กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่593 ไม่ลงรอยกับคนกระจอก
พี่สี่จ้องไป๋ยิ่นหนิงด้วยความร้ายกาจ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่จะต้องได้เห็นท่าทีโหดร้ายของเขาแน่นอน
เขารู้ดี ว่าถ้าตัวเองยอมรับก็คงต้องตาย ดังนั้นเลยต้องไม่ยอมรับเด็ดขาด “เปล่า พวกเขาไม่ได้ซักถามอะไรฉัน พวกเขาทำร้ายฉันเพราะฉันแกล้งผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะเป็นแฟนของซูจ้านน่ะ”
หลังจากที่ซูจ้านทำร้ายเขา เขาก็รู้เหตุผลที่ซูจ้านระบายความโกรธทันที เขานั้นให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนั้นมาก จะต้องเป็นแฟนของเขาแน่นอน เขาถึงได้โกรธจนอยากทำร้ายตัวเองขนาดนี้
พี่สี่กอดขาของกู้เป่ย “คุณต้องเชื่อฉันนะ คนกระจอกคนนี้มันไม่ลงรอยกันชัดๆ คุณอย่าไปเชื่อนะ”
กู้เป่ยนั่งยองลงมาเชยคางของเขาขึ้น จากนั้นก็หรี่ตาลงพลางถาม “พวกเขาไม่ได้ซักถามคุณจริงๆ เหรอ?”
พี่สี่ส่ายหัว “เปล่าเลย ถึงจะถามฉันเองก็ไม่มีทางพูดอะไรที่ไม่ดีกับคุณแน่นอน”
“หึ ถ้าคุณกล้าขายข้อมูลของฉัน ฉันจะทิ้งคุณลงไปในทะเลให้เป็นอาหารปลา!” กู้เป่ยพูดอย่างโหดร้าย ทำให้พี่สี่กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ไป๋ยิ่นหนิงมองอยู่นิ่งๆ โดยที่ไม่ได้โกรธที่มีคนมาจี้ใจดำของเขา เพราะได้ยินมาเยอะแล้วเลยทำใจให้ชินได้
“ส่งคนให้คุณไปแล้ว ประธานกู้ควรจะเอาคนของฉันคืนมาได้แล้วหรือเปล่า?”
กู้เป่ยหันกลับไปมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะโยนที่อยู่ที่หนึ่งให้เขาเพื่อให้เขาไปหาด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็เรียกลูกน้องให้ส่งพี่สี่ไปที่โรงพยาบาล
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้ไปทันที แต่ถามไป “ประธานกู้ไม่ได้ทำอะไรคนของฉันใช่ไหม?”
กู้เป่ยเอามือทั้งสองข้างใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะหัวเราะขึ้น “แค่หมาตัวหนึ่ง ถ้าฉันทำอะไรแล้วจะทำไมเหรอ?ถ้าเขาไม่ปากแข็ง ฉันเองก็คงไม่ทำอะไรหรอก”
เขาซักถามคนที่ชื่อเกาหยวน ถามเขาว่าพี่สี่ไปที่ไหนแล้ว เขาปากแข็งเป็นอย่างมาก ไม่พูดอะไรเลย พอถามเขาว่าไป๋ยิ่นหนิงกับจงจิ่งห้าวรู้จักกันหรือเปล่า เขาเองก็ปากแข็งมากเหมือนกัน ไม่ยอมพูดอะไรเลย กู้เป่ยเลยโกรธจนทำร้ายไปเต็มแรง
มือของไป๋ยิ่นหนิงที่วางอยู่บนที่วางมือของรถเข็น จากนั้นก็รวบมือเข้าหากัน พลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เขาเพียงแค่ดูแลคนของฉัน ไม่รู้อะไรเลย คุณยังทำร้ายอีกเหรอ?”
กู้เป่ยเดินเข้ามา ก่อนจะมองเขาบนล่าง สุดท้ายแววตาก็ไปมองที่ขาทั้งสองข้างของเขา พลางหัวเราะเสียงดังออกมา เพียงไม่นานก็หุบยิ้ม “ทำไมเหรอ คุณยังอยากจะแก้แค้นฉันอยู่อีกเหรอ?”
“ถ้าหากคุณยินดีที่จะขอโทษเกาหยวน ฉันก็อาจจะไม่เอาความคุณก็ได้” ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้สนใจแววตาของเขาเลย
“ชิ ไม่ดูกำลังของตัวเองเลย!” กู้เป่ยไม่ได้สนใจไป๋ยิ่นหนิงเลย ความมีอำนาจข่มเหงในไป๋เฉิงนั้น เมื่อมาอยู่ในเมืองBนั้นไม่ใช่อะไรเลยแม้แต่น้อย
เขาเรียกลูกน้องมาพาพี่สี่ไปส่งที่โรงพยาบาล
แววตาของไป๋ยิ่นหนิงนั้นมืดมนพลางเย็นยะเยือก พลางจ้องไปที่กู้เป่ยแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเข็นล้อของรถเข็นจากไป
เขาเข้าใจดี ว่าพูดอะไรร้ายกาจไปก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงการกระทำที่สามารถโน้มน้าวคนได้
เมื่อมีคนขับรถมาช่วย เขาก๋ขึ้นรถไป จากนั้นเขาก็ให้คนขับรถไปที่ที่ขังเกาหยวนเอาไว้
สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โจวฉุนฉุนนั่งข้างๆ เขาพลางจับมือของเขา “ไม่เป็นไร วันนี้พวกเรากลับไปที่ไป๋เฉิงเถอะ”
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ เพราะเธอกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มเบาๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับแก้มของเธอ “รีบไปขนาดนี้ พ่อแม่เองก็ไม่เอาแล้วเหรอ?”
