กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่590 ผมเป็นคนเลวทรามคนหนึ่ง
หลินซินเหยียนอดรู้สึกขำไม่ได้ เขาทำไมถึงไร้สาระได้ขนาดนี้?
“อยากจะหยิบกระจกให้คุณส่องดูจริงๆ ให้คุณเห็นว่าตอนนี้ท่าทางของคุณมันเย็นชาไร้หัวใจแค่ไหน”
จงจิ่งห้าวส่งเสียงฮึออกมา หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเท้าให้เธอ
หลินซินเหยียนหันไปมองเขา “โกรธหรอ?”
ไม่งั้นทำไมไม่พูดเลยล่ะ?
ทันใดนั้น จงจิ่งห้าวทิ้งผ้าขนหนูไปข้างๆ สองมือจับข้อเท้าเธอไว้ ใช้ตัวกดลงไป หลินซินเหยียดขัดขืน พูดเสียงเบาๆว่า “คุณทำอะไร? เด็กสองคนยังอยู่นี่นะคะ เสียงดังจนพวกเขาตื่นแล้ว”
เขายักคิ้วชั่วร้าย พูดเสียงทุ้มต่ำ “คุณร้องเบาๆ ก็ไม่ตื่นแล้ว”
หลินซินเหยียน “…”
“คุณทำไมนับวันยิ่งหน้าไม่อายนะ?” หลินซินเหยียนดิ้นแรงขึ้น กลัวว่าเขาจะคิดทำอะไรจริงๆ ต่อหน้าเด็กๆ ทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่ควรทำออกมา
จงจิ่งห้าวงอเข่า ใช้ขาตรึงขาของเธอไว้ ทำให้เธอขยับไม่ได้ สมองของเขาชัดเจนอย่างมาก ต่อให้เขาจะควบคุมตัวเองต่อเธอไม่ได้ ก็ไม่บ้าบิ่นกระทำอะไรแปลกๆออกมาต่อหน้าลูกเด็ดขาด
เขามองหลินซินเหยียนเงียบๆ เธออายุไม่มาก แถมยังหน้าตางดงามยิ่งทำให้ดูเด็กลงไปอีก แก้มก็ขาวเนียนประณีตราวกับเครื่องลายคราม เขาใช้มือลูบเบาๆ “เหยียนเหยียน ผมไม่ชอบที่เขาคิดต่อคุณเลย ไม่ชอบจริงๆ”
เขาไม่สามารถใจกว้างขวางต่อคนที่อยากได้ภรรยาได้
“ผมเป็นคนเลวทรามคนหนึ่ง ผู้หญิงของผมก็ต้องเป็นของผมคนเดียว ใครก็อย่าได้คิด”
หลินซินเหยียนรู้ ถ้าหากมีใครมีใจหนักแน่นต่อจงจิ่งห้าวขนาดนี้ ต่อให้ใจเย็นแค่ไหนเธอก็ไม่มีความสุขหรอก ในใจก็ไม่เป็นสุข
“ฉันรู้ ฉันชอบแต่คุณเท่านั้น สำหรับเขาก็แค่ศีลธรรมก็เท่านั้น” หลินซินเหยียนบอกความในใจของตน ผู้ชายคนนี้นี่นะ บางทีก็ใจแคบซะอย่างกับรูเข็ม ที่ควรอธิบายก็ควรพูดให้เขาฟัง เขาจะได้ไม่คิดมาก
หลินซินเหยียนยิ้มออกมาอย่างกะทันหัน “ยิ่งรู้จักคุณมากขึ้น ฉันก็พบว่า คุณตอนอยู่ข้างนอก กับอยู่ในบ้านแตกต่างกันอย่างมาก”
“อืม? ด้านไหนบ้างล่ะ? พูดให้ฟังหน่อยสิ?” จงจิ่งห้าวรู้สึกสนใจ ออกห่างจากตัวเธอเพื่อหลีกเลี่ยงกดโดนท้องของเธอเลยนอนตะแคง
หลินซินเหยียนพูด “คุณปล่อยขาฉันก่อนสิ”
จงจิ่งห้าวไม่ปล่อย “คุณบอกมาก่อน”
หลินซินเหยียนหันหน้ามา “คุณนี่มันคนไม่มีเหตุผล พนักงานพวกนั้นของคุณเคยเห็นบ้างมั้ยนะ?”
