กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 81
บทที่ 81 ตื่น
“ผู้อำนวยการซูคุณควรจะบอกผมมาตอนนั้น ไม่อย่างนั้นผมก็จะไม่ปล่อยลูกน้องพวกนั้นออกไปง่ายๆ อย่างแน่นอน” เมื่อสักครู่นี้เขาได้ลงโทษอีกฝ่ายแค่พอเป็นพิธี ไม่ได้รุนแรงเกินไป ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าอีกฝ่ายน่าชังขนาดนี้ เขาคงจะทำร้ายพวกนั้นหนักกว่านี้
”เอาล่ะอย่าได้ลดตัวของพวกเราไปทำอะไรแบบนั้นอีกเลย” ซูหยูโม่กล่าว เธอไม่ต้องการที่จะทำอะไรเกินความจำเป็นแต่ก็ระวังไว้ก่อน อีกฝ่ายจึงได้พูดออกมาดังๆ ดังนั้นเธอจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้
ฮวงเฟิงใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย โชคดีที่ซูหยูโม่เพียงแค่ต้องการที่จะสนทนาด้วยซึ่งเขาก็ไม่ได้ขอให้เธอทำอะไร
หลังจากที่คุยกับฮวงเฟิงแล้วสักพักอารมณ์ของซูหยูโม่ก็ดีขึ้นทันทีโดยกลับมาเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมั่นใจในตัวเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาประชิดตัวด้วยความโกรธอย่างเต็มที่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้นำพาด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูหยูโม่ไม่พอใจผู้จัดการหลิวครั้งสุดท้ายที่พวกเขาอยู่ที่ทางเข้าโรงงาน พวกเขาก็ทำให้ซูหยูโม่ไม่พอใจเพราะเพราะเพิกเฉยการที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตอนนี้ความไม่พอใจนี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมองไปที่ฮวงเฟิงที่อยู่ข้างๆซูหยูโม่ก็สงสัยว่าเธอควรให้โอกาสเขาไหม
เนื่องจากซูหยูโม่มีอย่างอื่นที่ต้องทำฮวงเฟิงไม่ได้อยู่ที่นั่นนานนักและหลังจากนั้นเขาก็ออกไป เขาได้นำสิ่งที่ซูหยูโม่พูดไปคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง เพราะเขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซูหยูโม่นั้นมากกว่าความเป็นเพื่อนเกินกว่าคำว่าเจ้านายและลูกน้อง แต่สำหรับสถานการณ์ของเพื่อนของเขานั้นเขาก็ยังต้องการที่จะช่วย
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าความสามารถในปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอที่จะทำอะไรได้
ในช่วงเวลาอาหารกลางวันมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนถูกผู้จัดการหลิวเรียกตัวมาด่า เมื่อเขากลับมาสีหน้าของผู้จัดการหลิวก็ยังไม่ดีขึ้น ฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ซึ่งเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหลิวได้ทำผิด ไม่ว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจ เมื่อเจ้านายสั่งให้เขาทำอะไร ผู้จัดการหลิวก็จะแสดงท่าทีเฉยเมยต่อหน้าคนนอก
ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังทำงานอย่างสบายๆ
บนดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึกโอวหยางซิงเหวินผู้ที่มีอาการเมาค้าง ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาลูบหัวที่ปวดและลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการสั่นเทา สำหรับการนั่งสมาธินั้นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการที่จะทำในตอนนี้
ขณะที่กำลังรับประทานอาหารเช้าที่หวังเอ๋อนำมาให้โอวหยางซิงเหวินนั้นกำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้รับแหวนมิติมาเมื่อวานนี้ มันทำให้เกิดความปั่นป่วนระหว่างเพื่อนๆ ของเขาได้จริงๆ และสหายพวกนั้นก็ค่อนข้างดีตามปกติเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนในกลุ่มนั้นที่จะเป็นเจ้าของแหวนมิติได้ เพราะมันเป็นของหายากและไม่สามารถที่จะไปหาซื้อได้ทั่วไป
เมื่อคิดถึงประเด็นนี้โอวหยางซิงเหวินก็มองดูมือของตัวเองอีกครั้ง เขายังคงต้องการที่จะใช้แหวนมิตินี้ แต่เมื่อเขามองดูที่มือของเขา เขาก็ต้องตกตะลึงเพราะว่าแหวนที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น
โอวหยางซิงเหวินที่คิดว่าเขายังไม่ได้ตื่นจากความฝันขยี้ตาอย่างแรงและมองดูมือของตัวเองอีกครั้ง และเขาก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้ตาฝาดไป
