กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่8 คุณอยากให้ฉันพูดยังไง
หลินซินเหยียนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นหน้าผู้ชายชัดแล้วได้พูดอย่างประหลาดใจ “หมอเหอ”
ข้างหลังเขามีคนยืนอยู่เป็นโขยง หลินซินเหยียนยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่ “คุณ คุณมานี่ได้ยังไงคะ?”
น้องชายป่วยเป็นโรคออทิสติก ล้วนเป็นเหอรุ่ยเจ๋อที่มาดูอาการ ไปๆมาๆทั้งสองก็เลยรู้จักกัน
เหอรุ่ยเจ๋อยิ้มอย่างละมุน ยังไม่ได้อ้าปาก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ได้เปิดปากพูดแล้ว “หมอเหอมาเป็นวิทยากรที่โรงพยาบาลของผมครับ”
เหอรุ่ยเจ๋อเป็นจิตแพทย์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะมีความรู้ความสามารถด้านโรคออทิสติกอย่างลึกซึ้ง
“คุณล่ะครับ ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ ไม่สบายเหรอครับ?” เหอรุ่ยเจ๋อถาม
คิดถึงท่าทีที่เฉียบขาดของแม่ หลินซินเหยียนก็สั่นไปทั้งตัว
“เหยียนเหยียน!” ในมือของจวงจื่อจิ่นถือผลตรวจไว้ เธอวิ่งมาจากอีกฝ่างของริมทางเดินอย่างเร่งรีบ ตอนที่เธอกลับมาก็ได้ยินพยาบาลบอกว่าลูกสาวได้วิ่งไปแล้ว จวงจื่อจิ่นฟังแล้วตกใจ พอเห็นเธอจึงได้เรียกด้วยความใจร้อน
หลินซินเหยียนเม้มปาก รู้สึกคัดจมูกอย่างแรง “แม่คะ——”
เหอรุ่ยเจ๋อพูดกับผู้อำนวยการที่ยืนอยู่ข้างๆ “พวกคุณกลับไปก่อนเลยครับ ผมมีธุระนิดหน่อย”
“หมอเหอมีธุระ งั้นพวกเราก็ไม่รบกวนแล้ว แต่ผมเรียนเชิญหมอเหอมาทำงานที่โรงพยาบาลผมอย่างจริงใจ มีข้อเรียกร้องอะไรหมอเหอก็พูดมาเต็มที่เลย ผมจะพยายามทำให้พึงพอใจแน่นอนครับ”
เหอรุ่ยเจ๋อพูดอย่างอ่อนโยน “ผมจะพิจารณาดูครับ”
“คุณป้าครับ มีอะไรเราไปคุยที่ข้างนอกดีกว่าครับ ที่นี่ไม่เหมาะสม” โรงพยาบาลมีคนพลุกพล่านไปมาเยอะแยะ ไม่เหมาะที่จะพูดคุยกัน
จวงจื่อจิ่นก็รู้จักเหอรุ่ยเจ๋ออยู่ ตอนที่พาลูกชายไปหาหมอ บางครั้งไม่มีเงินจริงๆ ล้วนเป็นหมอเหอที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้
จวงจื่อจิ่นเคารพนับถือในตัวเขามาก
เธอได้จับข้อมือของหลินซินเหยียนไว้แน่น กลัวว่าเธอจะหนีอีก
เพิ่งเดินออกมาจากประตูใหญ่ของโรงพยาบาล หลินซินเหยียนก็คุกเข่าลงมาที่ตรงหน้าของจวงจื่อจิ่น “แม่คะ หนูขอร้องแม่ล่ะ เราเสียซินฉีไปแล้ว ให้หนูเก็บลูกคนนี้ไว้ได้มั้ยคะ?”
เหอรุ่ยเจ๋อขมวดคิ้ว หมายความว่ายังไง? ไม่นานเขาก็ดึงสติกลับมา สายตาหยุดอยู่ที่หน้าท้องของเธอ
เห็นผลตรวจในมือของจวงจื่อจิ่นชัดแล้ว แทบจะรู้อย่างแจ่มแจ้งเลยว่าเธอท้อง
ช็อก เหลือเชื่อ
เขาอยากรู้จังเลยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาถาม
น้อยมากที่หลินซินเหยียนจะร้องไห้ต่อหน้าจวงจื่อจิ่น ถึงตอนที่น้องชายตาย เธอก็แค่แอบร้องไห้ ไม่เคยน้ำตาไหลต่อหน้าจวงจื่อจิ่นเลย
ไม่ใช่ว่าจวงจื่อจิ่นบังคับเธอ แต่ว่าเธอคลอดลูกคนนี้ออกมา ยังจะมีอนาคตอีกเหรอ?