“ความไม่มีเหตุผลของผมแสดงต่อหน้าภรรยาผมเท่านั้น พวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้เห็น” เขามีเหตุผลมากพอ ไม่คิดว่าจะมีอะไรเลย
หลินซินเหยียน “…”
“อืม” เธอถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง “คุณเป็นคนเลวทรามจริงด้วย”
จงจิ่งห้าวถือมือเธอขึ้นมา “คุณลองจับดู”
หลินซินเหยียนเลิกคิ้ว เบิกตาโต มองเขาอย่างมึนงงและพูดอ้ำๆอึ้งๆ “ค่ะ คุณ คุณจะทำอะไร?”
“ให้คุณจับดูว่าร่างกายผมยังร้อนอยู่หรือเปล่า หัวใจยังเต้นอยู่หรือไม่ มันไม่ใช่เหล็กไหล และก็ไม่ได้ทำมาจากเหล็ก มันเป็นเลือดเนื้อของร่างกายที่มีอุณหภูมิมีความคิด มันหนีความเป็นความตายไม่ได้เหมือนทุกคนทั่วไป ดังนั้นมันคือฆราวาส อย่าขอให้มันเป็นเหมือนเทพเทวดา ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก” เขามองหลินซินเหยียนที่ยังหน้าแดงไม่จางหายไป พูดยิ้มเยาะ “เมื่อกี้คิดไปถึงไหนแล้วใช่มั้ย?”
หลินซินเหยียนกระแอมเล็กน้อย ทำท่าทางขึงขัง “เปล่า”
เธอไม่ได้คิดไปถึงไหนซะหน่อย
ไม่มี!
ต่อให้มีก็จะยอมรับไม่ได้
อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เธอไม่รู้คำว่า อับอาย สองตัวนี้เขียนยังไงแล้ว
ถูกพาไปไกลเรียบร้อยแล้ว
“สุภาษิตนั้นพูดว่ายังไงนะ? คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล?”
“คุณกำลังพูดถึงผมหรอ?” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย
“คุยอะไรกันอยู่หรอคะ?” จงเหยียนซีขยี้ตาอย่างงัวเงีย พึ่งตื่นสายตาเลยยังปรับตัวกับแสงไฟในห้องไม่ค่อยได้
“ไม่มีอะไรจ้า นอนเถอะ” หลินซินเหยียนรีบเข้าไปโอบกอดเธอ ตบหลังเธอเบาๆ
“หม่ามี๊คุณบอกว่าพรุ่งนี้จะพาหนูไปร้านสัตว์เลี้ยง อย่าลืมนะคะ” ไปร้านสัตว์เลี้ยงใกล้จะกลายเป็นโรคทางใจของเธอไปแล้ว
ตัวคนยังไม่ตื่นดีเลย ยังไม่ลืมที่จะเตือนอีก
หลินซินเหยียนกล่อมเธอ “ได้จ่ะ พรุ่งนี้พาหนูไป ตอนนี้นอนหลับดีๆนะ”
“หม่ามี๊ไม่ได้กอดหนูนอนมานานแล้ว อ้อมกอดนี้อบอุ่นเหมือนเดิมเลย” เด็กสาวขดตัวอยู่ในอ้อมแขน พูดออกมาอย่างซึมๆ
