กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่594 เดินบนถนนแล้วถูกรถชน
“มั่นใจเหรอ?” เมื่อเดินผ่านทางเดินที่มีแสงสลัว จงจิ่งห้าวก็ถาม
เป็นตอนกลางวันแท้ๆ ในคลับกลับปิดเหมือนกับตอนกลางคืน ในห้องนั้นต้องพึ่งเพียงแต่แสงไฟ แต่กลับเงียบเป็นอย่างมาก
มีแอร์จากตรงพลางเป่าลมเย็นออกมา เลยไม่ได้คิดว่าร้อนอบอะไร
เสิ่นเผยซวนพูดอย่างมั่นใจ “คนที่ฉันจัดให้ตามเขาไปบอกว่าเขามาที่นี่”
พูดไปเขาก็ชะงัก “หวังว่าวันนั้นเขาจะถูกรถชนขณะที่เดินอยู่ จะได้ไม่ต้องออกมาก่อปัญหาให้มาก!”
แววตาของจงจิ่งห้าวมองมา นี่มันไม่เหมือนเขาเลย
เสิ่นเผยซวนยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าทำอะไรเขาไม่ได้ เลยบ่นด้วยความไม่พอใจออกไปเหรอ”
จงจิ่งห้าวผลุบสายตาลงโดยที่ไม่พูดอะไร
เสิ่นเผยซวนรู้ว่ากู้เป่ยมาที่นี่ แต่ว่าไม่รู้ว่าเขาอยู่ในห้องรับรองห้องไหนกันแน่ “ฉันไปถามสักหน่อย”
จงจิ่งห้าวตอบรับเล็กน้อย จากนั้นเมื่อเสิ่นเผยซวนไปแล้วสักพักก็กลับมาพูดว่า “ฉันจองห้อง302เอาไว้ มันอยู่ข้างๆ ห้อง303ของพวกเรา”
ที่นี่มันเรียกว่าคลับส่วนตัว หนึ่งเพราะมีความลึกลับมาก สองเป็นเพราะที่นี่รับเพียงคนที่สนิทกับเจ้าของเท่านั้น
จงจิ่งห้าวไม่ได้สนิทกับเจ้าของของที่นี่ แต่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้แย่ ผู้ว่าการธนาคารถังสนิทกับเจ้าของมาก แถมความสัมพันธ์ยังดีมาก เมื่อรู้ว่าจงจิ่งห้าวจะมา เลยออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“เหล่าถังบอกเอาไว้ก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าคุณจะมา ถ้ารู้ฉันจะได้จัดห้องรับรองให้คุณเอาไว้ก่อน” เจ้าของของคลับนี้แซ่หลัว ปกติคนเรียกว่าหลัวซาน
เพราะเขาเป็นพี่สามของบ้าน ทุกคนเลยเรียกชื่อเล่นเขาแบบนั้น ชื่อจริงๆ ของเขาคือหลัวหงเต๋อ
เสิ่นเผยซวนไปสืบจากกู้เป่ย หลัวซานถึงจะรู้ว่าจงจิ่งห้าวมาแล้ว เลยออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“เกรงใจน่ะ อาจจะยังมีเรื่องที่ต้องรบกวนคุณอีกด้วย” จงจิ่งห้าวยิ้มเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่มักจะใช้เวลามีงานกินเลี้ยงที่พอดิบพอดี
“มีอะไรก็รีบบอกมาได้เลย” หลัวซานหรี่ตาลงยิ้มดูไปแล้วจริงใจอยู่ไม่น้อย เพียงแค่ว่าชื่อนั้นเหมือนกับนักเลงไม่เบาเลยล่ะ
เมื่อเข้าไปในห้องรับรองหลัวซานก็แนะนำอาหารที่มีชื่อของที่นี่ให้แก่เขา เหมาะแก่การสังสรรค์กับเพื่อนๆ เหล้าเองก็มี ดูเป็นระบบระเบียบมากไม่มีบริการอะไรที่เละเทะไม่ดีเลยล่ะ
เพราะมันลึกลับไม่น้อย เลยมีเพื่อนพาแฟนมาเพื่อกินข้าวโดยเฉพาะ อาหารที่ที่นี่มีนั้นมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก และหายากที่ไม่สามารถหาจากภายนอกได้
“พวกคุณอยากจะกินอะไรเดี๋ยวให้คนมาส่ง?” พี่สามยิ้มพลางถาม
จงจิ่งห้าวมองไปรอบๆ ห้องรับรองทั้งสี่มุม “ได้ยินว่ากู้เป่ยอยู่ที่ห้องข้างๆ นี้เหรอ?”
หลัวซานชะงักไปก่อนจะยิ้มพลางพูด “ใช่แล้ว”
“ที่นี่กันเสียงได้ดีหรือเปล่า?”
“แน่นอนอยู่แล้ว มันกันเสียงได้ดีกว่าห้องคาราโอเกะอีก” หลัวซานพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
เสิ่นเผยซวนมองเขาเล็กน้อย “ถ้าพวกเราอยากให้ห้องข้างๆ ได้ยินเสียงของพวกเราคุยกันล่ะ?”
