กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่58 คุณทำฉันเจ็บนะ
“หืม?”หลินซินเหยียนเปลี่ยนรองเท้าไปด้วยมองเขาไปด้วย“วันนี้วันหยุดไม่มีเรียน ลูกไม่อยากอยู่บ้านพักผ่อนหรอ?”
หลินซีเฉินพูดอย่างจริงจัง“น้องก็อยู่บ้าน ผมคิดว่า ผมคงไม่ได้พักผ่อนหรอก”
หลินลุ่ยซีชอบตัวติดกับคนอื่น เรื่องนี้หลินซินเหยียนรู้ดี
เธอสวมเสื้อคลุมให้ลูกชาย จากนั้นก็พาเขาไปทำงานด้วย
ลูกชายเธอค่อนข้างนิ่ง เพราะงั้นเธอจึงไม่ต้องกังวลมากเท่าไหร่
แต่ถ้าเป็นหลินลุ่ยซีขอไปด้วยล่ะก็ เธอคงไม่ยอมแน่
ลักษณะนิสัยของเด็กคนนั้นจะค่อนข้างเป็นไปตามวัยมากกว่า ส่วนนิสัยของลูกชายคนนี้เธอก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วมันดีหรือไม่ดี
เธออุ้มลูกชายขึ้นมาหอมแก้มหนึ่งที
หลินซีเฉินหน้าแดงระเรื่องขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดออกมาด้วยความเขินอาย“หม่ามี๊”
หลินซินเหยียนยิ้มร่า ตอนที่ลูกชายของเธอเขินนี่ช่างน่ารักเสียจริง
เธออุ้มหลินซีเฉินไปนั่งในรถพร้อมกับคาดเข็มขัดให้เขา
พอถึงLEO หลินซินเหยียนจัดการจอดรถเสร็จก็อุ้มลูกชายลงมา จากนั้นก็จูงมือเข้าไป
“คุณหลินคะ ลูกค้าที่นัดไว้มาถึงแล้วค่ะ ” ฉินยาผู้ช่วยของเธอกำลังพูดรายงาน “ดิฉันพาพวกเขาไปรอที่ห้องรับแขกแล้ว”
ลูกค้าคนนี้เคยนัดไว้ตั้งแต่เดือนก่อน พวกเขาอยากจะสั่งทำชุดใส่ในพิธีหมั้น
หลินซินเหยียนได้ทำการออกแบบไว้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกดู เธอบอกให้หลินซีเฉินไปเล่นรอก่อน“อย่าไปวิ่งเพ่นพ่านล่ะ”
“ผมรู้น่า”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามา เขาคุ้นเคยกับที่นี่อยู่พอสมควร อีกทั้งสาวๆที่นี่ยังชอบเขาเอามากๆด้วย
“เธอไปชงกาแฟมาสองถ้วยแล้วยกเข้ามา”หลินซินเหยียนพลิกดูรูปที่เธอออกแบบไปมา พอเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เธอถึงได้หยิบมันขึ้นแล้วตรงไปห้องรับแขก
เธอผลักประตูห้องรับแขกออก ที่โซฟาหนังแท้มีหญิงชายคู่หนึ่งนั่งอยู่ แต่เมื่อเห็นหน้าตาพวกเขาชัดๆแล้ว หลินซินเหยียนก็ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง พอรู้สึกตัวเธอถึงได้กระแอมเสียงขึ้น พร้อมกับฉีกยิ้มหวานออกมาและทำเหมือนกับว่าไม่รู้จักพวกเขา “สวัสดีค่ะ”
เธอหยิบสมุดออกแบบออกมาด้วยท่าทีสงบ
ไป๋จวู่เวย ไม่สิ ตอนนี้คงต้องเรียกว่าเหอรุ่ยหลิน หน้าของเธอซีดเผือดลงทันที เป็นหล่อนได้ยังไงนะ?
