กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 1057
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1057
ในที่สุด การหลอกลวงทั้งหมด ก็ถูกปรากฏให้เห็นตรงหน้าของโจอี้
ความจริงที่ปรากฏออกมา แม็กซ์ไม่เพียงแค่ไม่ได้มั่งคั่งและไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาอ้างไว้ แต่ยังประสบปัญหาเรื่องเงินก้อนใหญ่อยู่อีกด้วย
แม็กซ์ชนแฟตันของเจย์เดนและจำเป็นต้องชดใช้เจย์เดน ด้วยรถคันใหม่อย่างเร่งด่วน แม็กซ์จึงหลอกให้เขาเอาเงินหกแสนมาลงทุนเพื่อจะได้รวยเร็ว ตามที่แม็กซ์อวดอ้างอยู่ตลอดเวลา
ส่วนที่แย่ที่สุดตอนนี้คือไอ้สารเลวนั่นได้ตายไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่พบเงินของเขาอีก
ในเวลานี้หัวใจของเขาแหลกสลาย มันเจ็บมากกว่าความเจ็บปวดทางร่างกายที่เขาได้รับ
เจย์เดนโล่งใจขึ้น เพราะโจอี้ดูสงบลงไม่ได้บ้าเหมือนเมื่อตอนแรก เขาจึงพูดว่า “ตอนนี้นายรู้แล้วว่ารถคันนี้เป็นของฉัน และฉันสามารถขับมันได้โดยไม่มีปัญหา ตกลงไหม?”
แม้เจย์เดนจะพบว่าโจอี้ถูกหลอก แต่เขารู้ว่ามันจะดีกว่าสำหรับเขาที่จะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไรกับโจอี้อีก หลังจากเห็นอาการบ้า ๆ ของเขา
หลายปีที่ผ่านมา เขาได้เห็นผู้คนมากมายในโลกใต้ดิน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าคนประเภทนี้อันตรายมากจริง ๆ และเขาไม่ควรยุ่งกับพวกเขา ถ้าเขายั่วยุเขาต่อไป เขาก็มักจะทุ่มสุดตัวและต่อสู้
มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง และจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำให้เขาวิตกกังวลมากขึ้น
โจอี้รู้สึกราวกับว่าท้องฟ้ากำลังถล่มลงมาใส่เขา
เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะทำอะไรต่อ
ผู้ให้กู้เงินออนไลน์บางรายจะเริ่มชำระคืนในสัปดาห์หน้าและเขาไม่รู้ว่า พวกนั้นจะทำอะไรกับเขา ถ้าเขาไม่สามารถจ่ายได้
เมื่อเจย์เดนเห็นสภาพย่ำแย่ของโจอี้ เขาก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอะไรอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงสตาร์ทรถทันทีที่ขึ้นรถและขับออกไป
โจอี้นั่งอยู่บนพื้นเพียงลำพัง เขาร้องไห้ออกมา ในขณะที่ไอเสียของแฟตันพัดมาที่ใบหน้าของเขา ที่เต็มไปด้วยเลือดและฝุ่น น้ำตาของเขายังคงไหลอาบแก้ม ทิ้งคราบเลือดให้เห็นเป็นร่องรอยของน้ำตา
ในที่สุดเพื่อนของเขาที่มากับรถบรรทุกก็กระโดดลงจากรถ หลังจากความโกลาหลสงบลง เขาเดินเข้าไปหาโจอี้ นั่งยอง ๆ ตบไหล่แล้วถามว่า “เฮ้ โจอี้ ให้ชั้นโทรแจ้งตำรวจให้ไหม?”
โจอี้สะอื้นไห้ระหว่างคร่ำครวญ “ฉันจบเห่แล้ว คนที่ดึงฉันเข้าไปติดกับดักนั้น มันก็ตายไปแล้ว จะโทรหาตำรวจไปเพื่ออะไร…”
ชายคนนั้นถอนหายใจเบา ๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าโจอี้ผ่านอะไรมาบ้างและถามว่า “แล้ว ยังต้องลากรถของนายอยู่อีกไหม?”
โจอี้หันไปหาเขาและตะโกนอย่างโกรธจัด “แกบ้าไปแล้วเหรอ? ไม่เห็นเหรอว่าผู้ชายคนนั้นขับรถนั่นออกไปแล้ว?! มีบ้าอะไรให้ลากอีก?
ชายคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความตกใจและคิดว่า ‘อะไรนะ? ถ้าไม่ใช่เพราะฉันตะโกนใส่พวกเขา แกคงถูกรุมจนตาย! ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนแกและเป็นห่วงแกอยู่ นี่คือวิธีที่แกปฏิบัติต่อฉันเหรอ?! เออดี จะทำอะไรก็ทำเถอะ! ฉันพอแล้ว!’
เขาส่งเสียงดูถูกเหยียดหยาม ยืนขึ้น และพูดว่า “ในเมื่อแกไม่จำเป็นต้องใช้บริการจากฉัน ฉันจะไปแล้ว”
โจอี้ส่ายหน้าราวกับมีบางอย่างเข้าในใจ โจอี้พูดอย่างรวดเร็วว่า “นี่ ฉันขอแปดร้อยดอลลาร์คืนก่อนสิ!”
ชายคนนั้นจ้องมาที่เขาด้วยความไม่เชื่อและดุว่า “แกล้อเล่นกับฉันเหรอ? คิดว่าฉันมาที่นี่ฟรี ๆ เหรอ? ฉันทำงานในอู่ซ่อมรถ! เมื่อฉันออกมา อู่ก็จะถือว่าฉันเริ่มทำงานแล้ว เมื่อฉันกลับไปไม่ว่าจะมีรถอยู่หรือไม่ ฉันก็ต้องจ่ายเงินให้อู่!”
โจอี้ก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน “ฉันไม่สนเรื่องข้อแก้ตัวของแก ไม่ใช่เรื่องของฉัน! ทั้งหมดที่ฉันรู้คือแกไม่ได้ลากรถให้ฉัน ดังนั้นแกต้องคืนเงินมา!”
ชายคนนั้นกลอกตาด้วยความรำคาญ “แกไม่เข้าใจภาษาของมนุษย์ใช่ไหม? อู่ของฉันกำหนดให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมเมื่อมีนำรถบรรทุกออกมาใช้! ถ้าฉันคืนเงินให้แก ฉันควรทำยังไงหลังจากที่ฉันกลับไปและอู่เรียกเก็บเงินจากฉันล่ะ”
โจอี้เหล่มองและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะสนใจบ้าอะไรล่ะ? อีกครั้งนะ มันไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน! คืนเงินให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ชายผู้นี้ไม่คิดว่าโจอี้จะดื้อดึงและไร้เหตุผลถึงขนาดนี้ เขาตะโกนว่า “คนอย่างแกมันเกินเยียวยาเหลือเกิน แกสมควรได้รับสิ่งแย่ ๆ ทั้งหลายแล้ว ไอ้เวร! แกสมควรล้มละลายแล้ว นั้นคือทั้งหมดที่ฉันสน!”