หลัวซาน “……” ???
นี่มันเหตุผลอะไรกัน?
ยังมีคำที่อยากให้คนฟังตัวเองพูดอยู่เหรอ?
“คุณกำลังล้อเล่นหรือเปล่า?” หลัวซานไม่มั่นใจว่าเสิ่นเผยซวนพูดจริงหรือไม่ เลยยังตั้งใจลองถามต่อไป
“ฉันเหมือนกำลังล้อเล่นเหรอ?” เสิ่นเผยซวนมองหลัวซานตรงๆ
หลัวซานไม่มีสติขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองจงจิ่งห้าว “คือ……”
จงจิ่งห้าวตัดบทเขา พลางถาม “ลำบากใจมากเลยเหรอ?”
หลัวซานรีบส่ายหัว คำพูดของจงจิ่งห้าวทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ได้ล้อเล่น มันเป็นเรื่องจริง
อันที่จริงถ้าเกิดพวกเขาอยากจะแอบฟังกู้เป่ยกับเพื่อนคุยกัน เขายังไม่ตกใจเท่าไหร่ แต่คนที่มาแอบฟังตัวเองคุยนั้นอาจจะทำให้เกิดความแปลกใจ ได้
เขารับแต่คนสนิท และจะไม่มีทางทำอะไรแย่ๆ ในไนต์คลับ ถ้าบอกว่าห้องรับรองส่วนมากต่างมีกล้องสอดแนม เพื่อใช้ในการสอดแนมว่าแขกกำลังทำอะไรในห้องรับรองบ้าง
แต่เขากลับไม่มีอะไรแบบนั้นที่นี่
เขาคิดไปมา ก่อนจะถาม “ถ้าเกิดให้กู้เป่ยได้ยินพวกคุณพูด ใช้วิธีไหนก็ได้ใช่ไหม?”
จงจิ่งห้าวตอบรับ
“งั้นก็ดี ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ” หลัวซานมีไอเดียแล้ว
เสิ่นเผยซวนถาม “คุณอยากทำอย่างไร?”
“พวกคุณแค่อยากให้กู้เป่ยได้ยินพวกคุณคุยกันไม่ใช่เหรอ ไม่ยากหรอก ฉันแค่บอกว่าได้ยินพวกคุณพูดอะไร……”
“หือ?แบบนี้ก็ได้เหรอ?” เสิ่นเผยซวนยิ้มพลางถาม “ต้องใส่ไฟอีกหรือเปล่าถึงจะโกหกได้ อย่างเช่นคุณได้ยินพูดอะไรไม่ดีถึงพวกเขา?”
ความคิดของหลัวซานนั้น ถูกมองออกแล้วเลยยิ้มขึ้นอย่างไม่ได้รู้สึกประหม่า “ไม่อย่างนั้นมีวิธีอะไรอีกเหรอ?”
เสิ่นเผยซวน อันที่จริงก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ ตอนแรกพวกเขากับกู้เป่ยเข้ากันไม่ได้เลย เพียงแค่อยากจะถามสักหน่อยก็เท่านั้นเอง
“งั้นก็รบกวนเป็นธุระให้ด้วย” เสิ่นเผยซวนกล่าว
หลัวซานชี้ไปทางประตู “ให้ฉันไปตอนนี้เหรอ?”
เสิ่นเผยซวนมองไปทางจงจิ่งห้าวพลางถาม “ตอนนี้เลยเหรอ?”
จงจิ่งห้าวไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน เลยบอกว่าตอนนี้เลย จากนั้นหลัวซานก็ให้คนเอาจานเหล้าและผลไม้ไปส่งที่ห้องรับรองข้างๆ แล้วไปเป่าหูกู้เป่ย
พวกเขานั่งบนโซฟา จากนั้นจงจิ่งห้าวก็เล่าเรื่องซุบซิบ “คุณเห็นข่าวหรือยัง?”
เสิ่นเผยซวนอึ้งไป แต่เพียงไม่นานก็มีสติกลับมา พลางถาม “ข่าวของคุณกับพี่สะใภ้ในวงการธุรกิจงั้นเหรอ?”
“อือ” จงจิ่งห้าวรินเหล้าเต็มแก้ว
“คุณอยากจะจัดงานแต่ง แล้วเปิดตัวของพี่สะใภ้เหรอ?” เสิ่นเผยซวนเข้าใจคำของจงจิ่งห้าวดี ที่ถามจะต้องหมายความว่าแบบนี้แน่นอน
เขาบอกความคิดของตัวเองออกไป “ฉันคิดว่าจำเป็นนะ นอกจากคนที่ค่อนข้างสนิทกับคุณ คนภายนอกก็ไม่ค่อยรู้เรื่องราวชีวิตคุณเท่าไหร่ เรื่องในครั้งนี้ ทำให้คนสนใจไม่น้อย คาดเดาตัวตนของพี่สะใภ้ไปต่างๆ นานา และมีคำพูดที่ไม่น่าฟังด้วย พี่สะใภ้อาจจะไม่ใส่ใจอะไร แต่ว่าเด็กสองคนนั้นค่อยๆ โตขึ้นแล้ว ถ้าพวกเขาเห็นอาจจะไม่ค่อยดีนะ”
จงจิ่งห้าวยิ้มเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเอาเหล้ามาวางตรงหน้าเขา เขาได้กลิ่นตุๆ ของเรื่องนี้ เหมือนกับว่ามีที่มาที่ไป
“หมายความว่า พวกเรากำลังจะได้ดื่มฉลองในงานของคุณแล้วเหรอ?” เสิ่นเผยซวนยกถ้วยขึ้นมา
จงจิ่งห้าวกับเขาชนแก้ว ถือว่าเป็นการยอมรับ “อือ คุณคิดอย่างไรล่ะ?”