หลินซินเหยียนรู้สึกเสียใจขึ้นมา หลังจากที่พาพวกเขาไปเมืองC ก็ส่งพวกเขาไปเรียนคลาสเตรียมประถม เธอยุ่งอยู่กับการสร้างเมฆาในคืนจันทรา ยุ่งอยู่กับการทำให้ผ้าไหมกวางตุ้งออกสู่สายตาผู้คนอีกครั้ง ละเลยเด็กทั้งสองไปไม่น้อย
เวลานี้เด็กทั้งสองเติบโตขึ้นไม่น้อย แล้วก็ทำอะไรเองได้หลายอย่าง นอนคนเดียว สวมเสื้อผ้าเอง ไม่ต้องให้ใครคอยดูก็ล้างหน้าแปรงฟันเอง ชีวิตประจำวันง่ายๆสามารถดูแลตัวเองได้
“ต่อไปหม่ามี๊จะใช้เวลาอยู่กับหนูนานกว่านี้นะ” หลินซินเหยียนก้มหน้ามาจูบหน้าผากของลูกสาว
จงจิ่งห้าวปิดไฟ เอนตัวลงนอนข้างหลังหลินซินเหยียนโอบกอดเธอ “พรุ่งนี้ผมไปกับพวกคุณด้วยกันนะ”
หลินซินเหยียนตอบอืม ไม่ได้คิดว่าจะว่างหรือไม่ว่าง เพื่อป้องกันไม่ให้ทำลายความสุขของลูก
ตอนเช้าหลินซินเหยียนตื่นเช้ามาก ยังไงในบ้านก็มีแขก เธอไม่กล้านอนขี้เกียจอยู่บนเตียงมันจะดูไม่มีมารยาท
โจวฉุนฉุนเองก็ตื่นเช้าเช่นกัน หลินซินเหยียนเดินลงมาข้างล่างก็เห็นเธอออกมาจากห้องของฉินยา ถามอย่างสงสัยว่า “คุณไม่ได้นอนห้องนี้ไม่ใช่หรอ?”
เธอชี้ไปที่ห้องของเด็กทั้งสองคน
“ฉันนอนในห้องนี้ค่ะ” โจวฉุนฉุนพูด “ฉันได้ยินเธอเรียกป้าหยู ป้าหยูกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้า ฉันเลยเข้าไป ขาของเธอไม่ค่อยสะดวก ต้องการคนช่วยพยุงไปห้องน้ำ ฉันเลยไปช่วยเธอค่ะ”
หลินซินเหยียนเข้าใจแล้ว เดินลงบันไดแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนหลับสบายมั้ยคะ?”
โจวฉุนฉุนตอบ “กลางคืนหลับไปแล้วค่ะ ประมาณตี5ตื่นขึ้นมา ก็นอนไม่หลับแล้วค่ะ”
หลินซินเหยียนรู้ว่าเธอมีเรื่องในใจถึงนอนไม่หลับ เอื้อมมือไปลูบไหล่ของเธอเพื่อเป็นการปลอบ
“ขาของเธอบาดเจ็บได้ยังไงคะ?” โจวฉุนฉุนหมายถึงฉินยา
หลินซินเหยียนเม้มปาก จริงๆเรื่องแบบนี้ เธอไม่ควรพูดกับโจวฉุนฉุน จิตใจเธอไร้เดียงสา แล้วก็ไม่เคยเห็นความชั่วร้ายในใจคนมาก่อน
แต่ว่าพี่สี่ตระกูลโจวและตระกูลกู้เป็นญาติพี่น้องกัน เธอไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลว่าเป็นยังไงกันแน่ แต่ว่า เธออยากให้คุณนายโจวรับรู้ผ่านทางโจวฉุนฉุน ว่ากู้เป่ยเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมเลวไม่มีที่สิ้นสุด ควรจะอยู่ห่างๆ
“ยังจำคนที่ไป๋ยิ่นหนิงให้เธอพามาคนนั้นได้มั้ย?”