ต่างก็บอกว่าคนเป็นแม่เข้มแข็ง ดูท่าทางเธอแล้ว อยากให้เธอทำแท้งคงจะยากมาก จวงจื่อจิ่นได้ถอนหายใจยาวๆ “แล้วแต่ลูกเถอะ”
พูดจบเธอก็ได้หันหลังจากไปโดยตรง เธอเสียใจ ไม่รู้จะเผชิญหน้าลูกสาวยังไง
หลินซินเหยียนค่อยๆนั่งลง คนกำลังฝืน น้ำตากลับกำลังยอมจำนน เธอไม่อยากร้องไห้ แต่กลับทนไม่ไหว ความเจ็บปวดที่สะสมอยู่ในใจกำลังกัดเซาะหัวใจของเธอ
ก่อนกลับประเทศเขาเคยไปหาพวกเธอ ถึงรู้ว่าพวกเธอกลับประเทศแล้ว น้องชายเธอจากไปด้วยอุบัติเหตุ
ในระหว่างนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาไม่สามารถรู้ได้เลย
เหอรุ่ยเจ๋อนั่งลงมาลูบหลังเธอ ตอนที่เขารู้จักเด็กผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งจะอายุสิบกว่าปีเอง แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว คอยดูแลน้องชายและแม่
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาเห็นกับตาว่าเงินของเธอพอซื้อข้าวแค่สองชุด เธอเอาข้าวให้แม่และน้องชายกิน ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้กินข้าวเลย แต่กลับบอกจวงจื่อจิ่นว่าตัวเองกินข้าวเรียบร้อยแล้ว
มีความเป็นผู้ใหญ่จนทำให้คนสงสาร
เหอรุ่ยเจ๋อยื่นมืออยากจะลูบศีรษะเธอ ปลอบโยนเธอสักหน่อย แต่มือยังไม่ได้หล่นลงมา ทันใดนั้นหลินซินเหยียนก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองเขา “ขอบคุณที่เมื่อก่อนคุณคอยช่วยเหลือฉันนะคะ ต่อไปถ้าฉันมีเงินแล้ว จะคืนให้คุณแน่นอนค่ะ”
มือของเหอรุ่ยเจ๋อหยุดอยู่ที่บนศีรษะเธอ ฝ่ามือค่อยๆกุมไว้ เขาดึงมือกลับแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กโง่ ผมสมัครใจช่วยเหลือเอง ไม่ต้องคืนผม”
หลินซินเหยียนส่ายหัว “คุณเป็นคนจิตใจดีงาม แต่ว่าฉันจำได้ค่ะ”
ถ้ามีปัญญาแล้วจะคืนให้แน่นอน
เหอรุ่ยเจ๋อพยุงเธอขึ้นมา “คุณพักที่ไหนครับ ผมไปส่งคุณ”
เวลานี้หลินซินเหยียนเป็นห่วงจวงจื่อจิ่น จึงได้พยักหน้าแล้วบอกที่อยู่ให้กับเขา
มาถึงที่พัก หลินซินเหยียนเปิดประตูลงจากรถ เหอรุ่ยเจ๋อถามเธอ “ต่อไปยังจะกลับไปอีกมั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนหันมามองเขาแล้วส่ายหัว “ไม่กลับแล้วค่ะ”
กว่าได้กลับมาไม่ใช่ง่ายๆ
หลินซินเหยียนกลับมาถึงที่พัก ก็เห็นจวงจื่อจิ่นนั่งเช็ดน้ำตาอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของเธอเหมือนถูกอะไรฉุดกระชากอยู่
จวงจื่อจิ่นเช็ดน้ำตา ไม่ได้มองเธอ “แม่ไม่เป็นไร ลูกกลับไปเถอะ”
“แม่คะ——”
“แม่ดูแลลูกไม่ดีเอง” จวงจื่อจิ่นคอยเช็ดน้ำตา แต่เช็ดยังไงน้ำตาก็ไม่ยอมหมดเสียที
หลินซินเหยียนกระโจนมากอดเธอไว้ สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ ระบายความเจ็บปวดซึ่งกันและกัน
ผ่านไปตั้งนาน พวกเธอถึงสงบอารมณ์ลงมา หลินซินเหยียนได้เล่าข้อตกลงของตัวเองและจงจิ่งห้าวให้จวงจื่อจิ่นฟัง ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วงตัวเอง
จวงจื่อจิ่นช็อกสุดขีด เรื่องแต่งงานจะทำเป็นเล่นๆได้ยังไง?
