กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 46
USB:บทที่ 46 หัวขโมยในเงามืด
“สำนักเจ็ดนพเคราะห์ของเรานั้นยิ่งใหญ่มาก เดินชมเท่าไรก็ไม่ทั่วสักที” ศิษย์ใหม่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ใช่ ๆ…อาหารที่นี่รสชาติดีมากไม่เลว เหมือนกับโลกภายนอกเลย” ศิษย์อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
“เจ้าสังเกตเห็น ทะเลสาบเล็ก ๆ ที่ด้านหลังของภูเขาหรือไม่? ข้าคิดว่ามีปลาอยู่ในนั้นมากมายเลย ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราเบื่ออาหารที่นี่ ลองมาดูที่นี่กันดีหรือไม่? ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยเสนอความคิดเห็นขึ้นมา
หลังจากนั้น ศิษย์ใหม่ทุกคน ก็ได้ไปร่วมกันกินอาหารตอนมื้อค่ำ หลังจากนั้นพวกศิษย์ทั้งหลายคน ก็กลับไปยังที่พักของตนเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขากำลังจะเริ่มต้นเส้นทางในการฝึกศิลปะการต่อสู้ตามที่ตนเองตั้งใจเอาไว้ ทำให้ทุกๆ คน เดินกลับไปยังที่พักอย่างมีความสุข พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาพบเจอไปตลอดเส้นทาง
ทั้งหลิวหมิงเจี๋ย และ หลิวเต๋อหยูเอง ก็เดินตามฝูงชนกลับเข้าไปยังที่พักของพวกเขา ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสอง
เคยไปชมสำนักร่วมกับศิษย์พี่คนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในสำนัก ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจอย่างคร่าวๆ
เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ เมื่อคิดว่าทั้งสองคน จะได้มาฝึกฝนที่นี่ ในอนาคต ทั้งสองคนก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
และรอคอยที่จะถึงวันพรุ่งนี้ อย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อทุกคนมีความสุข และพูดคุยกันเจี๊ยวจ๊าว จากนั้นฝางจื้อห่าวและกลุ่มศิษย์พี่ และอาวุโส ก็เดินทางกลับเข้ามายังที่พัก ทุกคนรีบวางสิ่งที่ตนเองกำลังลงไป และตะโกนอย่างสุภาพว่า “ศิษย์พี่!” แม้แต่ หลิวเต๋อหยูและ หลิวหมิงเจี๋ย ก็ตะโกนเรียกเช่นเดียวกัน
คราวนี้ ฝางจื้อห่าวไม่ได้หาเรื่องพวกเขาสองคน แต่ทำราวกับว่า เขาไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับบุคคลสองคนนี้
เขาพูดคุยและหัวเราะกับศิษย์ในสำนักเดียวกัน ในขณะที่เดินไปที่เตียงของตัวเอง ราวกับว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างปัญหาใด ๆ สิ่งนี้ทำให้หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฐานะของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่า
พวกเขา และถ้าฝางจื้อห่าวคิดจะกลั่นแกล้งพวกเขาจริง คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเร่งฝึกฝนตนเอง
เพื่อที่จะสามารถเอาชนะฝางจื้อห่าวได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ฝางจื้อห่าวกำลังเย้ยหยันอยู่ในใจ พวกเจ้าจะรู้ว่า อะไรคือความน่ากลัวที่แท้จริง….อีกไม่นาน
