กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 21
USB:บทที่ 21 เม็ดยาของตระกูลโอวหยาง
ณ อีกห้วงมิติหนึ่ง ดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึก ดินแดนนี้เป็นโลกแห่งกระบี่และอาคม ในโลกนี้ ประกอบไปด้วยหลายเผ่าพันธ์ อาทิเช่น มนุษย์ ภูติ เผ่ามังกรโบราณ คนแคระ และอื่น ๆ อีกมากมาย มีหลากหลายอาชีพ ภายในดินแดนนี้
แต่ในบรรดาอาชีพที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้และนักเวทย์ แต่ทั้งสองอาชีพนั้น มีความสามารถที่แตกต่างกัน ในโลกใบนี้ จำนวนผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้นั้น มีจำนวนมากกว่านักเวทย์ แต่หนึ่งในพันของจำนวนนักเวทย์ ส่วนใหญ่จะมีพลังทำลายล้าง มากกว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นนักเวทย์ จึงเป็นที่เคารพนับถือของบุคคลทั่วทั้งดินแดน
อาณาจักรจันทราโลหิต เป็นหนึ่งในห้าอาณาจักร ในดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึก ซึ่งในดินแดนนี้ มีหลายร้อยประเทศ ทั้งที่มีขนาดใหญ่และเล็ก อย่างไรก็ตามอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุด หนึ่งในห้าอาณาจักรนั้น ครอบครองพื้น ที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของดินแดนทั้งหมดของโลกใบนี้ และอาณาจักรเล็ก ๆ ต่างก็ต้องอาศัยพึ่งพิง อาณาจักรทั้งห้านี้ และอาศัยอยู่ในชายแดนที่ห่างไกล โดยมีอำนาจลดหลั่นรองลงมา
แม้แต่เจ้าเมือง ก็ยังต้องให้ความเคารพต่อผู้นำทั้งสี่ตระกูลใหญ่ และเหตุผลที่ ทั้งสี่ตระกูลนี้ สามารถยืนหยัดอยู่ในดินแดนนี้ได้อย่างมั่นคง ในเมืองฮ่าวเทียน และครอบครองทรัพยากรทั้งหมดของเมืองได้นั้น มันเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะทุกตระกูลต่างมีพลังการต่อสู้ที่น่ากลัว ด้วยผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก แต่ก็มีนักเวทย์ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ยิ่งตระกูลที่มีอำนาจมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเวทย์ ความแข็งแกร่งของตระกูลนั้น ๆ ขึ้นอยู่กับจำนวนนักสู้ในตระกูล และนักเวทย์ระดับสูง ในตระกูลเป็นหลัก ธรรมดาแล้ว ถ้าตระกูลใด
มีนักเวทย์ระดับสูง เพียงหนึ่งหรือสองคน ก็เพียงพอแล้ว ที่ตระกูลอื่นจะให้ความเคารพยำเกรง
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคน ที่เป็นผู้นำตระกูลโอวหยางของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เมืองเฮ่าเทียน, โอวหยางเทียน และผู้ที่ถูกเรียกมา ตัวคือลูกชายของเขา โอวหยางซิงเหวิน
โอวหยางซิงเหวิน กำลังจะอายุครบสิบหกปี ในฐานะลูกชายของผู้นำตระกูลใหญ่ เขาได้รับการดูแล และสั่งสอนวิชาความรู้ทุกแขนงตั้งแต่ยังเล็ก และโอวหยางซิงเหวินนั้น ไม่มีพรสวรรค์ทางด้านเป็นการเป็นผู้ฝึกตน ดังนั้นโอวหยางเทียน จึงตั้งความหวังไว้กับเขาอย่างมาก โดยหวังอย่างยิ่งว่า ลูกชายของเขา จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับสูง ด้วยวิธีนี้ เขาจึงจะสามารถเข้ารับตำแหน่งในอนาคตได้
อย่างไรก็ตาม การแสดงของโอวหยางซิงเหวินนั้น กลับสร้างความผิดหวังให้กับโอวหยางเทียน มาโดยตลอด เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะ เขาไม่มีพรสวรรค์ หรือเพียงแค่ว่า เขานั้นไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนให้ดี ใกล้อายุครบสิบหกปีแล้ว และยังไม่กลายเป็นนักเวทย์ระดับใดเลย
ในดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึก มีกฎเกณฑ์ว่า หากผู้ใดอายุเกินสิบหกปีขึ้นไป และยังไม่สามารถปลุกพลังวิเศษได้ คน ๆ นั้นก็จะกลายเป็นเพียงขยะที่ไร้ประโยชน์ตลอดชีวิต และไม่สามารถปลุกความสามารถให้การเป็นนักเวทย์อีกต่อไปได้ ดังนั้นโอวหยางเทียนจึงกังวลใจมาก และเหตุผลที่เขาเรียกลูกชายของเขามาที่นี่ในวันนี้ ก็คือเรื่องนี้
“ท่านพ่อ เรียกลูกมา มีเรื่องด้วยอะไร รีบๆพูดเถอะ ข้ากำลังจะออกไปข้างนอก” โอหยางซิงเหวิน ไม่ได้มีความเกรงกลัวในตัวพ่อของเขาเลย เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของเขา เขาจึงถูกเอาอกเอาใส่มาโดยตลอด นอกจากนี้ เขายังเป็นลูกชายของผู้นำตระกูล
ดังนั้นคนอื่น ๆ จึงยำเกรงเขามาก
โอวหยางซิงเหวิน ไม่มีพรสวรรค์ใด ๆ ในร่างกายมาแต่กำเนิด แต่เขากลับมีความสามารถในการเที่ยวเล่น เดินวนเวียนไปรอบ ๆ บริเวณ ที่มีจัดแสดงดอกไม้ไฟ ตั้งแต่อายุยังน้อย และชื่อเสียงของเขานั้น ก็เป็นที่รู้จักกันดีในเมือง เฮ่าเทียน ทั้งเมือง
ถ้าโอวหยางซิงเหวิน ออกไปข้างนอก พนันได้ว่า เขาจะต้องออกไปก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น ๆ อย่างแน่นอน
” วันๆ รู้จักแต่เที่ยวเล่น เจ้ารู้ไหมว่าปีนี้อายุสิบหกปีแล้ว และหากว่าเจ้า ไม่มีความสามารถในการปลุกพลังวิเศษในตัวเอง ก็จะไม่สามารถกลายเป็นนักเวทย์ได้อีกต่อไป แล้วเจ้าจะรับตำแหน่งผู้นำตระกูล ต่อจากข้าได้อย่างไรกัน?”
” โอวหยางเทียนกล่าวดุด่า เป็นชุด
อย่างไรก็ตาม สีหน้าท่าทางของโอวหยางเทียนกลับไม่ได้สร้างความหวาดกลัวแก่โอวหยางซิงเหวินเลยแม้แต่น้อย โอวหยางซิงเหวินยังคงมีใบหน้าราบเรียบสงบ เขามองไปยังพ่อของเขา และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า: “จะโทษข้าได้อย่างไร ถ้าจะโทษต้องโทษท่าน ไม่ยอมเลือกสตรีที่มีพลังวิเศษมานี่นา ข้าเลยไม่ได้สืบทอดมรดกอะไรมาเลย แล้วข้าปลุกพลังขึ้นมาได้อย่างไร! ” โอวหยางซิงเหวินกล่าวประท้วง
ใบหน้าของโอวหยางเทียนแดงเถือกขึ้นทันที หลังจากการตอบของโอวหยางซิงเหวิน เขาเงื้อมือขึ้นสองสองสามรอบ แต่หักใจตบตีลูกชายตนเองไม่ลง
” ตี! ข้าจะตีเจ้า ข้าจะบอกท่านแม่ของเจ้า และท่านยายของเจ้า และดูว่า พวกนางจะจัดการอย่างไรกับเจ้า ถ้าสั่งสอนมันไม่ได้ก็ขับออกไปจากตระกูลเสีย” โอวหยางซิงเหวินไม่ได้หวาดกลัว การกระทำของโอวหยางเทียนผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับกอดอก และปั้นหน้าทำเศร้าโศก ราวกับว่า เขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และพยายามอดทนอดกลั้น
“ ผลั่ก!” ในที่สุดมือของโอวหยางเทียนก็ฟาดลงมา แต่มันไม่ได้ตกลงบนร่างของโอวหยางซิงเหวิน แต่มันกลับตกลงไปที่โต๊ะเบื้องหน้า ทำให้โต๊ะแตกร้าวกระจายอย่างรุนแรง กล่องลายปักที่วางไว้บนโต๊ะลอยสูงขึ้นไปในอากาศเนื่องจากแรงทุบ
โอวหยางเทียน ไม่ได้ทุบตีโอวหยางซิงเหวิน แต่เขาก็ยังต้องระบายความอั้นอั้นใจ กับความไม่ได้เรื่องของลูกชายของตนลงไปที่โต๊ะไม้แทน และสายตาของเขาเหลือบไปเห็น โอวหยางซิงเหวินหมอบลงพลางตัวสั่น โอวหยางเทียนก็ยิ่งโมโหจัด
เขารู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโห เขาพยายามข่มจิตใจไม่ให้โมโหจนตายเพราะลูกชายตนเอง และพูดว่า: “ลุกขึ้นมาข้างหน้า
เมื่อโอวหยางซิงเหวิน เห็นว่าพ่อของเขา ไม่ได้ทุบตีเขา เขาก็วางใจ และยืนขึ้น “ท่านพ่อมีอะไร?”
เขาไม่กล้าที่จะพูดออกมาดัง ๆ ในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวผู้เป็นพ่อแล้ว
“ เอาล่ะ อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนี้ อยู่บ้านก่อนสักสองสามวันนี้ และอย่าไปเที่ยวเล่นที่อื่น นี่คือยาเสริมความหลักแหลม กินหมดแล้ว นั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน และศึกษาตำราอย่างจริงจัง หากมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจ ก็ถามมา ” โอวเทียนเทียนยื่นกล่องบนโต๊ะ
ให้โอวหยางซิงเหวิน
” ยาเสริมความหลักแหลม” มันเป็นยาในตำนาน ที่กล่าวกันว่า สามารถช่วยคนที่ไม่มีพื้นฐานในการฝึกตน โดยกำเนิดได้? ” โอวหยางซิงเหวิน กล่าวขณะที่เขาส่งกล่องปักให้ลูกชาย
บุคคลอื่นๆ ที่ต้องการเป็นนักเวทย์ ย่อมต้องเคยได้ยินชื่อยานี้มา อย่างแน่นอน ยาเม็ดนี้มีค่าอย่างยิ่ง สมุนไพรที่ปรุงยาเม็ดนี้ มีค่ามาก เพราะนอกจากจะช่วยเสริมพื้นฐานของนักเวทย์ ยังช่วยให้คิดวิเคราะห์ได้อย่างหลักแหลม
สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานหรือพรสวรรค์ ส่วนมากจะใช้ยาช่วยให้เกิดความสามารถขึ้นมา