เธอหันไปมองจงจิ่งห้าวที่นั่งอยู่ข้างๆโดยสัญชาตญาณ
เขาจ้องผู้หญิงที่กำลังเดินเข้ามาตาเป็นมัน
หกปีที่ผ่านมาเธอปล่อยวางเรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว
ตอนนี้เธอก็แค่อยากจะใช้ชีวิตที่สงบสุข ฉะนั้นคนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ
หลินซินเหยียนแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเขาแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา เธอสวมชุดยูนิฟอร์มสีดำ นั่งไขว่ห้างอยู่ท่วงท่าที่สง่างาม จากนั้นก็เอาสมุดออกแบบออกมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปตรงหน้าเหอรุ่ยหลิน “นี่เป็นรูปต้นฉบับ คุณผู้หญิงลองดูสิคะ”
เหอรุ่ยหลินรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากชายข้างกาย มันหนาวเหน็บเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว
ถ้าเกิดเธอรู้ว่านักออกแบบที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้นคือหลินซินเหยียน จ้างให้เธอก็ไม่เลือกLEOหรอก
ตอนนั้นเธอยืนกรานที่จะเลือกร้านนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะเปลี่ยนใจแล้ว
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากหยิบสมุดออกแบบขึ้นมาพลิกดู มือของเธอสั่นระริก แต่ละชุดมีความโดดเด่นมาก แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือชุดที่มีชื่อว่าแรกเริ่ม ทั้งชุดเป็นสีชมพู คอปาดไหล่ เก็บเอว ดูเรียบง่ายทว่ากลับสง่างาม
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลินซินเหยียนเป็นคนออกแบบ แต่เธอชอบชุดนี้มาก
ฉินยายกกาแฟเข้ามา ย่อตัวลงเสิร์ฟกาแฟให้พวกเขา หลินซินเหยียนมองไปที่เธอ “เสี่ยวยา เธอไปเอาชุดแรกเริ่มออกมาหน่อย”
“ค่ะ”ฉินยาเก็บถาดแล้วเดินจากไป ซักพักก็กลับมาพร้อมกับหุ่นที่สวมชุดที่มีชื่อว่าแรกเริ่ม
มันสวยกว่าในรูปซะอีก ผ้าไหมสีชมพูที่ผ่านการตัดเย็บมาแบบพิเศษ มันแพรวพราวแวววับสดใสมาก โดยเฉพาะเมื่อตอนโดนแสง ราวกับว่ากำลังมีดวงดาวส่องประกายระยิบระยับอยู่บนเสื้อยังไงยังงั้นเลย ส่วนคอเสื้อก็เป็นแบบปาดไหล่ มันสามารถเผยให้เห็นบริเวณที่เซ็กซี่ของผู้หญิงได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกระดูกไหปลาร้า ไหล่ แขน ส่วนบริเวณทรวดทรงองค์เอวก็เก็บเข้ารูปได้อย่างสวยงาม กระโปรงยาวไปถึงข้อเท้า ขับให้ดูสง่างามและเรียบร้อย
เหมาะจะเป็นชุดที่ใส่ในวันหมั้นที่สุดแล้ว
เหอรุ่ยหลินยื่นมือไปสัมผัสเนื้อผ้า มันทั้งนุ่มและเรียบลื่น รู้สึกสบายมากเมื่อสัมผัส
“นี่เป็นผลงานที่คุณหลินได้รับรางวัลเลยนะคะ มีคนมาขอซื้อมากมาย แต่คุณหลินก็ไม่ยอมขาย คุณลูกค้านี่ตาถึงจริงๆเลยค่ะ มองแวบเดียวก็เตะตาชุดนี้แล้ว พอดีเลย คุณหลินก็กำลังจะตัดสินใจขายเหมือนกัน”ฉินยาเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
จงจิ่งห้าวจ้องไปที่ใบหน้าของหลินซินเหยียน ทว่าสายตาของเธอกับจดจ่ออยู่กับชุดแต่งงาน เธอเหลือบมองเขาแวบเดียวเมื่อตอนที่เดินเข้ามา จากนั้นก็ไม่มองเขาอีกเลย
ทำเหมือนเขาเป็นอากาศ เป็นคนแปลกหน้า?
เขาเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงคมราวกับใบมีด
เหอรุ่ยหลินเชิดหน้าขึ้น ตอนนี้เธอเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเหอ ไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แม้หลินซินเหยียนจะกลายเป็นนักออกแบบแล้วมันจะทำไมล่ะ?
ยังไงก็ต้องออกแบบชุดให้เธอ และคอยดูเธอหมั้นกับจงจิ่งห้าวอยู่ดีไม่ใช่หรอ?
พอคิดแบบนี้ เหอรุ่ยหลินก็รู้สึกดีขึ้นมาก เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งออกไป“ทำไมถึงเรียกว่าแรกเริ่มล่ะ?”
หลินซินเหยียนหลับตาลง ตอนที่เธอออกแบบชุดนี้ เธอนึกถึงความฝันครั้งแรกของตัวเองที่อยากจะเป็นนักออกแบบที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้เธอเรียนไม่จบ ต่อมามีโอกาสได้เรียนจนจบ และเข้าทำงานที่LEO เธอถึงได้ออกแบบชุดนี้ออกมา
นี่เป็นผลงานเปิดตัวของเธอ แรงบันดาลใจมาจากความฝันครั้งแรก เพราะงั้นเธอจึงใช้ชื่อว่าแรกเริ่ม
เมื่อพูดถึงผลงานของตัวเอง เธอก็มักจะพูดได้อย่างมั่นใจเสมอ เธอยิ้มออกมาเบาๆ “ในความคิดของฉัน ครั้งแรกของทุกอย่างล้วนสวยงามไปหมด ฉันคิดว่าตอนยังเด็กทุกคนต่างก็ต้องมีเรื่องที่ตัวเองอยากจะทำ ฉันเรียกมันว่าความฝันครั้งแรก อย่างเช่นครั้งแรกที่เริ่มรู้สึกใจเต้นกับใครบางคน และครั้งแรกมักจะเป็นความรู้สึกที่จริงที่สุด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นครั้งแรกล้วนมีผลต่อความรู้สึกของเรามากที่สุด คุณเหอเห็นด้วยไหมคะ?”