“ถ้าคิดถึงพวกเขาฉันก็สามารถกลับมาได้ พวกเขาเองก็สามารถไปหาฉันได้เหมือนกัน” เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างแปลกๆ เลยอยากจะรีบออกไป “แม่เองก็พูดแบบนี้ หวังว่าพวกเราจะไปที่ไป๋เฉิงได้”
ไป๋ยิ่นหนิงเงยหน้าขึ้นมองคุณนายโจว
“ฉันคิดแบบนี้ ที่นี่เป็นที่ที่มีปัญหา คุณพาฉุนฉุนไปที่ไป๋เฉิงเถอะ คิดถึงพวกคุณแล้ว ฉันกับพ่อคุณเองก็จะได้ไปหาพวกคุณได้ด้วย” คุณนายโจวแสดงออก
ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ได้ห่างจากไป๋เฉิงมากนัด แถมตอนนี้ก็ยังเดินทางสะดวกด้วย
“ตอนนี้ไม่รีบหรอก ฉันยังอยากจะอยู่กับพวกคุณให้นานกว่านี้หน่อย” ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม มันทำให้มองความคิดจริงๆ ของเขาไม่ออกเลย
คุณนายโจวกลัวว่าเขาจะสนใจเรื่องในครั้งนี้เลยพูดว่า “ถึงอย่างไรพวกเราทำคนหายไปก่อน เขาโกรธก็ไม่แปลกหรอก ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว งั้นก็ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน”
ต่อหน้าลูกสาว คุณนายโจวไม่ได้ถามความสัมพันธ์ของไป๋ยิ่นหนิงกับจงจิ่งห้าวออกไปตรงๆ
จะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม ไป๋ยิ่นหนิงส่งคนของกู้เป่ยให้จงจิ่งห้าวแล้ว
ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม ท่าทีของจงจิ่งห้าวกเหมือนจะไม่ได้ยินดียินร้ายกับไป๋ยิ่นหนิงสักเท่าไหร่
เธอไม่มั่นใจว่าไป๋ยิ่นหนิงกับจงจิ่งห้าวเป็นอะไรกัน
“ฉันรู้แล้วล่ะ แม่ ฉันอยากจะอยู่ต่อไม่ใช่เพราะกู้เป่ย แต่เป็นเพราะฉันอยากจะอยู่กับฉุนฉุนเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ให้นานกว่านี้สักหน่อย พวกคุณมีลูกสาวคนเดียว วันนี้ก็ส่งให้ฉันแล้ว ฉันหวังว่าฉันจะสามารถเป็นลูกที่ดีกับเธอต่อพวกคุณได้น่ะ” เขาพูดแบบนี้เพราะอยากจะอยู่ที่เมืองBต่อ เกาหยวนเพราะเขาถุกทำร้ายแล้ว เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ กู้เป่ยจะต้องขอโทษเกาหยวน!
ไป๋ยิ่นหนิงขาไม่ดี แต่ยังสามารถดูแลบริษัทได้ขนาดนี้ แถมยังให้คนเชื่อในความสามารถในการสืบหาของเขาได้แน่นอน ดังนั้นคุณนายโจวจะต้องสงสัยในความสัมพันธ์ของเขากับจงจิ่งห้าวอย่างแน่นอน
เลยอธิบาย “ฉันกับประธานจงเป็นเพื่อนกัน แต่เพราะฉันทำเรื่องผิดไป ดังนั้นเขาเลยมีอคติกับฉัน ครั้งนี้ฉันเลยส่งคนที่เขาต้องการไปให้เอง เพราะอยากทำดี เพื่อหวังว่าพวกเราจะสามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้ เพียงแต่คิดไม่ถึง ว่ากู้เป่ยจะมาจับฉัน เพื่อมาถามหาคนจากคุณ แล้วทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้”
ไม่ว่าจริงหรือไม่ แต่เพียงแค่เขาสามารถอธิบายให้คุณนายโจวเชื่อได้อย่างมีเหตุผลก็เพียงพอแล้ว
เขาไม่ได้ตั้งใจอยากจะโกหก แต่บอกความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อหลินซินเหยียนไปตรงๆ ไม่ได้ใช่ไหม?อีกอย่างหลังจากนี้เขาจะพยายามลืม แล้วทำดีกับโจวฉุนฉุน
