กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 50
USB:บทที่ 50 ลอบทำร้าย
ณ บ้านเช่าของฮวงเฟิง
เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น ฮวงเฟิงตื่นขึ้นมาตรงเวลา จากการนั่งสมาธิฝึกฝน เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน แต่นั่งสมาธิแทน
หลังจากตรวจสอบกล่องจักรวาล เขาก็พบว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยนสิ่งของอะไรเมื่อคืนนี้ แต่ฮวงเฟิงก็ไม่รู้สึกหดหู่ หลังจากที่ได้รับทักษะกำลังภายในมา นอกเหนือจากความต้องการเงินอย่างเร่งด่วนแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนเกินไป
ที่จะทำอย่างอื่น หลังจากอาบน้ำล้างหน้าอย่างง่ายๆ และซื้อซาลาเปาไม่กี่ชิ้น จากแผงขายของริมถนน ฮวงเฟิงก็ต่อสู้กับระบบขนส่งสาธารณะอีกครั้ง เพื่อเดินทางไปที่ทำงาน
ในอีกทางหนึ่ง ในด้านของฝางจื้อห่าวนั้นกำลังไม่พอใจตนเอง แม้ว่าเขาจะค้นหามาตลอดทั้งคืน เขาก็ยังไม่พบคัมภีร์ใดๆ และ อาวุโสหวงก็ไม่ได้พูดอะไร เนื่องจากการกระทำของฝางจื้อห่าวนั้น ถือว่าเนรคุณต่อสำนักอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกอาวุโสหวง ขับออกจากสำนัก เดิมทีในช่วงเวลานี้ เนื่องจากมีศิษย์ใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นับว่ามีความสำคัญกับสำนักเจ็ดนพเคราะห์ และไม่อนุญาตให้ทำอะไร.. ที่จะเป็นการทำลายสำนัก
ด้วยเหตุนี้ ฝางจื้อห่าวจึงรู้สึกขมขื่น ไม่เพียงแต่ใส่ร้ายหลี่เต๋อหยู และ หลิวหมิงเจี๋ยไม่สำเร็จ และตนเองยังต้องถูกขับออกจากสำนัก ภายในมือของเขา มีนิตยสารฉูดฉาดพร้อมหน้าปกสดใส และเขาจ้องมองมันด้วยสายตาเรียบเฉย
การจากไปของฝางจื้อห่าวนั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสำนักเจ็ดนพเคราะห์ของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้ศิษย์เก่าและใหม่ เข้าใจถึงความสำคัญของศิลปะกำลังภายใน และทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง เนื่องจากสำนักนี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง กับความสัมพันธ์ระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน
กลับไปที่ฮวงเฟิงที่เดินลงมาจากรถบัส และตรงเข้าไปทำงานและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ของการเฝ้าสังเกตการณ์หน้าบริษัท ฮวงเฟิงพบว่า เขาไม่เห็น ถงเฉียนจุนที่น่ารำคาญ ในช่วงนี้ ถือว่า ชีวิตของเขานั้นดูธรรมดามาก
เนื่องจากเขามีเวลาว่างมาก ฮวงเฟิงจึงฝึกฝนกำลังภายในของเขามาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อคนนอกมองเห็นฮวงเฟิง พวกเขาก็จะงุนงงเล็กน้อย เนื่องจากฮวงเฟิงต้องการควบคุมกำลังภายในร่างกายของเขา ให้ไหลเวียนอย่างช้าๆ เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับพลังภายในมา และยังไม่คุ้นชินกับมันมากนัก จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ที่จะชะลอการฝึกฝน ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างเขามักจะฝึกฝนกำลังภายในอย่างเงียบๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการฝึกฝนในแต่ละครั้ง ฮวงเฟิงรู้สึกว่าพลังปราณของตัวเองนั้นเพิ่มขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย การฝึกฝนกำลังภายใน ต้องใช้ระยะเวลานานมาก และปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกำลังภายใน ในโลกของหวู่เซี่ย พวกเขาไม่มีความบังเอิญในการได้รับกำลังภายในมา มีแต่ต้องฝึกฝนด้วยตนเองมาเป็นเวลาหลายสิบปี
แต่ฮวงเฟิงนั้น ไม่กังวลเลย เนื่องจากโลกที่เขาอาศัยอยู่นี้ ปลอดภัยกว่าโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นการใช้กำลังภายในของเขา ไม่ใช่เพื่อการฆ่าคน แต่เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ตราบเท่าที่เขาฝึกฝนกำลังภายใน
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ส่งผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ทัศนคติที่ไม่อดทนของฮวงเฟิงนั้น ไม่มีความสำคัญต่อการฝึกฝนของเขา อย่างน้อยที่สุด คนประเภทนี้ ไม่กังวลกับผลลัพธ์ และไม่มีความเสี่ยงต่อการแปรปรวนของพลังปราณ นอกจากนี้เมื่อฝึกฝนเสร็จ เขาก็จะทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังของการใช้คาถาอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการฝึกฝนของเขานั้น เร็วกว่าผู้ฝึกตน คนอื่นๆ อย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ฮวงเฟิงก็เลิกงานตรงเวลา อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตของฮวงเฟิง ในช่วงเวลานี้พนักงานทุกคนในเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป ดูเหมือนจะยุ่งมาก และมีสีหน้าเคร่งเครียด เห็นได้ชัดว่า พวกเขามีความรู้สึกไม่มากก็น้อยว่า บริษัทอาจกำลังประสบปัญหา
แม้ว่าฮวงเฟิงนั้นมีใจอยากจะช่วย แต่เขาก็เป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยตัวเล็ก ๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ได้ เขาจะมีความสามารถในการช่วยเหลือ บริษัท ได้อย่างไร?