ถึงแม้เธอไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานที่ทำข้อตกลง แต่ลูกสาวท้องแล้ว ร่างกายไม่บริสุทธิ์แล้ว ผู้ชายของตระกูลจงคนนั้นก็คงรับไม่ได้หรอก แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ต่อไปเธอมาดูแลลูกสาวเอง
ตกดึก หลินซินเหยียนได้กลับมาที่วิลล่า จงจิ่งห้าวไม่อยู่ หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จเธอได้เดินย่อยอาหารอยู่ในลานบ้าน และถือโอกาสดูสภาพแวดล้อมรอบวิลล่า
ต่อมาดึกแล้ว เธอได้กลับเข้าไปในห้องนอน แต่รู้สึกว่ากระหายน้ำ จึงได้ไปรินน้ำแก้วหนึ่งที่ห้องครัว
ดื่มไปครึ่งแก้ว ตอนที่หลินซินเหยียนเตรียมตัวกลับไปนอนที่ห้อง ประตูห้องนอนมีเสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ต่อมาประตูห้องนอนได้ถูกผลักออก
จากนั้น รูปร่างสูงใหญ่ได้เดินเข้ามา และตามมาด้วยสาวรูปร่างสวยงาม เดินออกมาจากข้างหลังเขา
หลินซินเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง
ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าดึกป่านนี้แล้วจงจิ่งห้าวยังพาผู้หญิงที่เขาชอบกลับมาอีก
ไป๋จวู่เวยเห็นเธอก็อึ้งเหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เจอในโรงพยาบาลวันนั้นไม่ใช่เหรอ? เธอเงยหน้ามองจงจิ่งห้าว ใบหน้าด้านข้างของเขาดูเย็นชา
วันนั้นเขาโกรธอะไร?
มีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้?
ความคิดของผู้หญิงมักจะเซนซิทีฟเป็นพิเศษ ความผิดปกติของจงจิ่งห้าว ทำให้ในใจของไป๋จวู่เวยเกิดความระแวดระวังกับหลินซินเหยียน
“เอ่อ ฉันขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” หลินซินเหยียนไม่อยากเป็นก้างขวางคอ และแหย่ให้คนหงุดหงิด
“เดี๋ยว” จงจิ่งห้าวมองเธอด้วยแววตาเซื่องซึม เธอใส่ชุดนอนที่มิดชิดมาก ชายกระโปรงสีขาวยาวลงไปถึงข้อเท้า เผยแขนเรียวขาวทั้งสองข้าง ดูแล้วมีรสชาติของความใสบริสุทธิ์
แต่พอนึกถึงการกระทำของเธอแล้ว ในใจก็มีความขยะแขยงเพิ่มขึ้น “อยู่บ้านหลังนี้ นอกจากผมแล้วจวู่เวยเป็นเจ้าของบ้านอีกคน เข้าใจความหมายของผมหรือเปล่า?”
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าเขากำลังสอนจระเข้ว่าน้ำชัดๆ เธอไม่เคยเห็นว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านเลย ทำไมต้องมาย้ำด้วย?
“ฉันรู้ค่ะ ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” หลินซินเหยียนหันหลังเดินไปที่ห้องนอน
“คุณหลิน” ไป๋จวู่เวยมองหน้าเธอ “ขอโทษด้วยค่ะ”
หลินซินเหยียนมึนตึ๊บ มองเธออย่างประหลาดใจ
ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ถึงแม้คุณมีการหมั้นหมายกับอะห้าว แต่ฉันกับอะห้าวรู้จักกันมานานกว่าคุณ ถ้าไม่ใช่คุณ วันนี้คนที่แต่งเข้ามาบ้านหลังนี้ก็คือฉัน พวกเรารักกัน เพราะฉะนั้น——”
“เพราะฉะนั้นอะไรคะ?” หลินซินเหยียนรู้สึกผู้หญิงคนนี้นี่แปลกจริงๆ
เธอรู้ฐานะของตัวเองดี และไม่ได้ขัดขวางพวกเขาเลย เธอพูดพวกนี้ทำไม?
“แค่รู้สึกว่าคุณแต่งงานกับอะห้าว แต่อะห้าวไม่รักคุณ สาเหตุเป็นเพราะว่าฉัน ฉันก็เลยรู้สึกละอายใจต่อคุณค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ตามความคิดของคนปกติ ความสัมพันธ์ที่อึดอัดแบบนี้ ไม่ควรจะต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนกันเหรอ?
ทำแบบนี้ เพื่อแสดงให้จงจิ่งห้าวเห็นว่าเธอมีจิตใจดีงาม?
หลินซินเหยียนรู้สึกไม่ประทับใจเธออย่างไร้สาเหตุ
จงจิ่งห้าวหรี่ตาจ้องหน้าเธอไว้ “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”
หลินซินเหยียนเม้มปาก เธอหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ เธอแค่อยากผ่านหนึ่งเดือนนี้ไปอย่างสงบสุข เอาของที่เป็นของเธอได้แล้วก็จะจากไป
แต่ผู้หญิงคนนี้แปลกจริงๆ มาพูดอะไรพวกนี้
เธอควรจะตอบยังไง?
“คุณอยากให้ฉันตอบยังไงคะ?” คำพูดของไป๋จวู่เวย ทำเธอพูดต่อไม่ได้เลยด้วยซ้ำ