คุณนายโจวเข้าใจ “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่น่าล่ะพอฉันไปถามหาคนจากพวกเขา ท่าทีถึงได้เย็นชาขนาดนั้น”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้พูดอะไรต่อ ตอนนั้นเองคนขับรถขับรถมาถึงที่แล้ว เป็นอาคารที่ใกล้จะสร้างเสร็จ และเกาหยวนถูกกู้เป่ยขังเอาไว้ในนี้
เขาให้คุณนายโจวกับโจวฉุนฉุนรออยู่ในรถ แล้วเขากับคนขับรถจะลงไปหาเกาหยวน
กู้เป่ยให้พวกออกไปได้แล้ว เลยเหลือเพียงเกาหยวนเอาไว้คนเดียว
พวกเขาอยู่ในห้องที่สร้างเสร็จ แต่กลับไม่ได้ใช้ปูนฉาบกำแพง กำแพงนั้นยังเป็นอิฐสีแดง ที่พื้นมีวัสดุมากมายกองอยู่ เกาหยวนถูกทิ้งอยู่ในเศษซากวัสดุที่รกรุงรังแบบนี้
เกาหยวนถูกทำร้ายไม่เบา แต่ว่าไม่มีบาดแผลบนใบหน้า มีแต่ตามตัว หลังจากที่คนที่คุ้มกันเขาไปแล้ว ก็ทิ้งเขาเอาไว้สักที่อย่างไม่สนใจไยดี
คนขับรถเข้าไปแกะเชือกออกจากตัวเขา จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเป็นไป๋ยิ่นหนิงเลยเรียก “ประธานไป๋”
ไป๋ยิ่นหนิงถามด้วยความเป็นห่วง “บาดเจ็บมากหรือเปล่า?”
เกาหยวนลุกไม่ขึ้น เลยต้องยืนขึ้นพร้อมให้คนขับรถช่วยพยุงให้ ถึงจะลุกขึ้นมาได้ ร่างกายก็เจ็บทุกครั้งที่ขยับ เขาพยายามพูดขึ้น “ยังไม่ตาย”
ไป๋ยิ่นหนิงพูดขึ้น “ฉันไปส่งคุณที่โรงพยาบาลเอง”
คนขับรถแบกเขาไปที่รถ คุณนายโจวก็พูดขึ้น “พอไปถึงถนนข้างหน้าแล้วให้ฉันกับฉุนฉุนลงเถอะ”
ไป๋ยิ่นหนิงบอกว่า “โอเค ฉันจะส่งเขาไปที่โรงพยาบาล”
คุณนายโจวหมายถึงแบบนั้น เพราะรู้ว่าเกาหยวนจะไปโรงพยาบาล เธอกับฉุนฉุนเลยไม่ควรตามไป
“ฉันกับยิ่นหนิงไปโรงพยาบาลด้วยกัน” โจวฉุนฉุนไม่อยากกลับไปที่บ้านกับคุณนายโจว และอยากจะอยู่ข้างไป๋ยิ่นหนิงมากกว่า
ไป๋ยิ่นหนิงกลับไม่ได้ปฏิเสธอะไร
คุณนายโจวกลับไม่อยากให้ลูกสาวไปไหน “คุณกลับบ้านกับแม่เถอะ”
โจวฉุนฉุนดึงมือของไป๋ยิ่นหนิง พลางส่ายหัว “แม่ คุณกลับไปคนเดียวเถอะ ฉันจะอยู่กับยิ่นหนิง”
ท่าทีของลูกสาวนั้นแน่วแน่ คุณนายโจวเองก็ขืนใจต่อไม่ไหว เลยถอนหายใจก่อนจะพูด “โอเค”
เมื่อขับรถไปถึงที่ที่โบกรถง่ายๆ แล้วก็ส่งคุณนายโจวลงไป
หลังจากที่บอกลากับคุณนายโจวแล้ว ไป๋ยิ่นหนิงก็ให้คนขับรถขับไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่เกาหยวนเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว หมอก็ตรวจสักพัก ก่อนจะบอกว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เป็นเพียงแผลภายนอก
เมื่อรู้ว่าเกาหยวนไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต ไป๋ยิ่นหนิงก็ไปจากโรงพยาบาล แล้วจ่ายเงินจ้างพยาบาลมาดูแลเกาหยวน
เขาไม่มีอิทธิพลอะไรในเมืองB แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถอดกลั้นความโกรธที่คนของตัวเองถูกทำร้าย
เกาหยวนตามเขาตลอด เหมือนกับเป็นคนสนิท ทำไมเขาถึงได้ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำได้ขนาดนี้?
ศัตรูของศัตรูของคุณก็คือเพื่อน
พอดีที่จงจิ่งห้าวนั้นเป็นศัตรูของกู้เป่ย บางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะร่วมมือกันได้
เมื่อเขามาถึงว่านเยว่กรุ๊ป กลับไม่เจอจงจิ่งห้าว
ตอนนี้ จงจิ่งห้าวกับเสิ่นเผยซวนทั้งสองมาที่คลับส่วนตัวแห่งหนึ่ง ได้ยินว่ากู้เป่ยอยู่ที่นี่