โจวฉุนฉุนพยักหน้าอย่างซื่อตรง “จำได้ค่ะ”
“พวกเราต้องจับเขา ก็เพราะว่าเขาทำเรื่องเลวๆไว้มากมาย” หลินซินเหยียนไม่ได้พูดอย่างละเอียด แค่อธิบายคร่าวๆ ให้โจวฉุนฉุนฟังเข้าใจ
โจวฉุนฉุนฟังเข้าใจแล้ว ผู้หญิงที่บาดเจ็บคนนั้นถูกผู้ชายที่เธอนำมาส่งทำร้าย ดังนั้นพี่สาวถึงอยากจะจับชายคนนั้น
“ฉันอยากรอยิ่นหนิงกลับมา พวกเรายังมีโอกาสจับเขาอีกรอบ ถึงแม้ฉันจะเกลียดคนเลวมาก แต่ว่าฉันจะไม่สนใจความปลอดภัยของยิ่นหนิงไม่ได้ ขอโทษด้วยค่ะพี่สาว”
“เด็กโง่ มันเกี่ยวกับเธอที่ไหน ไม่ใช่ความผิดของเธอซะหน่อย ก็อย่างที่เธอว่า เรายังมีโอกาสจับเขาอีกครั้ง ดีเลวจะต้องได้รับคืน ไม่ใช่ไม่เอาคืนเพียงแค่ยังไม่ถึงเวลา”
คุณนายโจวมารับลูกสาวแต่เช้า หลินซินเหยียนเดิมทีกะว่าจะให้เธอกินอาหารเช้าให้เสร็จก่อน ค่อยให้คนขับรถไปส่งเธอกลับไป
“เราอยากไปสถานีตำรวจแต่เช้าน่ะ” คุณนายโจวก็นอนไม่ค่อยหลับทั้งคืนเหมือนกันเป็นห่วงไป๋ยิ่นหนิง
“พี่สาวถ้างั้นฉันไปก่อนนะ” โจวฉุนฉุนโบกมือให้หลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนตอบโอเค
โจวฉุนฉุนก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ คุณนายโจวแสดงความขอบคุณต่อหลินซินเหยียน “ขอบคุณที่คุณดูแลลูกสาวของฉันนะคะ”
“เธอสบายดีค่ะ ฉันก็ไม่ได้ดูแลอะไรเธอเลยค่ะ” หลินซินเหยียนกล่าว
“คนอื่นต่างคิดว่าเธอไม่ค่อยฉลาด…มีเพื่อนน้อยมาก แล้วก็น้อยคนนักที่จะชอบอยู่ด้วยกันกับเธอ นอกจากยิ่นหนิงแล้ว คุณเป็นคนแรกเลย” คุณนายโจวในใจรู้สึกขอบคุณหลินซินเหยียนอย่างมาก ที่ไม่ดูถูกลูกสาวของเธอ
ลูกสาวมักจะถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกประหลาด ในใจเธอรู้สึกไม่ดีนัก
“พวกเราไปก่อนล่ะ ต่อไปถ้ามีโอกาสก็มาเป็นแขกบ้านเรานะ” คุณนายโจวเชิญอย่างจริงใจ
หลินซินเหยียนยิ้มบางๆและกล่าวว่า “ได้ค่ะ”
คุณนายโจวขึ้นรถ นั่งติดกระจกโบกมือให้หลินซินเหยียน จากนั้นก็ให้คนขับขับรถออกไป
ตอนเช้าเวลานี้บนถนนรถยังไม่ค่อยเยอะ การจราจรสะดวก ไม่นานก็มาถึงสถานีตำรวจ
เสิ่นเผยซวนส่งตัวพี่สี่ให้คุณนายโจวตามนัด
พี่สี่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด มองไม่ออกว่าบาดแผลอยู่ตรงไหน พอเห็นมีคนก็รีบเข้ามาเกาะคุณนายโจว “คุณช่วยผมด้วย”
โจวฉุนฉุนผลักพี่สี่ออกไป ให้คนขับรถเอาเขาไปโยนในรถ
คุณนายโจวมองลูกสาวอย่างตกตะลึง ปกติลูกสาวเป็นคนเรียบร้อยอ่อนหวาน วันนี้ทำไมเปลี่ยนไปไม่เหมือนปกติ?
“ฉุนฉุนลูก…”
“แม่ แม่รู้มั้ยคะว่านี่มันคนแบบไหน?”