กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ - บทที่ 1213
กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 1213
ทันทีที่นายท่านมัวร์แถลงเรื่องนี้จบ คนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จัสมินได้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวต่างปิดปากเงียบ โดยยอมรับความคิดเห็นของนายท่านมัวร์
พวกเขาเข้าใจข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งจากถ้อยแถลงนี้ นั่นก็คือพวกเขาและเหล่าลูก ๆ ต่างก็ไม่มีโอกาสได้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวอยู่ดี ดังนั้นจึงอาจต้องเป็นใครสักคนที่มีความสามารถและเหมาะสมกว่า ที่จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว
นายท่านมัวร์พูดถูก ยิ่งหัวหน้าครอบครัวมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งทำเงินได้มากขึ้นเท่านั้น แล้วพวกเขาก็จะได้เงินตอบแทนมากขึ้นตามไปด้วย
รูเบนดูค่อนข้างธรรมดาในทุก ๆ ด้าน แต่มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างเขากับจัสมินในแง่ของความสามารถ
จัสมินอายุค่อนข้างน้อย แต่เธอสามารถดูแลและจัดการเรื่องธุรกิจของครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ธุรกิจค้าขายวัตถุโบราณที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของเธอนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองมาก นอกจากนี้ยังสามารถจัดการเรื่องการค้าขายกับต่างประเทศได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจ
ถ้าพูดถึงในแง่ทักษะและความสามารถพิเศษทางธุรกิจนั้น เธออยู่เหนือกว่าลูกหลานของตระกูลในรุ่นของเธอทุกคน เธอมีความสามารถเหนือกว่าลุงของเธอด้วยซ้ำ!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือผู้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในตำแหน่งหัวหน้าครอบครัว พวกเขารู้สึกมั่นใจกับการที่เธอจะรับช่วงต่อในธุรกิจของครอบครัว ดังนั้นคนเหล่านี้จึงนั่งลงทันทีและยอมรับในข้อตกลงนั้น
ลุงของจัสมินถึงกับพูดว่า “คุณพ่อครับ ในเมื่อคุณพ่อตัดสินใจแล้ว พวกเราก็ไม่มีข้อโต้แย้งครับ”
ไทเลอร์และรูเบนตกใจมากที่สมาชิกของครอบครัวคนอื่น ๆ ต่างเห็นด้วยกับการตัดสินใจของนายท่านมัวร์ในทันที! ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกปล่อยให้ต้องต่อสู้เพื่อตัวเองอย่างโดดเดี่ยว
นอกจากนี้ คำพูดของนายท่านมัวร์ยังรุนแรงเกินไปหน่อยด้วยใช่ไหม?
เขาหมายถึงอะไรกัน?
เขาต้องการจะบอกว่า ทั้งไทเลอร์และรูเบนต่างก็มีความสามารถสู้จัสมินไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?!
ไทเลอร์กัดฟันด้วยความหงุดหงิดแล้วพูดว่า “คุณพ่อครับ ตามประเพณีของตระกูลเรา กฎการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวนั้น จำกัดไว้สำหรับผู้ชายในตระกูลเท่านั้น ถ้าคุณพ่อมอบตำแหน่งนี้ให้กับจัสมิน คุณพ่อและตระกูลของเราจะต้องกลายเป็นเป้าในการถูกเย้ยหยันจากเหล่าชนชั้นสูงในประเทศอย่างแน่นอน”
“โอ้?” นายท่านมัวร์ถามขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนี้ส่วนใหญ่ก็มาจากกลุ่มชนชั้นสูง แล้วทำไมฉันถึงไม่เห็นพวกเขาเยาะเย้ยกับการตัดสินใจของฉันเลยล่ะ?”
ไทเลอร์พูดขึ้นด้วยความพยายามให้ฟังดูน่าสนใจและคิดถึงใจคนอื่นว่า “นั่นเป็นเพราะพวกเขามาในฐานะแขกของเราในวันนี้! แล้วพวกเขาจะกล้าหัวเราะใส่หน้าในการตัดสินใจอย่างนี้ได้อย่างไรครับ?”
นายท่านมัวร์ยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไทเลอร์ ฉันรู้ว่าแกกำลังคิดอะไรอยู่ แกต้องไม่พอใจและหงุดหงิดมากที่ฉันแต่งตั้งให้จัสมินเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ฉันจะไม่ยอมล้มเลิกความคิดนี้ ใครจะเป็นหัวหน้าครอบครัวนั้นไม่สำคัญหรอก แต่ที่สำคัญคือ คนที่จะมาช่วยให้ครอบครัวสามารถสร้างรายได้ให้มากขึ้นนั้นตากหาก!”
“จริง ๆ แล้วจัสมินเพิ่งเข้าร่วมธุรกิจของครอบครัวได้ไม่นาน แต่ความสำเร็จและผลงานของเธอนั้นมีความโดดเด่นมาก!”
“ลืมเรื่องอื่นไปก่อนเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะจัสมิน เราจะได้ร่วมมือกับซอล อาวีลา แห่งโดฟพอร์ตได้อย่างไร?”
“แกต้องรู้เอาไว้นะว่า ซอล อาวีลาและลูกชายสองคนมีทรัพย์สินอย่างน้อย 800,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย การร่วมมือระหว่างกันจะช่วยทำให้การร่วมทุนทางธุรกิจของเราในอนาคตมีการพัฒนาและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก!”
“ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องขอบคุณในความพยายามของจัสมิน!”
นายท่านมัวร์อธิบายอย่างละเอียดโดยเน้นทุกคำพูด จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ปรมาจารย์เวดแล้วพูดว่า “เรื่องของปรมาจารย์เวดก็เช่นกัน ตระกูลเราได้รู้จักกับปรมาจารย์เวดเป็นการส่วนตัวก็เพราะจัสมิน! แล้วบอกฉันทีว่า ทำไมจัสมินถึงเป็นหัวหน้าครอบครัวของเราไม่ได้”
ไทเลอร์ตกตะลึงกับคำถามที่ดุดันของนายท่านมัวร์ เขารู้ดีว่าจัสมินแข็งแกร่งในทุกด้านจริง ๆ แล้วเธอก็เเก่งกว่าลูกชายเขาหรือแม้แต่ตัวเขาเองด้วยซ้ำไป
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่า จัสมินจะกลายเป็นหัวหน้าครอบครัว และเขาอดที่จะสาปแช่งภายในใจไม่ได้ ‘จัสมิน…แกเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง! แกคิดจริง ๆ เหรอว่า แกเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างที่ใคร ๆ เขาเรียกกัน? แกอาจเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างที่แกต้องการได้ แต่จงออกไปเป็นข้างนอกโน่น อย่ามาขวางทางฉันอยู่ในตระกูลมัวร์นี่!’