กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่533 คนยังสามารถปลอมขึ้นมาได้เลย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร รปภ.บอกว่าเป็นพัสดุของเธอ ฉันเห็นว่ามันเป็นชื่อเธอ ก็หยิบมาให้”
ฉินยาเห็นว่าบนกล่องไม่ได้มีเขียนชื่อและที่อยู่ของผู้รับ และเป็นซองเอกสาร “ หรือว่าเป็นพวกเอกสารหรือเปล่า?”
“เธอเปิดดูเถอะ”ฉินยาส่งให้เธอ
หลินซินเหยียนยื่นมือออกไปรับ เปิดซองออก ด้านในไม่ใช่เอกสาร แต่ว่าเป็นภาพถ่ายจำนวนนึง
เหมือนว่าจะถูกดึงดูดความสนใจ เธอยื่นมือเข้าไปดึงออกมา และแล้ว—รูปด้านในแต่ละรูปก็ดูไม่ค่อยจะน่าดูเท่าไหร่
สิ่งพวกนี้ไม่ได้สำคัญที่สุด ที่สำคัญที่สุดก็คือคนในรูป
สีเลือดบนใบหน้าของเธอค่อยๆ ซีดลงไปเรื่อยๆ มือของเธอก็สั่นเทา แต่ว่าเธอก็มองรูปต่อไปยังไม่ได้หยุด ทุกรูปก็เป็นรูปที่เปิดเผยโจ่งแจ้งเหมือนกัน
ฉินยาเห็นว่าสีหน้าของเธอดูผิดปกติไป ก็ยื่นหน้าเข้ามา “คืออะไรน่ะ……”
เธอยังไม่ทันจะเห็น หลินซินเหยียนก็เก็บรูปพวกนั้นเข้าไปในซอง แล้วก็จะปากซองไว้แน่นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็น แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร “ไม่มีอะไรนะ”
“แต่ฉันเห็นว่าสีหน้าเธอผิดปกติ”ฉินยาขมวดคิ้ว
ต่อให้เธอพูดว่าไม่มีอะไรแต่ว่าสีหน้าก็หลอกไม่ได้หรอก เห็นได้ชัดมันมีอะไรแน่ๆ
สายตาของฉินยาต้องไปที่ซองในมือของเธอ ในนั้นมีอะไรกัน? ที่สามารถทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปได้ทันทีขนาดนี้?
“น่าจะเพราะว่าฉันเหนื่อย ฉินยาเธอให้ฉันพักแป๊บนึงเถอะ”หลินซินเหยียนหันหลังให้กับเธอ
ตอนนี้เธอต้องการความสงบ
ฉินยาตอบว่าโอเค ที่เธอไม่พูดน่าจะเพราะว่าไม่อยากพูด แค่หวังว่าเวลามีเรื่องอะไร เธอจะไม่เก็บไว้ในใจอยู่คนเดียว พอสงบลงแล้วก็จะเล่าให้ฟัง
ยังไงก็ตามมีคนรู้มากกว่า ก็จะได้ระวังมากกว่า
หลังจากที่ฉินยาไปแล้ว หลินซินเหยียนก็ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง หลังจากสงบลง ก็หยิบรูปภาพพวกนั้นออกมาอีกครั้ง เธอเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ว่าพอเห็นก็ยังส่งผลกระทบทางจิตใจ เพราะยังไงซะตัวเอกของในรูปก็คือคนที่เธอแคร์
รูปเปลือยบนเตียง คือรูปของจงจิ่งห้าวกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วก็มีหลายรูปมาก ทุกรูปนั้นก็ต่างเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะมองยังไง เธอไม่เห็นร่องรอยข้อบกพร่องเลย แยกไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
เธอบอกตัวเองในใจว่ามันต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน ต้องมีคนจงใจส่งมาให้เธอ
แต่ว่าหัวใจของเธอก็ยังคงหมองหม่น
เธอพยายามฝืนให้ตัวเองสงบลง ความใจร้อนไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆ ได้
พัสดุที่ส่งมาถึงเธอนั้น ไม่มีชื่อหรือที่อยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ งั้นก็หมายความว่าคนที่ส่งมาให้เธอต้องมีเป้าหมายอะไรอย่างแน่นอน
แต่สำหรับเป้าหมายคืออะไรนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
หรือบางทีอาจจะเป็นคนที่บาดหมางกับจงจิ่งห้าว? รู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับจงจิ่งห้าว ก็เลยจงใจส่งมาให้เธอ?
