูด เพราะว่าจะไปเยี่ยมจงฉีเฟิงที่ไป๋เฉิง ตอนนี้เขาถึงได้พาเด็กสองคนไป
จงจิ่งห้าวให้ซูจ้านบอกเธอว่าแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
เพราะจงจิ่งห้าวรู้ดีว่า ถ้าเทียบกับเขาแล้ว หลินซินเหยียนจำเป็นต้องมีลูกอยู่ข้างๆ มากกว่า ตอนที่เธอยังไม่รู้ว่าพ่อของเด็กทั้งสองคนเป็นใครนั้น ก็ยอมที่จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วคลอดพวกเขาออกมา ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอรักพวกเขามากแค่ไหน แล้วยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่คลอดพวกเขาออกมาแล้ว เธอก็ไม่เคยแยกจากพวกเขาเลยสักครั้ง
ความรู้สึกของเธอต้องมากกว่าของเขาอยู่แล้ว
“จะมากกว่าสองสามวันก็ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาสองคนน่าจะคิดถึงพ่อเขาเหมือนกัน” หลินซินเหยียนยิ้ม “วันนี้รีบไปใช่มั้ย? ”
ซูจ้านพยักหน้า “อืม”
เธอมองไปที่ลูกทั้งสองคน “ลูกๆ มานี่หน่อย”
“หม่ามี๊” เด็กทั้งสองคนพุ่งเข้ามา แล้วก็กอดขาข้างซ้ายและขวาของเธอ
หลินซินเหยียนลูบหัวเด็กน้อยทั้งสอง “บอกว่าคิดถึงพ่อกันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้จะได้ไปเจอแล้ว ดีใจมั้ย? ”
“อืมๆ ” จงเหยียนซีพยักหน้าหลายครั้ง
“แต่ว่าผมก็ไม่อยากแยกกับหม่ามี๊” จงเหยียนเฉินเอาหน้าถูขาเธอ
ซูจ้านเห็นว่าเด็กทั้งสองคนไม่อยากแยกจากหลินซินเหยียน ก็ปลอบใจว่า “อีกไม่กี่วันเดี๋ยวอาก็พาพวกหนูมาส่งแล้ว ตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ พ่อของพวกหนูคงอยากจะเจอพวกหนูจะแย่แล้ว”
“หม่ามี๊” จงเหยียนเฉินยังคงไม่อยากแยกกับแม่ของตัวเอง ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าต้องไปหาคุณปู่ เขาก็จะไม่มีทางแยกกับหม่ามี๊อย่างแน่นอน และก็ไม่ปล่อยให้หม่ามี๊ต้องอยู่คนเดียวด้วย”
“พอแล้ว รีบไปกันได้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้กลับมากันสักหน่อย” หลินซินเหยียนส่งพวกเขาให้กับซูจ้าน “รบกวนนายช่วยดูแลพวกเขาทั้งสองคนด้วยนะ”
“ไม่ได้รบกวนเลย” ซูจ้านจับมือจงเหยียนซี แล้วก็มองหน้าหลินซินเหยียน “พี่สะใภ้ พวกเราไปก่อนนะ”
หลินซินเหยียนตอบรับเบาๆ ตอนที่พวกเขาเดินไปถึงหน้าประตูนั้น หลินซินเหยียนก็นึกถึงฉินยาที่กลับไปที่ห้องของตัวเอง แล้วก็เรียกเขาไว้ “ซูจ้าน”
“หืม? ” ซูจ้านหันกลับมา
แต่ว่าหลินซินเหยียนก็ส่ายหน่าอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไรหรอก เดินทางดีๆ นะ”
เดิมทีเธออยากจะบอกซูจ้านเกี่ยวกับเรื่องของฉินยา แต่ว่าก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
ซูจ้านตอบว่าโอเค แล้วก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาควรจะพูดอะไรกับเธอหน่อย “เหวินชิงเข้ามอบตัว……”
“ฉันไม่อยากรู้เรื่องพวกนี้” ซูจ้านยังพูดไม่ทันจบ หลินซินเหยียนก็ตัดบทเขาซะก่อน
ตอนนี้เธอแค่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสงบๆ ทำเรื่องที่เธออยากจะทำให้มันดี
ตอนแรกที่เธอจากมาก เพราะว่าไม่อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่ง
ใครจะเป็นยังไง จะเป็นหรือจะตาย ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย
จะบอกว่าเธอเลือดเย็นก็ได้ บอกว่าเธอไร้ความเมตตาก็ยอม สำหรับญาติทางสายเลือดที่ไม่เคยได้คบหากันนั้น เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักหรอก
เธอไม่ต้องการแบกรับมากเกินไป เธอแบกรับไม่ไหวแล้ว เธอเหนื่อยมาก แค่อยากจะอยู่แบบเรียบง่ายเท่านั้น
ซูจ้านเม้มปากไม่ได้พูดอะไรต่อ ที่เขาพูดถึงสิ่งนี่ขึ้นมา ก็เพราะอยากจะบอกเธอว่า การพิจารณาคดีของเหวินชิง ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจงจิ่งห้าวมากนัก เพราะว่าเขาเข้ามอบตัวเอง
นี่เป็นเรื่องดีๆ เพียงเรื่องเดียวที่เหวินชิงทำ
ทำให้ความสัมพันธ์ของจงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียน สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง
เหวินชิงฆ่าเฉิงยู่ซิ่ว แต่ว่าเหวินชิงก็มอบตัวแล้ว ถือว่าได้ตอบแทนอย่างสาสมแล้ว
พอรู้ว่าเธอไม่อยากฟังซูจ้านก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พาเด็กทั้งสองคนออกไป
“หม่ามี๊ พวกเราจะรีบกลับมานะ” เด็กทั้งสองคนหันกลับมาโบกมือให้เธอ
เธอไม่ได้ออกไปส่งพวกเขา ได้แต่ยืนอยู่หน้าประตู แล้วโบกมือให้พวกเขา “โอเค แม่จะรอพวกลูกนะ”
ลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว ซูจ้านพาเด็กทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์
“พวกเราไปก่อนนะ” ซูจ้านพูด
ใบหน้าของหลินซินเหยียนยังคงมีรอยยิ้มอยู่ “โอเค” มองดูพวกเขาขึ้นลิฟต์ไปจนประตูปิด ก็ยังไม่ละสายตากลับมา
เธอยืนอยู่แบบนั้น มองดูตัวเลขบนลิฟต์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
6 5 4 3 2 1
เธอนับเวลา เมื่อไหร่พวกเขาจะได้ลงจากลิฟต์ เมื่อไหร่จะเดินออกไปนอกคอนโด และเมื่อไหร่จะได้เจอกับเขาคนนั้น
เธอเดินไปที่ห้องนั่งเล่นช้าๆ แล้วก็ยืนมองตรงระเบียงที่สามารถมองลงไปที่หน้าประตูคอนโดได้ แต่ว่าเธอไม่ได้เดินไป
เธอที่ไม่เคยแยกจากลูก กลัวว่าตัวเองจะทำใจไม่ได้ แล้วก็กลัวว่าเขาจะเห็นเธอ
เธอเดินไปที่หน้าโต๊ะอาหารช้าๆ บนนั้นยังมีหัวไชเท้าที่ลูกสาวล้างไว้ให้ แล้วก็ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงที่ลูกชายเอามาให้ แต่ว่าเธอกลับกินอะไรไม่ลงเลย
หัวใจเธอหนักอึ้งไปหมด
เธอได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่แบบนั้น
นาฬิกาบอกเวลาบนผนังผ่านไปเรื่อยๆ เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด
ฉินยาเดินออกมาจากห้องนอน เห็นหลินซินเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น เธอไม่ได้พูดอะไรได้แต่เปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำเปล่าออกมา ดึงเก้าอี้ออกและนั่งลงไป
เธอคิดว่าถึงแม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไร หลินซินเหยียนก็คงจะค้นพบอยู่แล้ว
การปรากฏตัวของซูจ้าน พิสูจน์ให้เห็นว่าจงจิ่งห้าวรู้สถานที่แห่งนี้
“ทำใจไม่ได้สินะ?”ฉินยาถาม
“นิดหน่อย ยังไม่เคยห่างกันเลย แต่ว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ยังไงพวกเขาก็เป็นลูกของเขาเหมือนกัน แค่การที่ฉันพาพวกเขาออกมาก็ถือว่าเป็นการเห็นแก่ตัวมากแล้ว”
ตอนที่เขาต้องการคนอยู่ข้างๆ มากที่สุด เธอไม่แม้แต่ทิ้งลูกไว้ให้เขาเลยด้วยซ้ำ
“ไม่นานก็กลับมาแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนี้เธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวซะหน่อย”ฉินยามองไปที่ท้องของเธอ
หลินซินเหยียนก้มหน้า พยายามฝืนยิ้ม “ใช่ ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว ฉันยังมีเขาอยู่”
มีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ เธอไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดคุยเท่าไหร่ หลังจากนั้นหลินซินเหยียนก็กลับไปที่ห้องนอน เธอนั่งอยู่ข้างเตียงแล้วก็มองออกไปที่หน้าต่าง
เขารู้จักที่นี่ แสดงว่าคืนนั้นอาจจะไม่ใช่ความฝัน แต่ว่ามันเคยมีอยู่จริงๆ
เธอหันกลับไปมองเตียงที่ยุ่งเหยิง เอนตัวลงนอน แต่ว่าทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ความเหงาที่ไม่เคยมีมาก่อนถูกปกคลุมไปด้วยค่ำคืนที่มืดมิด
ลูกๆ ไม่อยู่ข้างๆ เธอ เธอก็ทุ่มเททั้งตัวและหัวใจให้กับงาน เพราะว่าได้รับออเดอร์ผ้าไหมกวางตุ้งมาเยอะมาก โรงงานเดิมก็ไม่สามารถจัดหาให้ได้แล้ว ภายใต้การช่วยเหลือจากช่าวหยุน เธอก็สามารถขยายขอบข่ายได้
ตอนกลางวัน ฉินยาเอาพัสดุมาให้หลินซินเหยียนจากบ้าน
เธอออกแบบชุดแต่งงานสไตล์จีนให้กับลูกค้า เธอทิ้งแบบไว้ที่บ้าน ตอนกลับไปเอารปภก็บอกว่ามีพัสดุส่งถึงพวกเธอ เธอลองอ่านดูก็พบว่ามันเป็นของหลินซินเหยียนก็เลยหยิบมาให้
“ช่วงนี้ฉันไม่ได้ซื้ออะไรเลยนะ” แล้วใครส่งพัสดุมาให้เธอกัน?