“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?ทำไมแหวนมิติถึงได้เปลี่ยนไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืน? ข้าไม่เคยได้ยินว่าแหวนมิติเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้เลยนะ” โอวหยางซิงเหวินคิดในใจด้วยความสงสัย
หลังจากที่นำแหวนมิติมาถือเอาไว้เขาก็รู้สึกได้ถึงบริเวณรอบๆ และมั่นใจว่าสัมผัสบนพื้นผิวของมันนั้นแปลกไป ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้มันจะดูธรรมดาแต่เมื่อเขาสัมผัสมันเขาก็ยังรู้สึกถึงความเป็นโลหะ
โอวหยางชิงเหวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขณะที่เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับแหวนมิติที่ได้เปลี่ยนไป เขาก็รีบตรวจสอบแต่เมื่อเปิดแหวนมิติออกมามันก็ยังคงต้องการพลังวิเศษอยู่เล็กน้อย และจนถึงตอนนี้ เขาก็พรสวรรค์ด้านเวทมนต์ของเขาก็ยังไม่ตื่นเลย ดังนั้นร่างการของเขาจึงไม่มีพลังวิเศษใดๆ ในตอนนี้ เขาจึงยังไม่ทางที่จะเปิดแหวนมิติได้
“หวังเอ๋อไปเชิญผู้พิทักษ์หลี่มานี่หน่อยสิ” โอวหยางซิงเหวินมองดูแหวนมิติที่แตกต่างไปอย่างเห็นได้ชัดและพูดกับหวังเอ้อ
“ขอรับนายน้อย” หวังเอ้อรับคำสั่งและจากไป
เขาเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลโอวหยางและสถานะของเขานั้นก็ไม่ได้ต่ำต้อยเลยแต่เมื่อเผชิญหน้ากับโอวหยางซิงเหวิน บุตรชายคนเดียวของตระกูลโอวหยาง ซึ่งเขาไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อการเรียกใช้
“ผู้พิทักษ์หลี่ช่วยข้าดูทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแหวนมิติ ตอนที่ท่านพ่อให้ข้ามาเมื่อวานนี้มันไม่ได้เป็นแบบนี้? รูปลักษณ์ของแหวนมิติเปลี่ยนเองได้ด้วยงั้นหรือ?
โอวหยางซิงเหวินพูดขณะที่ยื่นแหวนมิติในมือของเขาให้แก่ผู้พิทักษ์หลี่ผู้พิทักษ์หลี่นั้นเป็นนักเวทย์ ดังนั้นการเปิดแหวนมิติจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
เมื่อรับแหวนมิติมาด้วยความตื่นเต้นและอิจฉาเล็กน้อยแล้วผู้พิทักษ์หลี่ก็พูดว่า “ทาสผู้ถ่อมตัวคนนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าแหวนมิติจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เองได้ ทันทีที่แหวนมิติถูกสร้างขึ้นมันจะไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของมันอีกเลย
ผู้พิทักษ์หลี่ใช้มือถูแหวนมิติโอวหยางซิงเหวินนั้นยังอ่อนอยู่มากและยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถครอบครองแหวนมิติที่นักเวทย์ทุกคนหมายปองที่จะเป็นเจ้าของได้ ผู้พิทักษ์หลี่นั้นค่อนข้างอิจฉา เขาเป็นนักเวทย์มาหลายปีแล้ว แต่เขาไม่เคยได้รับแหวนมิติมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นผู้พิทักษ์หลี่ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจความรู้สึกอิจฉาที่มีต่อโอวหยางซิงเหวินได้หายไปในพริบตา เพราะว่าเขารู้สึกว่าแหวนในมือของเขานั้นไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นแหวนมิติเลย เพราะว่ามันรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาได้สัมผัสมัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีแหวนมิติ แต่เขาก็รู้จักแหวนมิติเป็นอย่างดี แต่จากที่เขารับรู้ได้ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแหวนมิตินี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”เมื่อเห็นผู้พิทักษ์หลี่ขมวดคิ้ว โอวหยางซิงเหวินก็ถามออกมา
“นายน้อยใครเป็นคนให้แหวนนี้แก่ท่าน?” เขาบอกว่านี่เป็นแหวนมิติอย่างนั้นหรือ?” ผู้พิทักษ์หลี่ไม่ได้ตอบคำถามของโอวหยางซิงเหวิน แต่กลับถามเขาคืน
“แหวนนี้ข้าได้รับมาจากท่านพ่อของข้าท่านบอก ว่านี่คือแหวนมิติ แต่ตอนที่ท่านให้ข้ามาเมื่อวานนี้ มันไม่ได้เป็นแบบนี้เลย เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ความกังวลในใจของเขาเริ่มทวีมากขึ้นเรื่อยๆ และโอวหยางซิงเหวินก็รีบถามออกมา
“ได้มาจากนายท่านงั้นหรือ?แต่เท่าที่ข้าสังเกตเห็น แหวนวงนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แหวนมิติ และนักเวทย์ก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้” ผู้พิทักษ์หลี่กล่าวต่อโอวหยางซิงเหวิน