“เอ๊ะ ! ทำไมคัมภีร์ฝึกกำลังภายในของข้าหายไปไหน?” ทันใดนั้น ฝางจื้อห่าวที่กำลังจัดเก็บข้าวของของเขา
ก็ส่งเสียงร้องดึงดูดความสนใจของทุกคนภายในห้อง หัวใจของหลี่เต๋อหยู่และหลิวหมิงเจี๋ยนั้น ใจเต้นแรง ราวกับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งสองคนก็รู้สึกว่า พวกเขากำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน
“เจ้าวางมันไว้ที่ไหน?” ลองค้นดูอีกรอบ “
“ใช่แล้ว เจ้าอาจจะทิ้งมันไว้ที่ไหนสักแห่ง”
อาจารย์ของเขา เดินเข้าไปใกล้ฝางจื้อห่าว ที่ด้านข้างของเขา และถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นไปไม่ได้….ข้าจำได้ว่าทิ้งไว้ที่นี่ ข้ายังเห็นมันเมื่อเช้านี้ ทำไมมันถึงหายไปได้ในพริบตา?” ฝางจื้อห่าว
กล่าวอย่างกังวลใจ
“เป็นไปได้ไหมว่า…เจ้าจะจำผิดไป” “ อย่าวิตกไปเลย…ลองหาดูอีกที ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกลงโทษอย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง! ครั้งล่าสุด ข้าจำได้ว่า มีคนที่ทำคัมภีร์หายไป ต่อมา ก็ถูกอาจารย์ไล่ออกจากสำนัก”
หลังจากที่ ฝางจื้อห่าวได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยในใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกถึงวิธีที่เขา นำคัมภีรไปแอบซ่อนไว้ เขาก็รู้สึกสบายใจว่ามันจะไม่มีทางหายไปไหนอย่างแน่นอน
“อย่ามัวแต่ยืนเฉยๆ ค้นดูรอบ ๆ ว่า มีใครไม่ทันสังเกต แล้วหยิบมันไปหรือไม่” ศิษย์พี่ผู้อาวุโสคนหนึ่ง
กล่าวขึ้นท่ามกลางศิษย์ใหม่ทุกคน
ศิษย์ใหม่ทุกคนไม่รีรอ รีบกุลีกุจอ ควานหา คัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของฝางจื้อห่าว อย่างเร่งด่วน
มองหาไปตามเตียงนอนของทุกคน หลังจากค้นหาอยู่นาน…ก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี
ฝางจื้อห่าวนั้น แสร้งทำเป็นกังวลใจ ในขณะที่เขาค้นหารอบ ๆ เตียงของตัวเอง และแอบลอบสังเกตุท่าทีของหลิวเต๋อหยูอย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีสีหน้าผิดปกติ ทันใดนั้นหัวใจของฝางจื้อห่าวก็เริ่มลังเลใจ ถ้าว่ากันไปตามความจริงแล้ว หลังจากหลิวเต๋อหยูค้นหาที่เตียงของตนเองแล้ว เขาจะต้องพบคัมภีร์อย่างแน่นอน เนื่องจากฝางจื้อห่าวนั้น ซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าห่มของเขา ไม่ว่าอย่างไร ก็จะต้องหาเจออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เป็นปกติของหลิวเต๋อหยู ก็เห็นได้ชัดว่า เขาดูเหมือนจะไม่ได้พบอะไร
ดังนั้นหัวใจของฝางจื้อห่าว จึงไม่สบายใจมากขึ้น และรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ฝางจื้อห่าวชี้ไปที่หลิวหมิงเจี๋ย และหลิวเต๋อหยู และพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าเอาคัมภีร์ของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน เอามันออกมาเดี๋ยวนี้!”
หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู่ สะดุ้งตัวโยนไปชั่วขณะ พวกเขาไม่คาดหวังว่า อีกฝ่ายจะระบุว่าเป็น พวกเขาสองคนที่เป็นคนเอาคัมภีร์ไป จากนั้นพวกเขาก็รู้ทันทีว่า แผนนี้ถูกวางไว้โดยฝีมือของฝางจื้อห่าว
หลิวหมิงเจี๋ยไม่ได้ถอยหนี ในขณะที่เขามองไปที่ฝางจื้อห่าวและกล่าวขึ้นว่า: “ศิษย์พี่ ได้โปรดอย่าใส่ร้ายพวหเรา…ถ้าท่านมีหลักฐานโปรดนำออกมา ว่า เราเอาคัมภีร์ของท่านไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
“จื้อห่าว…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ในเวลานี้ มีอาวุโสผู้หนึ่ง ที่อยู่ด้านข้างของฝางจื้อห่าว ขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปที่ฝ่ายตรงข้ามทั้งสองคน
ในตอนที่ข้านั้นได้พบกันพวกเขา ข้านั้นแค่แสดงตนว่าเป็นศิษย์พี่กับพวกเขา และต้องการให้ศิษย์น้องทำความเคารพ
อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่า พวกเขาจะผูกใจเจ็บ และคิดกลั่นแกล้งข้า… ด้วยความเกลียดชัง
อีกทั้งยังขโมยคัมภีร์ฝึกฝนกำลังภายในของข้าไป พวกเขาสองคนนั้น รู้จักกันตั้งแต่ก่อนเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนัก
และเคยมีความบาดหมางกันมาก่อนกับตัวข้า ฝางจื้อห่าวเอ่ยคำโกหกได้อย่างไหลลื่น ราวกับซักซ้อมมาอย่างดี ไร้ช่องโหว่
ดังนั้นพวกเขาต้องขโมยคัมภีร์ของข้าไปอย่างแน่นอน ฝางจื้อห่าวชี้ไปที่ หลิวเต๋อหยู และ หลิวหมิงเจี๋ย อย่างโกรธ ๆ
พลางอธิบายให้อาวุโสฟัง เขาชิงเล่าเรื่องเท็จต่อหน้าอาวุโส ก่อนที่หลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยู จะได้ทันเอ่ยปากออกมา
ฝางจื้อห่าวกล่าวอย่างชาญฉลาดว่า เขานั้นมีปัญหากับอีกฝ่ายก่อน และมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันก็แค่เรื่องขี้ผง
แต่เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น ทั้งหลิวหมิงเจี๋ยและหลี่เต๋อหยูเองนั้น จะมีแรงจูงใจในการขโมยคัมภีร์ และยิ่งไปกว่านั้น
เขาบอกในตอนแรกว่า หลิวหมิงเจี๋ยขโมยคัมภีร์ของเขาไป หลังจากนั้น ทุกคนจะต้องมาค้นข้าวของของหลิวหมิงเจี๋ย และตัวหลี่เต๋อหยูเองก็คง จะหนีไม่พ้นจากการรื้อค้นสิ่งของด้วยกัน อย่างแน่นอน หลังจากนั้น ฝางจื้อห่าวก็บอกว่า ทั้งสองคนนั้นเป็นสหายกันมานาน ดังนั้นหลี่เต๋อหยูนั้น จะตกเป็นจำเลยเช่นเดียวกัน
“ฝางจื้อห่าว..เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า!” หลิวหมิงเจี๋ยนั้น โกรธมาก ในเวลาเดียวกัน เขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเรื่องนี้เลย
“ ศิษย์ใหม่ทุกคนออกไปชมบริเวณภายในสำนักกันหมด เราไม่ได้กลับมาเลย และเราจะกลับมาเพื่อขโมยคัมภีร์ได้อย่างไร?
“ พวกเจ้ามีเวลาเหลือเฟือในช่วงอาหารกลางวัน บางทีเจ้าอาจใช้ประโยชน์จากเวลานั้น เพื่อแอบลอบกลับมา”
ฝางจื้อห่าว กล่าวเสียงดัง
หลิวหมิงเจี๋ยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกผิด แต่เพราะในเวลานั้น เขามีเวลาว่างพอสมควร
แต่ในเวลานั้นเขาอยู่กับหลี่เต๋อหยู และตอนนี้ฝางจื้อห่าวก็สงสัยเขา. เห็นได้ชัดว่า แม้ว่าเขาจะให้หลิวเต๋อหยูช่วยเป็นพยานให้ แต่ฝางจื้อห่าวและคนอื่น ๆ ก็จะไม่เชื่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน