กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 28
USB:บทที่ 28 ฝึกฝนคาถาพื้นฐาน
เมื่อวานนี้ เขาง่วนกับการนั่งสมาธิ และเรียนรู้เรื่องคาถา และเมื่อเช้านี้ เขาก็ตื่นขึ้นมา และเขาก็รีบไปทำงาน ดังนั้นฮวงเฟิง จึงไม่มีเวลาฝึกฝน เนื่องจาก ตอนนี้เขามีเวลาแล้ว
เขาจึงตัดสินใจที่จะลองดู โดยทั่วไปแล้ว บุคคลธรรมดาที่สามารถปลุกพลังสวรรค์ นั้นจะสามารถดูดซับพลังธาตุที่เข้ากันได้ เพียงชนิดเดียว
ซึ่งหมายความว่า คนๆนั้น จะสามารถฝึกฝนคาถาได้เพียงประเภทเดียว ต่อพลังธาตุที่เหมาะสมกับตนเอง ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ปลุกพรสวรรค์ ด้านคาถาธาตุไฟ จะสามารถดูดซับธาตุไฟ
จากอากาศได้ ในขณะที่ฝึกฝน เขาสามารถใช้คาถาธาตุไฟได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงนั้น ไม่ทราบในเรื่องนี้ เขาไม่รู้อะไรมากมาย เกี่ยวกับเรื่องของดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึกแห่งนี้
ในตอนแรก ฮวงเฟิงเตรียมที่จะฝึกฝนคาถา ประเภทน้ำ จากนั้น เริ่มมีเสียงพึมพำ ออกจากปากของ ฮวงเฟิงอย่างเงียบงัน ฮวงเฟิงรู้สึกว่า ภายในลูกบอลแห่งแสงหลากสี ในร่างกายของเขา
มีร่องรอยของ พลังที่โปร่งใส ที่กำลังแยกตัวออกมา จากภายในร่างของเขา และค่อย ๆ มาบรรจบกัน ที่มือขวาของเขา ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกว่า อากาศรอบ ๆ ดูเหมือน จะมีพลังคาถา ที่มาบรรจบที ทางขวามือของเขา
ภายใต้การจับจ้องของฮวงเฟิง ลูกบอลแห่งแสง ค่อยๆ ควบแน่นในมือขวาของเขา และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งตัวเขารู้สึกว่า พลังที่โปร่งใสถูกดึงออกจากร่างกายของเขาจนหมด ลูกบอลน้ำ ในมือของเขา ก็ไม่มีร่องรอยการขยายใหญ่ขึ้นอีกต่อไป และเราสามารถมองเห็นได้ว่า ลูกบอลน้ำมีขนาดเท่าชามข้าวธรรมดาๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ ฮวงเฟิงฝึกหัดการร่ายคาถา ดังนั้นจิตใจของเขาจึงลิงโลดมาก ลูกบอลน้ำนี้ ล่องลอยอยู่เหนือ มือของฮวงเฟิง และไม่ได้สัมผัสกับมือของเขาเลยแม้แต่น้อย
ลูกบอลน้ำนี้ มีความโปร่งใส และดูเหมือนว่าน้ำข้างในลูกกลมๆ จะยังคงไหลอย่างเชื่องช้า อยู่ภายใน
ฮวงเฟิงนั้น ต้องการทดสอบพลังของลูกบอลน้ำอันนี้ เขาจึงใช้กระแสจิต ในการควบคุมมัน เนื่องจากสิ่งนี้ ถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือของฮวงเฟิง เขาจึงสามารถควบคุมมันได้อย่างอิสระ
ด้วยความคิดของเขา และจากนั้นเขาค่อยๆควบคุมให้ ลูกบอลน้ำ ไปกระทบกำแพง และเปลี่ยนเป็นของเหลวอีกครั้ง ที่ค่อยๆไหลลงไปตามร่องผนัง ฮวงเฟิงไม่ได้ตระหนักถึง
พลังอันยิ่งใหญ่ของมัน เพราะนี่เป็นเพียงคาถาระดับเบื้องต้น ฮวงเฟิงจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฮวงเฟิงยังไม่เชี่ยวชาญ ในการร่ายคาถา เพราะฉะนั้น ขั้นตอนจึงเต็มไปด้วยความเชื่องช้า อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงได้เคยอ่านนวนิยาย ที่มีขั้นตอนคล้ายๆ กับ การใช้คาถา
และรู้ว่า นักเวทย์ระดับสูงนั้น จะสามารถร่ายคาถาระดับต่ำได้ทันที ดังนั้นพวกเขา จึงไม่จำเป็นต้อง ท่องคาถาอะไรมากมาย เพราะคาถานั้น มันสั้นมาก เนื่องจากตอนนี้ เขาเป็นเพียงนักเวทย์ระดับต่ำ
และเนื่องจากเขาเพิ่งจะร่ายคาถาไป มันเป็นเรื่องปกติมาก ที่ฮวงเฟิง จะทำทุกขึ้นตอนได้อย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป
ในเวลาเดียวกัน ฮวงเฟิงได้ค้นพบความลับ เบื้องหลังคาถาที่เขาท่องออกมา ทุกอย่างนั้นเกี่ยวข้องกับลูกบอลแห่งแสง หลากสีภายในร่างกายของเขา และเมื่อเวลาตอนที่เขา ร่ายคาถา จะมีบอลแห่งแสง หลุดออกมาจากร่างกายของเขา
และสามารถรวบรวมพลังไว้ในมือของเขา ในเวลาเดียวกัน มันจะดึงดูดพลังธาตุในอากาศ และความแข็งแกร่งของการใช้คาถานั้น เกี่ยวข้องกับจำนวนของพลังธาตุ ที่เขาสามารถรวบรวมเอาไว้ได้ในตอนนั้นๆ