เธอไม่สามารถดูได้เลย
เรื่องนี้เธอไม่สามารถเข้าใจได้ เธอคิดแล้วคิดอีกแล้วก็หาซองเอกสารที่ยังไม่ได้ใช้ ใส่รูปพวกนี้เข้าไปแล้วก็ปิดสนิท
ตอนที่เธอเดินออกไปฉินยากำลังรับแขกอยู่ในห้องรับแขก เธอก็ไม่ได้ไปรบกวน
ช่าวหยุนถือองุ่นเดินเข้ามา เขายิ้มและพูดกับหลินซินเหยียนว่า “วันนี้ฉันผ่านถังเซียน เก็บมาจากไร่องุ่นเลยนะ สดมาก เธอลองชิมดูสิ”
เพราะว่ามีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจของหลินซินเหยียน เธอก็เลยไม่ได้รู้สึกอยากอาหาร แต่ว่าพอเผชิญหน้ากับความหวังดีของช่าวหยุน เธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณนะ”
“เห็นว่าฉันเป็นคนนอกหรือยังไงกัน ฉันไปหลังก่อนนะ” ช่าวหยุนถือตะกร้าเข้าไปด้านใน แล้วก็หยิบถาดองุ่นเขียวที่ล้างอย่างสะอาดออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ละเม็ดมันไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่นัก ดูแพรวพราวและใสกิ๊ง เขาส่งให้เธอ “ลองชิมดูสิ”
หลินซินเหยียนเด็ดมา 1 เม็ด ปากของเธอไม่รับรู้รสชาติ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่รูปภาพพวกนั้น
เธอมองช่าวหยุน “นายว่า ถ้าเกิดว่ามีคนสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย จะสามารถปรากฏตัวอยู่ในรูปเดียวกันได้ไหม?”
ช่าวหยุนคายหนังองุ่นในปากเขาออกมา แล้วก็มองเธอ “ทำไมจู่ๆ หามอะไรแบบนี้ล่ะ ?”
หลินซินเหยียนเชื่อใจจงจิ่งห้าว ในใจเธอยังมีความรู้สึกไม่แน่ใจ ตอนที่เห็นช่าวหยุนนั้น เธอก็อยากจะหาเหตุผลให้ตัวเองข้อนึง ปลอบตัวเองว่า รูปภาพนั้นมันอาจจะถูกตัดต่อขึ้นมาก็ได้
หลังจากนั้นเธอก็สามารถบอกตัวเองได้ว่า สิ่งที่เธอเห็นนั้นมันเป็นของปลอม เธอจะได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
เธอฉีกยิ้ม “ก็แค่ถามไปงั้นแหละ”
“ก็ต้องได้แน่นอนอยู่แล้วสิ ตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนามาก มีอะไรที่ปลอมขึ้นมาไม่ได้บ้างล่ะ? ขนาดคนยังปลอมได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปเลย”สมัยนี้ผู้หญิงก็สามารถไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้ คนที่งบน้อย ก็แต่งรูปใน App แล้วค่อยโพสต์ในหน้าไทม์ไลน์
ปลอมมาก
ระหว่างที่พูดอยู่นานเขาก็ชี้ไปที่องุ่น “องุ่นหวานขนาดนี้ทำไมเธอไม่กินล่ะ?”
“ฉันเพิ่งจะกินข้าวมาน่ะ ตอนนี้ก็เลยกินไม่ค่อยลง” เธอหาข้ออ้าง เพราะว่าเธอกินไม่ลงจริงๆ แต่ว่าพอได้ยินคำพูดของช่าวหยุนเธอก็รู้สึกดีขึ้นเยอะมาก
ช่าวหยุนก็ไม่ได้บังคับ “ก็ได้ รอให้เธออยากกินแล้วค่อยกินแล้วกัน ถ้าเกิดว่าถูกปากก็บอกฉันนะเดี๋ยวฉันจะไปเก็บให้อีก”
หลินซินเหยียนตอบว่าโอเค
“ที่โรงงานเป็นยังไงบ้าง?”เธอเปลี่ยนหัวข้อ
“พวกอุปกรณ์อยู่ในขั้นตอนการทดลองผลิตแล้ว ถ้าเกิดว่าไม่มีปัญหาก็สามารถเริ่มผลิตได้เลย แต่ว่าช่วงนี้รับออเดอร์อีกไม่ได้แล้วนะ อันก่อนๆ ก็ต้องใช้เวลาผลิตพักหนึ่งเลย” ช่าวหยุนทอดถอนใจอย่างใจหาย “นึกไม่ถึงเลยว่า เธอยังอายุน้อยแต่ว่าทำอะไรเป็นเยอะแยะเลย ผ้าแบบนี้มันมีอะไรดีขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมถึงมีคนต้องการเยอะขนาดนั้น”
“นายก็ต้องไม่คิดว่ามันดีอยู่แล้ว สิ่งนี้มันควรได้รับการชื่นชมจากคนที่รู้เรื่องธุรกิจดีเท่านั้น”หลังจากที่ฉินยาส่งแขกกลับแล้วก็เดินเข้ามา
สิ่งที่ช่าวหยุนไม่ชอบที่สุดก็คือการที่ฉินยาบอกว่าเขาเป็นคนมือสมัครเล่น
“เธอรู้เรื่องดีงั้นสิ” เขายัดองุ่นใส่ปากอีกเม็ดนึง
วันนี้ช่าวหยุนสวมใส่เสื้อยืดสีขาว คอเสื้อและปลายแขนเสื้อเหลือง สวมกางเกง SpongeBob สีเหลืองตัวใหญ่อยู่ด้านล่าง
ฉินยามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็เบะปาก
“สายตาของเธอหมายความว่ายังไงกัน?”ช่าวหยุนก้มหน้ามอง ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินี่
“เปล่า ก็แค่รู้สึกว่านายแต่งตัวได้หล่อมาก”ฉินยารู้ว่าเขาชอบฟังอะไรแบบนี้ เขาก็มีสไตล์แบบนี้ งานอดิเรกแบบนี้ ชอบแต่งตัวเสื้อผ้าสีฉูดฉาด
พอเขาได้ยินฉินยาบอกว่าตัวเองหล่อ ก็ยืนตัวตรงขึ้นมาทันที
“อารอง ฉันออกแบบเสื้อผ้าให้นายบ้างดีไหม?” ฉินยาไม่ได้ถือว่าสนิทกับเขาเท่าไหร่นะ แต่ว่าเขาค่อนข้างจะสนิทกับหลินซินเหยียน ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวชุดขนาดไหน แต่ว่าอายุก็มากกว่า จะให้เรียกแค่ชื่อของเขาก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ก็เลยเรียกเขาเหมือนกับหลินซินเหยียน
แต่ว่าการได้อยู่ร่วมกันตลอด 2 เดือนนี้ ได้ร่วมงานกัน ก็เกิดมิตรภาพขึ้น
เขาดูไม่จริงจัง แต่ว่าที่จริงแล้วเวลาทำอะไรดูเชื่อถือได้มาก นอกจากชอบให้คนอื่นชมว่าเขายังวัยรุ่นเราก็หล่อเหลา ก็ไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไร
แต่ว่า เขายังมีข้อบกพร่องข้อนึง ก็คือชอบใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาด แล้วก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าสีฉูดฉาดจะทำให้เขาดูวัยรุ่น เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ทำให้พูดไม่ออกที่สุดแล้ว
“ได้สิ เธอน่าจะมองออกว่าฉันชอบแบบไหน ก็ออกแบบตามสไตล์ที่ฉันชอบแล้วกัน”ช่าวหยุนยิ้มพร้อมกับขยับเข้ามา “เธอว่า ฉันมีรสนิยมสูงมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
ฉินยา,“……”
หลินซินเหยียนที่อยู่ด้านข้างนั้นตนมองไม่ได้อีกต่อไป นี่มันเรียกว่ารสนิยมได้ด้วยเหรอ?