เสิ่นเผยซวนกำลังจะดื่ม คำถามประโยคนี้ของเขาก็ทำให้มึนงงไป “คิดอะไรงั้นเหรอ?”
“เตรียมจะอยู่คนเดียวไปตลอดงั้นเหรอ?” ตอนนี้ธุรกิจของเขาไปได้สวย ยุ่งทั้งวันเพราะเรื่องของเขา ดังนั้นเรื่องการแต่งงานเลยไม่ได้รีบร้อนอะไร
“ก็ยังไม่เจอคนที่เหมาะสมไม่ใช่เหรอ” เสิ่นเผยซวนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร “หรือไม่ก็ให้ฉันไปนัดบอดเถอะ ตอนนี้มีเว็บในการนัดบอดมากมายไม่ใช่เหรอ?ฉันไปสมัครลักบัญชีหนึ่ง ดูสิว่าจะมีคนที่เหมาะสมไหม?”
จงจิ่งห้าวชายตามองเขา ตรงนั้นมันเชื่อถือได้ไหม?
“คุณรอก่อนเถอะ” การนัดบอดในอินเทอร์เน็ต เขาคิดว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถ้าเกิดเจอคนที่หลอกลวงต่างๆ นานา เดี๋ยวเสิ่นเผยซวนคงจะจบเห่แน่นอน
เสิ่นเผยซวนเองก็ไม่ได้พูดต่อ พลางถามขึ้น “ดูวันเวลาหรือยัง?เตรียมจัดงานที่ไหน?”
จงจิ่งห้าวอยากจะหาที่ที่หลินซินเหยียนชอบ แต่ว่าคิดไปแล้วเธอยังมีลูกเล็กอีกสองคนข้างกาย เลยคิดว่าจัดภายในประเทศดีกว่า
“วันที่สิบแปดเดือนพฤษภาคม” วันนี้เป็นวันที่จงฉีเฟิงไปหาให้คนจัดหาวันที่เหมาะสมกับการแต่งงาน
“มันใกล้แล้วไม่ใช่เหรอ?” เสิ่นเผยซวนพูด เพราะตอนนี้ก็เดือนพฤษภาแล้ว
ในตอนนี้เองตรงรอยต่อประตูของห้องรับรองมีเงาดำเกิดขึ้น ทั้งสองคนพูดไปพูดมาแต่ก็สังเกตเห็นเงาตรงประตู ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีคนสังเกตเห็น แต่ว่าต่างทำเหมือนไม่รู้เสียอย่างนั้น
เพราะพวกเขารู้ว่า คนที่แอบฟังอยู่ตรงประตูนั้นเป็นใคร
เสิ่นเผยซวนพูดหัวข้อขึ้นมา แถมยังตั้งใจพูดเสียงดังขึ้นด้วย “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าพี่สี่นั้นจะรู้เรื่องของกู้เป่ยไม่น้อยเลย”
“ซักถามแล้วได้อะไรมาบ้างไหม?” จงจิ่งห้าวถามพลางนั่งพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์
กู้เป่ยที่แอบฟังอยู่ตรงรอยต่อประตูหูผึ่งขึ้นมา
เสิ่นเผยซวนส่งซิกให้ ท่าทีที่ลึกลับนั้น แต่เสียงกลับไม่ได้ลดลงเลย เพราะกลัวว่าคนที่อยู่ข้างนอกประตูจะไม่ได้ยิน “เขาบอกว่าในไนต์คลับของกู้เป่ยนั้นเคยมีคดีขึ้น มีคุณหญิงที่ตายไป ตอนนั้นเกือบจะมีข่าวแพร่สะพัดแล้ว แต่ถูกพ่อของเขาปิดข่าวเอาไว้ เขายังจัดการอีกด้วยว่าบ้านเก่าของคุณหญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ฉันเองก็จัดคนไปแล้ว เดี๋ยวสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นพยานบุคคล”
เมื่อพูดจบเขาก็หัวเราะขึ้นมา ก่อนจะพูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ว่าอย่างไรพี่สี่เองก็เป็นคนดังข้างกายกู้เป่ย ทำไมไม่ซื่อสัตย์ขนาดนั้น?โดนทำร้ายหน่อย ก็ยอมบอกทุกอย่างแล้ว ครั้งนี้พี่สี่กลับไปเป็นไส้สืบให้พวกเรา ไม่รู้ว่าจะสามารถหาเรื่องอะไรที่กู้เป่ยทำผิดออกมาได้หรือเปล่า”