กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 83
บทที่ 83 มาบ้านของฉัน
โอวหยางซิงเหวินทั้งชกและเตะหวังเอ๋อแต่ความโกรธในใจของเขาก็ยังไม่ได้ลดน้อยลงเลย
แหวนมิตินี้นั้นต่างจากสิ่งของอื่นๆสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าโอวหยางซิงเหวินจะทุบตีอย่างไร แต่หวังเอ๋อก็ไม่ได้ยอมรับว่าเขาได้ขโมยแหวนนั้นไป
และเขาก็ยังไม่ได้โต้ตอบโอวหยางซิงเหวินอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้จริงๆว่าแหวนนั้นหายไปไหน และเขาก็ก่นด่าคนที่ขโมยแหวนไปอยู่แค่ในใจ
ฮวงเฟิงที่อยู่บนโลกอยู่ๆ เขาก็จามออกมาถึงสองสามครั้งโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ
โอวหยางซิงเหวินตีเขาจนเหนื่อยจนกระทั่งหวังเอ๋อลงไปนอนครางอยู่ที่พื้น
อย่างไรก็ตามเพราะว่าโอวหยางซิงเหวินไม่ได้เป็นศิลปะการต่อสู้เท่าใดนักอาการบาดเจ็บของหวังเอ๋อจึงไม่ได้หนักหนามากแต่เขาก็ยังตกอยู่ในความเสียใจ
“ฉันจะให้เวลาแกหนึ่งวันถ้าแกไม่หาแหวนมิติมาคืนให้ฉัน ฉันจะฆ่าแกให้หมากินซะ!” โอวหยางซิงเหวินพูดกับหวังเอ๋ออย่างเหี้ยมโหด
ผู้พิทักษ์หลี่มองดูหวังเอ๋อที่เหมือนกับหมาตายด้วยความพึงพอใจ
สหายคนนี้ไม่ได้น่าประทับใจเหมือนเมื่อก่อน
มันเป็นความโชคร้ายของเขาที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
โอวหยางซิงเหวินได้ตัดสินใจแล้วและหวังเอ๋อเองก็รู้ถึงความสำคัญของแหวนมิติ
ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะหาไม่เจอโอวหยางซิงเหวินก็คงจะไม่ถึงขั้นฆ่าเขา แต่เขาก็คงจะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ
อีกด้านหนึ่งฮวงเฟิงไม้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ดินแดนสรวงสวรรค์ล้ำลึก เขายังคงทำงานอย่างสบายๆ
และสำหรับแหวนมิตินั้นมันก็ยังคงอยู่อย่างปลอดภัยในมือของเขา
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าขนาดของมันนั้นพอดี
ทันทีที่เขาเลิกงานซูหยูโม่ก็มาหาเขาอีกครั้ง
“ไม่ต้องรีบร้อนออกจากที่ทำงานขนาดนั้นก็ได้มาที่บ้านของฉันก่อนสิ” ซูหยูโม่กล่าว
“หือ?”เขามีความรู้สึกพิเศษกับสถานที่แห่งนั้น เพราะว่ามันเป็นที่ที่เขาได้เห็นของสงวนของซูหยูโม่
เมื่อได้เห็นสีหน้าของฮวงเฟิงซูหยูโม่ก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอจึงหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยและจ้องมองฮวงเฟิงอย่างดุๆก่อนที่เธอจะจากไป
หลังเลิกงานฮวงเฟิงยังไม่ได้ออกไปจากที่ทำงานและเขายังคงรอซูหยูโม่อยู่
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงกลัวว่าคนอื่นในบริษัทจะเห็นตอนที่เขาขึ้นรถไปกับซูหยูโม่บ่อยๆ และเอาไปพูดกัน
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนที่ยืนรอซูหยูโม่ไปอีกหน่อย
สำหรับตัวเขาเองนั้นไม่เท่าไรหรอกแต่สำหรับหญิงสาวอย่างซูหยูโม่ คงไม่เป็นการดีแน่ที่จะตกเป็นข่าวลือ
“ขึ้นมาสิ!”ซูหยูโม่พูดกับฮวงเฟิงที่อยู่ด้านนอกผ่านหน้าต่างรถขณะที่เธอสวมแว่นกันแดดเอาไว้ และไม่ได้ออกมาที่ด้านนอกรถ
เมื่อเห็นดังนั้นฮวงเฟิงจึงจำเป็นต้องเข้าไปนั่งตรงที่นั่งด้านข้างคนขับ อุตส่าห์มีเจ้านายขับรถให้นั่งทั้งที ฮวงเฟิงก็รู้สึกดีในในอยู่เล็กน้อย
“เสื้อผ้าพวกนี้ฉันซื้อมาให้เพื่อนๆของฉันเมื่อวานนี้ยังไม่ได้เอาไปแจกให้พวกเขาเลย” เธอพูดกับฮวงเฟิงภายในรถ
“ทำไมล่ะ?เขาไม่ชอบมันงั้นหรือ? มาตรฐานของเพื่อนของคุณคงจะสูงมาเลยนะ” ฮวงเฟิงกล่าว
เสื้อผ้าทุกชิ้นล้วนแต่เป็นของแพงและถ้าเสื้อผ้าของเพื่อนของซูหยูโม่ไม่ได้ถูกทำมาเพื่อเขาแล้วทำไมเขาถึงต้องดูถูกมันด้วยล่ะ?