ฮวงเฟิงลงจากรถประจำทางที่แออัด และเดินผ่านตรอกซอกซอยไปตามปกติ แต่เขาก็ถูกชายหนุ่มสองสามคนขวาง ด้วยสีหน้าอารมณ์ที่ไม่ดี เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มสองสามคนตรงหน้าเขา ฮวงเฟิงก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สนใจคนอื่น ๆ ที่เดินผ่านไปมาและจ้องมองตรงมาที่ฮวงเฟิงเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดักรอเขาอยู่ที่นี่
“แกคือ ฮวงเฟิงใช่มั้ย? พนักงานรักษาความปลอดภัยต่ำต้อยคนนั้น?” ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำในกลุ่ม กล่าวกับ ฮวงเฟิง ขณะที่เขาคาบบุหรี่ไว้ในปาก และสวมแว่นกันแดดสีดำทรงกว้าง
“ถูกต้อง ฉันคือฮวงเฟิง เรารู้จักกันด้วยเหรอ?” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ในอดีต เมื่อเขาเจอเรื่องแบบนี้ เขาอาจจะรู้สึกกังวล และหวาดกลัว แต่ตอนนี้เขาใจเย็นมาก
“เราไม่รู้จักกัน อย่างไรก็ตาม มีคนรู้จักแก และแกคงตาบอดที่ไปหาเรื่องเขา” คนที่เป็นผู้นำกล่าวกับฮวงเฟิง
“คนนั้นคือใคร?” ฮวงเฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
“ นี่ไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?”
“ ถงเฉียนจุนเหรอ?” ฮวงเฟิงเอ่ยถามขึ้น ดูเหมือนว่าเขา จะทำให้คนประเภทนี้ขุ่นเคืองใจ เมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็มีภูมิหลังบางอย่าง และซูหยูโม่ ยังบอกว่า เขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เห็นได้ชัดว่า ตรงกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ หากว่า เขาอยากจะแก้แค้นก็คงจะจ้างใครสักคนในบาร์เพื่อมาหาเรื่องอย่างแน่นอน
ถูกตัอง! นายน้อยถง! แกเป็นแค่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น สามารถทำให้เขาขุ่นเคืองได้อย่างนั้นเหรอ?” นายน้อยถงต้องการให้เรา สอนบทเรียนให้แก และบอกให้แกรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาเชิดหน้าใส่ได้
เพราะพ่อของถงเฉียนจุน มีฐานะไม่ธรรมดา ดังนั้นแม้ว่าเขาจะให้คนมาสั่งสอนฮวงเฟิง ในครั้งนี้ เขาก็ไม่คิดจะปิดบังอะไร เพราะเขาไม่กลัวว่า ฮวงเฟิงจะมาแก้แค้น และเขาไม่กลัวว่า ฮวงเฟิงจะแจ้งตำรวจด้วย และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้
“ เป็นเขาจริงๆสินะ” ฮวงเฟิงพยักหน้า และกล่าวพึมพำอย่างเข้าใจ
ไม่ต้องกังวลนายน้อยถงเป็นคนใจดี เขาไม่ต้องการเอาชีวิตแก เขาแค่ต้องการมือข้างใดข้างหนึ่งหรือขาของแก และหลังจากนอนอยู่บนเตียงสักสองสามเดือนแล้ว ทุกอย่างจะดีเอง คราวนี้ก็ถือว่า แกจ่ายบทเรียนสำหรับความไม่รู้ของแกแค่นั้น ชายหนุ่มคนนั้นกล่าว.
“อยากได้มือและเท้าของฉัน นี่ถือเป็นความเมตตาแล้วอย่างนั้นเหรอ?” ฮิฮิ “ฮวงเฟิงยิ้ม และพูดกับคนตรงหน้าสองสามคน
“แกหัวเราะอะไร? เสียสติไปแล้วหรือไง?” ยังมีใจมายิ้มอีก เมื่อเขาเห็นฮวงเฟิง ในใจของเขานั้น สงสัยว่า ฮวงเฟิงอาจเป็นเสียสติจริง ๆ
“รีบๆ หน่อย ฉันยังต้องกลับไปกินข้าว” ฮวงเฟิงกล่าวกับพวกเขาสองสามคน
“ ไอ้สารเลว อวดดีจริง ๆ อยากกินข้าว เดี๋ยวเอาไว้ไปโรงพยาบาลก่อนแล้วกัน” จากนั้นชายคนนั้นพูดว่า “เพลาๆมือหน่อย.. อย่าเอาให้ถึงตาย!”