“นี่มันไม่ได้เรียกว่ารสนิยมด้วยซ้ำ มันเรียกว่างานอดิเรก”ฉินยาแก้ไขให้ถูกต้อง
ถ้าเกิดว่านี่คือรสนิยม โลกนี้ก็จะยุ่งวุ่นวายมาก
โลกทั้งใบเต็มไปด้วยสีสันเต็มไปหมด
“งานอดิเรกก็ได้นิ”ยังไงเขาก็ชอบอยู่ดี
“โอเค ฉันยังมีธุระอื่นอีกไปก่อนนะ” ช่าวหยุนคือคนที่ยุ่งที่สุดคนหนึ่ง ด้านหนึ่งก็ต้องดูแลบริษัท อีกด้านนึงก็ยังต้องคอยช่วยเหลือหลินซินเหยียน
หลังจากที่ช่าวหยุนไปแล้ว ฉินยาถึงได้กล้าพูดขึ้นมา “ในซองพัสดุเมื่อกี้คืออะไรกัน ฉันเห็นว่าเธอเหมือน……”
“เสี่ยวยา”เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกหลินซินเหยียนตัดบท “ช่วยส่งอันนี้ให้จงจิ่งห้าวหน่อย”
ฉินยามองเธอ ไม่ได้ยื่นมือไปรับทันที รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่อยู่ดีๆ เธอก็พูดถึงจงจิ่งห้าว
“เธอน่าจะติดต่อกับเขาใช่ไหม?”ตอนที่หลินซินเหยียนเห็นจงจิ่งห้าวนั้น ก็เข้าใจเรื่องหลายๆ เรื่องอย่างชัดเจน
ฉินยาโกหกว่าพาลูกทั้งสองคนไปกินปลานึ่ง แต่ที่จริงแล้วไปกินอาหารฝรั่ง น่าจะไปเจอเขาแหละ
ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ต้องโกหกเรื่องนี้เลย
วจงจิ่งห้าวน่าจะไม่อยากปรากฏตัว ก็เลยให้ฉินยาแอบพาลูกทั้งสองคนไปเจอเขา
ส่วนทำไมเขาถึงให้ซูจ้านออกหน้าแทน เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ บางทีอาจจะเพราะว่าการแอบเจอกันกับลูกๆ ทั้งสองคนยังไม่สามารถตอบสนองความคิดถึงที่เขามีต่อพวกเขาได้ ก็เลยอยากจะพาลูกๆ ไปที่เมืองBสักพักหนึ่ง
ฉินยาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือไปรับมา ซูจ้านก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ถ้าหลินซินเหยียนยังไม่รู้อะไรอีกก็ถือว่าแปลก
“เขาส่งมาให้เธอเหรอ?”ฉินยารู้สึกประหลาดใจ เพราะว่าตอนที่หลินซินเหยียนเห็นสิ่งดีนั้นสิมาเธอก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“เปล่า เธอแค่ให้เขาก็พอแล้ว ถ้าเกิดว่าเขาถาม เธอก็บอกว่ามีคนอื่นส่งมาให้ฉัน ไม่มีชื่อกับที่อยู่ ฉันคิดว่าเขาน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ”ยังไงมันก็เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่า มันคือการพุ่งเป้าหมายมาที่เขา
ฉินยาตอบ “งั้นเดี๋ยวฉันจะติดต่อเขา”
“วันนี้ฉันเลิกงานก่อนนะ” เธอรู้สึกอยากหลีกเลี่ยงแบบแปลกประหลาด น่าจะเพราะว่าได้ยินข่าวที่เกี่ยวกับเขา
ตอนนี้เธออยากจะอยู่เงียบๆเป็นอย่างมาก ต่อให้อยู่ที่นี่ไปเธอก็ไม่มีอารมณ์จะทำงาน ในหัวเธอตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ถึงแม้จะรู้ว่ามันอาจจะเป็นของปลอม แต่ว่ามันก็กระทบต่ออารมณ์ของเธอเป็นอย่างมาก
ฉินยาตอบว่าโอเค เธอมองออกว่าอารมณ์ของหลินซินเหยียนได้รับผลกระทบจากอะไรบางอย่าง
เธอก้มหน้ามองซองเอกสารในมือของตัวเอง แล้วก็โทรหาจงจิ่งห้าว
ตอนนี้จงจิ่งห้าวเพิ่งจะพาลูกทั้งสองคนมาถึงไป๋เฉิง เพราะเห็นว่าฉินยาโทรมา เขาก็รับสายในทันที