ตอนที่เธอพูด เธอมองข้ามจงจิ่งห้าวไป และจ้องไปที่ร่างของเหอรุ่ยหลิน“ก็เหมือนกับความรักของคุณเหอกับคุณจง ที่ผ่านอุปสรรคมามากมาย จนสุดท้ายก็ได้มาอยู่ด้วยกัน กลับมาหาความรู้สึกดีๆที่ทั้งสองมีให้กันเหมือนตอนแรกเริ่ม——”
“พอได้แล้ว!”
จงจิ่งห้าวตะโกนขัดเสียงดังลั่น เขาลุกพรวดขึ้น แล้วก้าวเข้าไปหาหลินซินเหยียน จากนั้นก็คว้ามือเธอไว้
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วขึ้น “คุณจะทำอะไร?”
จงจิ่งห้าวไม่พูดไม่จาอะไร เขาลากเธอออกไปทันที
จงจิ่งห้าวหันกลับมามองตาเขม่นราวกับว่ากำลังส่งสัญญาณเตือน เหอรุ่ยหลินไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอรู้สึกกลัวจึงได้แต่ปิดปากเงียบลง
หลินซินเหยียนดิ้นขัดขืน แต่เนื่องจากจงจิ่งห้าวแรงเยอะมาก เธอจึงไม่อาจดิ้นหลุดไปไหนได้ เธอตะโกนออกไป “ฉันเจ็บนะ!”
จงจิ่งห้าวไม่สนใจที่เธอขัดขืน เขาลากเธอไปที่บันไดจากนั้นก็กดเธอไว้กับผนัง เขาโกรธจนหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับสิงโตที่กำลังโมโห เขาจ้องผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา“ทำไมต้องซ่อนตัวด้วย?!”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแน่น ซ่อนหรอ?
เธอไม่เคยคิดที่จะหลบซ่อน ถึงแม้จะไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มากแค่ไหนก็ตาม
แต่เพียงเพราะสถานการณ์ในตอนนั้น เหอรุ่ยเจ๋อบอกว่าการรักษาและเครื่องมือการแพทย์ที่นี่เหมาะสำหรับการผ่าตัดและการคลอดลูกของเธอ
ตอนนั้นเธอกำลังบาดเจ็บเธอไม่มีทางเลือก เธอทำได้เพียงแต่ทำตามการจัดการของเหอรุ่ยเจ๋อ
“พูดแบบนี้ได้ยังไงคะคุณจง พวกเราหย่ากันแล้ว ฉันจะทำอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ?”หลินซินเหยียนพยายามข่มอารมณ์ทำให้ตัวเองดูนิ่ง
ความจริงเธอก็ไม่อยากแสดงออกว่าไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรหรอก
แต่เธอแค่ไม่อยากยอมรับว่าในช่วงชีวิตหนึ่งของเธอมีผู้ชายคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาทำให้จิตใจที่สงบสุขของเธอต้องปั่นป่วน
หลายปีมานี้ความปั่นป่วนพวกนั้นได้สงบลงแล้ว
ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องในอดีตอีก
เหอะ!
จงจิ่งห้าวแค่นเสียงหัวเราะออกมา “หย่าหรอ?”
เขาปล่อยหลินซินเหยียนแล้วถอยออกมาหนึ่งก้าว เขายืนห่างกับหลินซินเหยียนแค่เพียงสองเก้าเท่านั้น เขามองเธอหัวจรดเท้าไปมา เวลาหกปี เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอดูสวยสะพรั่งตามวัยอย่างไม่บอกไม่ถูก ผมสีดำสนิทถูกมันรวบเป็นหางม้า ดูสะอาดเรียบร้อย การแต่งกายและคำพูดคำจาก็รู้สึกได้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงแกร่งคนหนึ่ง เขาหัวเราะออกมา“คุณแน่ใจหรอว่าเราหย่ากันแล้ว?”
หัวใจของหลินซินเหยียนกระตุกวาบขึ้นมาทันที วันนั้นเธอกำลังรีบกลับไปเพื่อไปเซ็นใบหย่า แต่เธอกลับประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียก่อน จากนั้นก็ถูกเหอรุ่ยเจ๋อพามาที่นี่
เพราะงั้นเธอจึงยังไม่ได้จัดการเรื่องหย่าให้เสร็จ——