เห็นได้ชัดว่า ยิ่งเขาสามารถบำเพ็ญได้สูงยิ่งขึ้นเท่าไร ก็จะสามารถรวบรวมพลังธาตุได้มากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมนักเวทย์ระดับสูง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะร่ายคาถาระดับพื้นฐาน แต่มันก็มีเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมากมาย แน่นอนว่า
ในระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพลังธาตุนั้น ฮวงเฟิงสามารถหยุดการเคลื่อนได้ตามใจ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ พลังในร่างกายของเขาถูกดูดออกมาจนหมด หากว่าพลังในร่างกายของเขาหมดไป เขาจะไม่สามารถร่ายคาถาได้ซ้ำอีกครั้ง
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ ฮวงเฟิง ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับการทำสมาธิ เมื่อฮวงเฟิงทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง มันจะสามารถเพิ่มจำนวนของพลังที่เก็บไว้ในร่างกายได้มากขึ้น เมื่อใช้พลังในร่างจนหมดแล้ว แม้จะเป็นนักเวทย์ระดับสูง ก็ไม่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ได้
หลังจากหยุดใช้พลัง ฮวงเฟิงงรู้สึกได้ว่า พลังธาตุที่อยู่ในอากาศก็ ค่อยๆรวมตัวเข้าไปในร่างกายของเขา เพื่อเติมเต็มส่วนของพลังธาตุที่เขาเพิ่งจะใช้หมดไป แต่ในเวลานี้ ฮวงเฟิงยังไม่ได้เริ่มทำสมาธิ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พลังธาตุในร่างกายจะสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่มันจะต้องกลับเข้าไปเติมเต็มในส่วนที่ เขาใช้พลังหมดไปก่อนหน้าเสียก่อน
หลังจากเข้าใจประเด็นนี้ ฮวงเฟิงรู้สึกว่า ตัวเองนั้นมีความเข้าใจในเรื่องการใช้คาถามากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีนักเวทย์ใดๆ ในโลกแห่งนี้ ดังนั้นเขาจะจึงศึกษามันด้วยตนเอง เพราะไม่มีใครคอยชี้นำเขา
เมื่อมองไปที่นาฬิกา ฮวงเฟิงนัดกับกัวเหลียงไว้ ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว ดังนั้นฮวงเฟิงจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกเดินทางไปยังสถานที่ ที่นัดแนะกับกัวเหลียง เนื่องจากฮวงเฟิงไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อตัวใหม่ไปหากัวเหลียง เนื่องจากเขาไม่เคยซื้อเสื้อมานานแล้ว เขาจึงสุ่มเลือกชุดที่ดูสะบายๆ และรีบเปลี่ยนชุดทันที
ดรีมบาร์เป็นบาร์ที่มีบรรยากาศดี ตั้งอยู่บนถนนเจียงโจว ทั้งฮวงเฟิงและ กัวเหลียงนั้น เคยไปที่นั่นสองสามครั้ง ก่อนหน้านี้ ที่มีเรื่องน่าหดหู่มากมาย ที่เกิดขึ้นมาในชีวิต ในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น ฮวงเฟิงหรือ กัวเหลียงทั้งคู่ ก็ต่างมีเรื่องแย่ๆเข้ามาในชีวิต ดังนั้น พวกเขาจึงชอบมาที่นี่เพื่อผ่อนคลายและปลดเปลื้องความทุกข์ใจ
ฮวงเฟิงนั่งแท็กซี่ไปที่บาร์นั้น เมื่อไปถึง เขาโทรหากัวเหลียง เพื่อสอบถามว่า กัวเหลียงนั้น นั่งอยู่ตรงไหนของร้าน จากนั้น ฮวงเฟิงก็เดินเข้าไปทันที หลังจากทราบตำแหน่งของกัวเหลียง ทันที ที่ฮวงเฟิงเดินเข้าไปข้างใน เขาพบกับเสียงเพลงดังๆ
มาจากข้างในร้าน ในเวลานี้ สถานบันเทิงยามค่ำคืน กำลังเพิ่งเริ่มต้นและมีผู้คนจำนวนมากอยู่ข้างใน โดยเฉพาะวัยรุ่น พวกเขาหลายคนโยกย้ายร่างกาย ไปตามจังหวะดนตรี ในขณะที่บางคนนั่งดื่ม บางคนนั่งมองดูฝูงชนที่มีชีวิตชีวา
“ มานี่เร็ว!” เมื่อเห็นการมาถึงของ ฮวงเฟิงจากระยะไกลๆ กัวเหลียงก็ลุกขึ้นยืน และโบกมือ เรียกฮวงเฟิง ที่กำลังพยายามมองหาเขา
“ฉันบอกว่า นัดทุ่มครึ่ง แต่ทำไมนายถึงมาสาย? นายปล่อยให้สาวสวยต้องรอนาน” เมื่อฮวงเฟิงมาถึงด้านข้างของกัวเหลียง เขาก็ชกไปที่หน้าอกของฮวงเฟิง และพูดขึ้นว่า ฉันมารอนายนานมาก
“เฮ้ ฉันสายตรงไหน นายบอกว่า ทุ่มครึ่งนี่นา ฉันมาตรงเวลานะ” ฮวงเฟิงกล่าว ในเวลานี้เขาหันไปเห็น สาวสวยทั้งสองคนที่ยืนอยู่กับกัวเหลียง และฮวงเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “สวัสดี คนสวย ผมเป็นเพื่อนของผู้ชายคนนี้ ชื่อ ฮวงเฟิง ยินดีที่