“ไม่หรอกเขามีธุระต้องไปทำที่ต่างประเทศ เขาไปตั้งแต่เช้าแล้วและก็จะอยู่ที่ต่างประเทศอีกสักพัก” ซูหยูโม่กล่าว
“ดังนั้นเสื้อผ้าเหล่านี้ก็เลยตกเป็นของคุณโดยปริยายไงล่ะ”
“คุณหมายความว่ายังไง?” ฮวงเฟิงตกตะลึง
“ฉันเสียดายถ้าจะต้องทิ้งเสื้อผ้าเหล่านี้ไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่อเขากลับมา ฉันถึงจะซื้อตัวใหม่ให้เขา ฉันก็เลยจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ให้คุณ เพราะว่าตอนที่ฉันซื้อเสื้อผ้าพวกนี้เมื่อวานนี้ ฉันอาศัยหุ่นคุณเป็นแบบ ดังนั้นมันก็เหมาะสมแล้วที่คุณจะเอาไปใส่” ซูหยูโม่พูดเรียบๆ
“ไม่เสื้อผ้าพวกนี้ค่อนข้างแพง มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร ใช่ไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซูหยูโม่จะโอเคแต่เขาก็ยังคงเป็นแค่เพื่อนธรรมดาๆ ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยเหมาะสมนักที่เขาจะรับของมีค่าเช่นนี้เอาไว้
ถ้าคุณไม่ต้องการงั้นฉันก็ไม่ต้องการเหมือนกัน แต่มันก็มีกว่าเสียของเปล่านะ เอาไว้ตอนที่เพื่อนของฉันกลับมาซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไร ฉันถึงจะซื้อให้เขาในภายหลัง ถึงตอนนั้นมันก็คงมีเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ ออกมา และเขาก็คงจะไม่สนใจเสื้อผ้าพวกนี้แล้ว ฉันอยากจะมอบของพวกนี้ให้คุณเพื่อเป็นการขอบคุณที่ไปเป็นเพื่อนฉันชอปปิ้งเมื่อวานนี้ แต่ถ้าคุณไม่อยากได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร งั้นฉันก็จะเอาไปทิ้งซะ
“อย่านะ!ของพวกนี้เป็นของดีทั้งนั้น มันน่าเสียดายถ้าจะเอาไปโยนทิ้ง แต่ถึงผมจะพูดไป คนรวยอย่างพวกคุณก็คงจะไม่เข้าใจหรอก งั้นคุณก็เอาของดีๆ พวกนี้ไปโยนทิ้งซะเถอะ” ฮวงเฟิงรีบพูด
ด้วยความจริงใจเขาเองก็ชอบสิ่งของเหล่านั้น แต่เมื่อเขาได้ยินว่าซูหยูโม่จะเอาไปโยนทิ้ง เขาจึงรู้สึกเสียดาย
“งั้นถ้าฉันไม่โยนทิ้งล่ะ?ในฐานะผู้หญิง ฉันจะเอาเสื้อผ้าผู้ชายพวกนี้ไปใช้ได้ยังไงล่ะ จริงไหม? และมันก็เปลืองพื้นที่ในบ้านด้วย ดังนั้นฉันจึงขอยกให้คณ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่อยากได้ก็ตามที”
ซูหยูโม่กล่าว
“ใช่แล้วผมอยากได้ ทำไมจะไม่อยากได้ล่ะ? ดีกว่าที่จะเอาไปทิ้งเสียอีก แต่บอกก่อนนะว่าถ้าคุณให้ผมแล้ว คุณอย่ามาทวงเงินผมทีหลังนะ เพราะตอนนี้ผมไม่มีเงินเลย” ฮวงเฟิงกล่าว
เขารู้ดีว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นของที่ซื้อมาใหม่เอี่ยมและไม่ได้ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้นราคาก็ไม่ใช่ถูกๆดังนั้นเขาจึงไม่มีเงินมากขนาดนั้นที่จะเอามาจ่าย
“เอาล่ะไม่ต้องกังวลไปนะ ฉันไม่ได้คิดจะเอาเงินจากคุณหรอกนะ คนขี้ตืด” ซูหยูโม่คลี่ยิ้ม “อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เอาของๆ ฉันไปแล้ว คุณยังมีบางอย่างต้องทำใช่ไหม?”
