กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่564 ความรักเอาชนะความบริสุทธิ์ของร่างกาย
ไม่เชื่อใจเขายังงั้นเหรอ?
เขาขยับเข้ามาใกล้ แล้วก็เอาคางวางลงบนไหล่ของเธอ เสียงของเขาเบาราวกับเป่าผมตรงหูของเธออย่างตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ พูดอย่างอบอุ่นว่า “ผมจะไม่นอนกับผู้หญิงคนไหนนอกจากคุณ มีแค่คุณเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ผมได้”
พลังการเอาตัวรอดสูงมาก!
ลมหายใจจากการพูดของเขาที่ใกล้เกินไปทำให้หูของเธอรู้สึกจักจี้ หลินซินเหยียนผละตัวออกแล้วมองมาที่เขา “จริงจังหน่อยได้ไหม? ”
แล้วเขาไม่จริงจังตรงไหนกัน?
เขากำลังอธิบายอย่างจริงจังมากต่างหาก เขาไม่อยากจะนอนกับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ ในโทรศัพท์เขาก็ไม่ได้มีผู้หญิงอื่น มีแค่สิ่งที่จำเป็นต่อการทำงานเท่านั้น ไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงคนไหนอย่างแน่นอน
เขากลัวว่า หลินซินเหยียนจะไม่ยอมปล่อยแม้แต่เรื่องนี้ไป
ทันใดนั้นหลินซินเหยียนก็เข้าใจแล้วว่าเขากำลังอธิบายอะไรอยู่ ก็หันหน้าไปมองหน้าเขา แล้วก็คลี่ยิ้ม “ฉันเคยบอกคุแล้วใช่ไหม? ถ้าเกิดว่าคุณสวมเขาให้ฉัน ฉันจะสวมเขาที่ใหญ่กว่าให้คุณอย่างแน่นอน”
จงจิ่งห้าว,“……”
ผู้หญิงคนนี้……
หลินซินเหยียนไม่ได้พูดพล่ามกับเขาต่อ เธอมีสีหน้าจริงจัง “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากให้ฉันยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ฉันเองก็ไม่ได้มีความสามารถจะช่วยอะไรคุณได้ สิ่งที่ฉันสามารถทำได้ก็มีแค่ดูแลลูกทั้งสองคนกับตัวฉันเองให้ดี ให้คุณไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องทั้งหมดก็ให้คุณจัดการ ฉันคิดว่ากู้เป่ยไม่สามารถรับมือได้ง่ายๆ ฉันเมมเบอร์อารองไว้ในมือถือของคุณ ถ้าเกิดว่ามีอะไรที่คุณไม่สะดวกที่จะทำ ก็ให้เขาทำแทน”
พอพูดจบเธอก็เงยหน้ามองหน้าเขา “ฉันไม่สนใจว่าคุณจะใช้วิธีไหน แต่ว่าคุณต้องทำให้คนที่รังแกฉินยาได้รับการลงโทษให้ได้ นี่คือคำขอของฉัน รับปากฉันได้ไหม? ”
จงจิ่งห้าวยื่นมือไปดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วก็ก้มหน้าจุ๊บหน้าผากของเธอ เขาไม่ได้ผละออกไปทันทีแต่ว่าเอาหน้าผากของตัวเองชนกับหน้าผากของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ผมรับปาก”
พอได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการ หลินซินเหยียนก็ผละออกมาจากอ้อมแขนของเขา “คุณทำงานต่อไปเถอะ ฉันไปก่อนนะ”
“จะเที่ยงแล้ว กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยไปเถอะ” จงจิ่งห้าวดึงมือของเธอไว้ กุมมือแน่นไม่ยอมปล่อย
หลินซินเหยียนพยายามสะบัดมือเล็กน้อยแต่สะบัดไม่ออก แล้วก็พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันจะไปเยี่ยมฉินยาที่โรงพยาบาล”
ต่อให้จงจิ่งห้าวไม่อยากจะปล่อยเธอไป แต่ก็จำใจต้องปล่อยมือ
“พอเยี่ยมฉินยาเสร็จแล้วฉันก็จะกลับบ้านทันที” หลินซินเหยียนพูดก่อนที่จะออกไป
จงจิ่งห้าวตอบรับเบาๆ
พอออกมาจากโรงพยาบาลหลินซินเหยียนก็ไปขึ้นรถที่ลานจอดรถ แล้วก็ตรงไปที่โรงพยาบาล
พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วเธอก็โทรหาเสิ่นเผยซวน ถามว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน
เสิ่นเผยซวนบอกว่าฉินยาถูกส่งตัวไปที่ห้องพักฟื้นแล้ว บอกว่าห้องพักฟื้นของเธออยู่ที่ชั้นสาม
หลินซินเหยียนไปที่ห้องพักฟื้นที่ชั้นสาม ก็เจอเสิ่นเผยซวนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงทางเดิน เหมือนกับว่ากำลังคุยเรื่องงานอยู่ พอเสิ่นเผยซวนเห็นว่าเธอมา ก็พูดกับปลายสายอีกไม่กี่ประโยคแล้วก็วางสายไป
“ฉินยาอยู่ในห้อง ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ ซูจ้านก็อยู่เป็นเพื่อนเธอ” เสิ่นเผยซวนพูด
หลินซินเหยียนพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว หลังจากนั้นก็พูดว่า “ถ้าเกิดว่าคุณมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะ ที่นี่ปล่อยให้ฉันดูแลต่อเอง”
เสิ่นเผยซวนนั้นมีธุระจริงๆ แต่ว่าก็รู้สึกพะว้าพะวังไม่กล้าพูด “คุณไหวเหรอ? ”
ยังไงเธอก็ตั้งท้องอยู่
“ฉันก็แค่ท้อง ไม่ได้เป็นคนป่วยซะหน่อย คุณวางใจแล้วไปจัดการธุระของคุณเถอะ ที่นี่เดี๋ยวฉันคอยเฝ้าให้เอง ถ้าเกิดว่ามีอะไรเดี๋ยวฉันโทรหา” หลินซินเหยียนพูดอีกครั้ง แล้วน้ำเสียงของเธอก็แน่วแน่มาก เสิ่นเผยซวนก็ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็ออกไปจากตรงนั้น
พอเธอเห็นว่าเสิ่นเผยซวนไปแล้ว ถึงได้เดินไปที่หน้าห้องพักฟื้น พอมองลอดกระจกเข้าไปก็เห็นซูจ้านสวมใส่ชุดผู้ป่วยสีน้ำเงินนั่งอยู่ข้างเตียง หลินซินเหยียนยืนอยู่หน้าประตูสักพัก แล้วก็ผลักประตูเข้าไปเบาๆ
พอได้ยินเสียงซูจ้าก็นึกว่าเป็นเสิ่นเผยซวน เขาก็เลยไม่ได้หันหน้ากลับไป ได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างเตียงคอยมองฉินยา
หลินซินเหยียนมองดูฉินยาที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง แล้วก็พูดเสียงเบาว่า “ซูจ้าน พวกเราไปคุยกันข้างนอกหน่อยเถอะ”
พอได้ยินว่าไม่ใช่เสียงของเสิ่นเผยซวน ซูจ้านก็หันหน้ากลับมา พอเห็นหลินซินเหยียน ก็เงียบไปประมาณสองวินาที หลังจากนั้นก็พยักหน้า
เขายืนขึ้นแล้วก็ห่มผ้าให้ฉินยา หันมาแล้วพูดกับเธอว่า “ไปกันเถอะ”
หลินซินเหยียนเดินนำออกไปก่อนแล้วซูจ้านก็ปิดประตูห้องพักฟื้น พวกเขาไม่ได้เดินไปไกลเท่าไหร่นัก ได้ค่ยืนคุยกันอยู่ตรงทางเดิน
“คุณได้รับบาดเจ็บเหรอ? ” หลินซินเหยียนเห็นว่าเขาสวมใส่ชุดผู้ป่วย ก็เลยถามอย่างเป็นห่วง
“นิดหน่อย” ซูจ้านก้มหน้าลง เป็นแผลที่ด้านหลัง เพราะว่าเขาไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้ ดังนั้นพอทำแผลที่โรงพยาบาลเสร็จ ก็เลยใส่ชุดผู้ป่วย
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” หลินซินเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พร้อมกับมองเขา “สถานการณ์ของฉินยาเป็นยังไงบ้าง? ”
ซูจ้านเอาหลังพิงกำแพงแล้วไปโดนแผลของตัวเอง คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน เขาก้มหน้าลง “ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง ผมก็ไม่แคร์”
ไม่ใช่ไม่แคร์ แต่ว่าความรักมันเอาชนะความบริสุทธิ์ของร่างกาย
ครั้งแรกของฉินยาก็เป็นของเขา หลังจากอยู่กับเขาแล้ว ก็มักได้รับบาดเจ็บ และครั้งนี้เธอก็ตกเป็นเหยื่ออีก
แล้วเขายังจะมีหน้าไปถือสาเรื่องที่ไม่สำคัญพวกนั้นได้อีกอย่างไร?
“ต่อให้ผมไม่แคร์ ก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะยอมรับผมอีกครั้งรึเปล่า” ซูจ้านพูดอย่างซึมเซาเล็กน้อย เขารู้สึกหมดแรง ไม่รู้จะเริ่มยังไง และไม่รู้จะพูดยังไง
หลินซินเหยียนเองก็รู้ว่าครั้งที่แล้วฉินยาถูกทำร้ายอย่างร้ายแรงมาก ที่เธอสามารถเดินออกมาได้ ก็เพราะว่าจิตใจของเธอมั่นคง
“เธอต้องการเวลา”หลินซินเหยียนพูด
เรื่องความรู้สึกนั้นเธอจะไม่เข้าไปแทรกแซง ยังไงทุกคนก็ต่างเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ต่างก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการคืออะไร ที่เธอถามซูจ้านเพราะว่าอยากจะรู้ใจของเขา ถ้าเกิดว่าเขายังรักฉินยาอยู่ เขาก็ต้องใช้หัวใจของเขาทำให้หัวใจอันเย็นชาของฉินยาอบอุ่นลงได้
และได้รับการให้อภัยจากเธอ
ถ้าเกิดว่าไม่รักแล้ว ก็ไม่ต้องมารบกวนเธออีก
แต่ว่าพอเห็นท่าทางของเขาแล้ว ความรู้สึกของซูจ้านที่ยังมีต่อฉินยายังคงลึกซึ้งอยู่
เธอค่อยๆ ถอนหายใจออกมา แล้วก็ถามว่า “ตอนนี้อาการของเธอเป็นยังไงบ้าง? หมอบอกว่ายังไง? ”
“เธอเป็นไข้ หมอได้ฉีดยาลดไข้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ขามีบาดแผลเล็กน้อย ช่วงนี้ยังเดินไม่ได้ ต้องพักรักษาอีกหน่อย” ซูจ้านพูด
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ต้องอยู่โรงพยาบาลใช่ไหม? ”
“หมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล กลับบ้านน่าจะดีกว่า” ซูจ้านเม้มปาก แล้วก็เล่าให้หลินซินเหยียนเกี่ยวกับความคิดของเขา “ผมอยากจะพาเธอกลับไปดูแลที่บ้าน แต่รู้ดีว่าเธอต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน คุณช่วยกล่อมเธอให้หน่อยได้ไหม? ”
ไม่มีญาติคนไหนสามารถดูแลเธอได้ แล้วเธอจะไม่มีคนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้ เขาอยากจะดูแลเธอด้วยตัวของเขาเอง
ซูจ้านกลัวว่าหลินซินเหยียนจะเป็นกังวลก็เลยรีบอธิบาย “ผมไม่ได้จะขอร้องให้เธอต้องยกโทษผมให้ได้ และก็ไม่ได้อยากจะแสดงอะไรต่อหน้าเธอ แค่อยากจะดูแลเธอเฉยๆ เท่านั้น เธอไม่ได้จำเป็นต้องกดดันอะไรเลย”
หลินซินเหยียนเข้าใจความหมายของซูจ้าน ก็แค่อยากจะดูแลเธอเฉยๆ แต่ว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นของพวกเขา มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ฉินยาจะยอมรับการดูแลจากเขาอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง?
นอกจากฉินยาจะให้อภัยเขาเท่านั้นแหละ ถึงจะยอมรับการดูแลจากเขา
“ฉันเกลี้ยกล่อมฉินยาไม่ได้หรอก” หลินซินเหยียนมองซูจ้าน “คุณต้องเข้าใจนะ เธอยังไม่ได้ให้อภัยคุณ แล้วคุณจะให้เธอยอมรับการดูแลจากคุณด้วยสถานะอะไรเหรอ? ”
“แล้วใครจะดูแลเธอได้อีกล่ะ? ” ซูจ้านพิงกำแพงอย่างทุกข์ใจ แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้
ลมหายใจของเขารู้สึกอึดอัด เจ็บปวดมาก
“ฉันจะดูแลเธอเอง พอเธอฟื้นเดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์ คุณก็รู้ว่าที่คฤหาสน์มีห้องตั้งเยอะตั้งแยะ เดี๋ยวฉันจะจ้างแม่บ้านอีกคนมาทำงานบ้าน ต้องดูแลได้อย่างแน่นอน ถ้าคุณอยากเจอเธอ ก็ไปหาเธอที่คฤหาสน์แล้วกัน”
หลินซินเหยียนเองก็มีความคิดแบบเดียวกับซูจ้าน เธอไม่ไว้ใจให้คนอื่นดูแล ต้องให้อยู่ข้างๆ ตัวเองถึงจะวางใจ
ซูจ้านพูดเสียงเบา “ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะดูแลเธอก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลย” ตอนที่อยู่ที่ประเทศA ความสัมพันธ์ของพวกเธอนั้นดีมาก แล้วก็กลับประเทศมากับเธอ ช่วยให้เธอก่อตั้ง《เมฆาในคืนจันทรา》ขึ้นมา ความสัมพันธ์ของพวกเธอมันเกินกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้ว
พวกเธอชื่นชมซึ่งกันและกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน เป็นเหมือนญาติกัน
เธอเห็นซูจ้านซึมเซาแบบนี้ สุดท้ายก็อดไม่ได้ “ฮึกเหิมหน่อย คุณเป็นแบบนี้ไม่สามารถชนะใจฉินยากลับมาได้หรอกนะ”
ซูจ้านเงยหน้าขึ้นมองเธอ “พี่สะใภ้ คุณว่าผมควรทำยังไง? ”