“เพื่ออะไรล่ะ?ในเมื่อคุณบอกว่าเป็นการขอบคุณผมเมื่อวานนี้ไม่ใช่หรือ ที่ผมออกไปชอปปิ้งเป็นเพื่อนคุณ? คุณอยากจะให้ผมเป็นลูกน้องของคนที่ไม่รักษาคำพูดงั้นหรือ?” ฮวงเฟิงมองด้วยความตกใจ
คำพูดของฮวงเฟิงทำให้ซูหยูโม่กลัวและเป็นเหตุให้รถถึงกับส่ายไปมาอยู่สองสามครั้ง
จากนั้นเธอก็มีสีหน้าละอายและโกรธจัดและพูดว่า “ใครบอกว่าฉันจะไม่รักษาคำพูด? ฉันแค่จะบอกให้คุณทำอาหารให้ฉันกินทีหลังต่างหากล่ะ!”
“โอ้แค่ทำอาหารน่ะเหรอ ก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก ไม่น่าปล่อยให้ผมกลัวเลย ตราบใดที่ไม่ต้องถึงกับเอาชีวิตเข้าแลกอยากได้อะไรก็บอกมาเถอะ” ฮวงเฟิงกล่าวและมองด้วยความโล่งอก
“คุณฮวงเฟิง ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเจอคนกะล่อนแบบคุณ” ซูหยูโม่กล่าวทั้งโกรธทั้งอายระคนกันไป
“ฮ่าฮ่าก็แค่ล้อเล่นให้บรรยากาศดีขึ้นเท่านั้นแหละน่า” ฮวงเฟิงกล่าวยิ้มๆ
“ถ้าคุณกล้าล้อเล่นแบบนี้อีกนะพวกเราต้องรถคว่ำกันแน่ๆ” ซูหยูโม่กล่าว
เมื่อฮวงเฟิงมาถึงที่พักของซูหยูโม่เขาก็หอบเอาสิ่งของทุกอย่างที่ซูหยูโม่ซื้อมาให้เขา
และเป็นไปตามคาดมันเป็นข้าวของทั้งหมดที่ซื้อเมื่อวานนี้
และไม่ใช่เพียงแค่สิ่งของเล็กๆน้อยๆ แต่รวมถึงนาฬิการาคาแพงที่อยู่ข้างใน ซึ่งซูหยูโม่ไม่ต้องการมัน
“ผู้ชายคนนั้นช่างโชคไม่ดีเลยนะผู้หญิงสวยบาดใจเช่นคุณอุตส่าห์ไปซื้อของมาให้เขา แต่เขาก็ยังไม่มีแม้แต่เวลาที่จะมารับของพวกนี้ไป ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนได้รับโชคแทนนะ ฮ่าฮ่า” ฮวงเฟิงกล่าวกับซูหยูโม่พร้อมรอยยิ้ม
“เอาล่ะเลิกพูดได้แล้ว ไปทำอาหารสิ ฉันหิวแล้ว” ซูหยูโม่เดินไปที่โซฟา กดเปิดทีวีและพูดกับฮวงเฟิง
“ตกลง”หลังจากที่ได้รับของดีๆ หลายอย่าง ฮวงเฟิงก็เลยต้องแสดงฝึมือ
โชคดีที่เขานำ“คัมภีร์อมฤต” มาด้วยดังนั้นมันจึงง่ายที่เขาจะซ่อนมันเอาไว้