กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 94
บทที่ 94 ขึ้นค่าเช่า
“ฉันพาเพื่อนมาด้วยแต่เพื่อนไม่ได้อยู่ทั้งคืน เขาอยู่แค่ประเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับไป นี่ฉันจะพาเพื่อนมาเที่ยวที่บ้านไม่ได้เลยงั้นหรือ?” ฮวงเฟิงถาม
“ได้สิคุณจะมาพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามใครจะพิสูจน์ได้ว่าเพื่อนของคุณอยู่แค่พักเดียวก่อนออกไป? แล้วเธอไม่ได้ค้างที่นี่ทั้งคืน?” เจ้าของบ้านกล่าว
ฮวงเฟิงพูดไม่ออกไม่จำเป็นต้องพูด นี่เป็นสิ่งที่ชาวบ้านคนอื่นๆ บอกเขา
เป็นไปได้มากว่าเป็นเขาคนนั้นคนที่เขาและซูหยูโม่พบตอนที่พวกเขาเข้ามาในห้องครั้งแรก
เนื่องจากพวกเขาเลือกที่จะแจ้งเจ้าของบ้านเกี่ยวกับเรื่องนี้
จึงเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงจะไม่ช่วยฮวงเฟิงพิสูจน์ว่าเธออยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาสั้นๆ
”ว่าไงล่ะ?ไม่มีอะไรจะพูดอีกใช่ไหม? ห้าสิบหยวน ฉันคงไม่ได้ขออะไรจากคุณมากเกินไปนะ ลองพาแฟนไปโรงแรมสิเพราะคุณจะต้องมีเงินอย่างน้อยหนึ่งร้อยหยวน” แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ว่าเขารักเงิน
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับอีกแค่50 หยวน แต่มันก็ยังทำให้เขามีความสุขมาก
“ถ้าฉันไม่ให้คุณล่ะ?”ฮวงเฟิงเหล่ตาของเขาและกล่าว
“เว้นแต่ว่าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วนอกจากนี้ฉันยังมีเรื่องอื่นอีกนะ เพราะตั้งแต่เดือนหน้าค่าเช่าที่นี่ก็จะสูงขึ้น ฉันมีความเมตตากรุณาอยู่แล้ว ฉันไม่ได้ขึ้นมากจนถึงวันนี้ และฉันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักเพราะมีคนเพิ่มมากขึ้นทุกเดือนละสองร้อยคน” เจ้าของบ้านกล่าว
“ขึ้นค่าเช่า?””อย่างไรก็ตามไม่มีข้อดังกล่าวในสัญญา นอกจากนี้สัญญาของฉันยังไม่หมดอายุตามเงื่อนไขของสัญญา ฉันจะต้องจ่ายในราคาตามที่ตกลงไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น” ฮวงเฟิงกล่าว
ขึ้นค่าเช่างั้นหรือ?ฮวงเฟิงไม่สามารถยอมรับได้
เขาคงทนไม่ได้อีกต่อไปและตราบใดที่เขาขึ้นค่าเช่าในครั้งนี้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่เขาก็จะต้องมีข้ออ้างมาขอขึ้นค่าเช่าในครั้งต่อๆ ไปอีกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้สิ่งที่ฮวงเฟิงพูดก็ไม่ผิด ในเมื่อเขาได้ลงนามในสัญญาทั้งสองฝ่ายได้กำหนดราคาค่าเช่าแล้ว เนื่องจากสัญญายังไม่สิ้นสุด เขาจึงไม่จำเป็นต้องให้เงินอีกฝ่ายเพิ่ม
”นั่นมันในอดีตลองไปหาดูสิว่าที่ไหนไม่มีการขึ้นค่าเช่าบ้าง” ฉันน่ะกรุณามากเลยนะที่ปล่อยให้คุณอยู่มาตั้งนานทั้งๆ ที่ค่าเช่าต่ำขนาดนี้” เจ้าของบ้านไม่ยอมยกโทษให้เขา
“ฉันไม่เห็นด้วยฉันจะไม่ยอมจ่ายแพงเกินไปหรอก พวกเรามาค่อยๆ คุยกันเกี่ยวกับสัญญาดีกว่า เมื่อสัญญาสิ้นสุดและการเช่าก็ได้ถูกตั้งเอาไว้แล้ว” ฮวงเฟิงส่ายหัวและพูด
“แก!”เจ้าของบ้านโมโห เขาไม่คิดว่าฮวงเฟิงจะดื้อดึงแบบนี้
“ถ้าแกไม่ยอมให้ขึ้นค่าเช่างั้นก็ย้ายออกไปซะ”
“ฉันไม่ย้าย!”ฮวงเฟิงกล่าว
“สัญญายังไม่สิ้นสุดและฉันก็ไม่ได้ทำผิดอะไรในฐานะผู้เช่าทำไมฉันต้องย้ายออก?”
“ไปซะฉันไม่ให้แกเช่าบ้านฉันแล้ว” เจ้าของบ้านตัวอ้วนกล่าวด้วยความโกรธ
ฮวงเฟิงมองดุเขาอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า:“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันไปก่อนล่ะ ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
“แก!ฮวงเฟิง อย่าได้ยะโสไปนะ ถ้าแกไม่รีบย้ายออกไปซะ ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เจ้าของบ้านตัวอ้วนข่มขู่และจากไป
เขาไม่ยอมแพ้แต่เขากลับไปเพื่อคิดหาหนทางที่จะสร้างปัญหาให้กับฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงขมวดคิ้วเบาๆขณะที่เขามองดูด้านหลังของเจ้าของบ้านที่กำลังพึมพำกับตัวเอง:”ดูเหมือนว่าฉันต้องหาที่อยู่ใหม่จริงๆ ซะแล้ว”
ไม่ใช่เพราะว่าฮวงเฟิงกลัวเจ้าของบ้านแต่เจ้าของบ้านเป็นคนท้องถิ่น เขาอาจจะไปหาอันธพาลและเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกนั้นก็คงจะมาข่มขู่เขา
ซึ่งฮวงเฟิงไม่ได้กลัวเรื่องนี้แต่สิ่งที่เขากลัวนั้นคือกล่องจักรวาล
ถ้าหากวันหนึ่งเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
เขาจะต่อเรือและโยนทุกอย่างที่มีทิ้งไป
ส่วนที่เหลือก็ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับกล่องจักรวาล เขาคงจะร้องไห้ไม่ออกด้วยซ้ำ
แม้ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่ากล่องจักรวาลจะมีปัญหาแต่ฮวงเฟิงก็ไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ เขายอมทิ้งสมบัติง่ายๆ ขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
”ฮวงเฟิงนายรู้ไหม?ผู้จัดการของเราถูกผอ. ซูดุอีกแล้ว นายคิดว่าผู้จัดการของเราทำอะไรให้ผอ. ซูไม่พอใจหรือเปล่า? เมื่อวานนี้เขาถูกดุและวันนี้เขาก็เรียกพวกเรามาด่า
ในห้องทำงานพี่หวังกล่าวขณะถือถ้วยน้ำชาไว้ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากนินทา
“วันนี้ผู้จัดการทำอะไรผิดหรือเปล่า?ไม่อย่างนั้นผู้อำนวยการซูคงจะไม่ดุเขาเป็นแน่” ฮวงเฟิงกล่าว เขาและซูหยูโม่รู้จักกันเมื่อไม่นานมานี้ แต่พวกเขาก็รู้จักกัน
”ฉันคิดว่ามันเป็นโรงงานชั้นล่างที่กำลังมีปัญหาแต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นและฝ่ายรักษาความปลอดภัยของเราก็ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นผู้จัดการจึงได้ดุเขา”
พี่หวังกล่าว:“เฮ้ เสี่ยวฮวง นายเคยมีปฏิสัมพันธ์กับ ผอ.ซูอยู่สองสามครั้ง เธอเป็นคนแบบไหนกันนะ? รุนแรงหรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าพี่หวังคนนี้จะอยู่ที่บริษัทนี้มาก่อนฮวงเฟิงแต่เขาก็เป็นเพียง รปภ. ธรรมดาๆ คนหนึ่งและไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับซูหยูโม่มากนัก
ความเข้าใจของเขาที่มีต่อซูหยูโม่นั้นได้รับการถ่ายทอดผ่านคนอื่นและคงจะไม่ชัดเจนเท่ากับที่ให้ฮวงเฟิงพูดให้ฟัง
“ผอ.ซู จะบอกว่าไงดีล่ะ เธอเป็นคนสวยและมีความสามารถ เป็นกุญแจสำคัญที่ดีมาก ด้วยเหตุผล ตราบใดที่คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเธอก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับคุณ” ฮวงเฟงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดออกมา
จริงๆแล้วซูหยูโม่นั้นเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดที่เขาเคยพบมา
เขาเคยทำงานกับบริษัทอื่นมาสองสามที่แต่เจ้านายของบริษัทเหล่านั้นล้วนแต่หยิ่งยะโส และจมูกของพวกเขาก็เชิดอยู่บนฟ้าตอนที่พูดอยู่กับคนที่ระดับต่ำกว่า
ซูหยูโม่เห็นได้ชัดว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้น
ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกันตั้งแต่แรกแต่เธอก็ไม่เคยประพฤติตนแบบนั้นเลย
“จริงด้วยฉันก็ได้ยินหลายคนพูดว่า ผอ.ซูน่ะไม่เลวเลย แต่ครั้งนี้มันต้องเป็นเพราะว่าผู้จัดการของพวกเราทำอะไรผิดอยู่บ่อยๆ จนทำให้เธอโกรธสินะ” พี่หวังพยักหน้าและพูด
อีกด้านหนึ่งนั้นที่สำนักงานของผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัย ผู้จัดการหลิวกำลังนั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้ามู่ทู่
เขารู้สึกว่าซูหยูโม่ตั้งใจที่จะเล่นงานเขาตั้งใจที่จะสร้างปัญหาให้แก่เขา และอบรมเขาเมื่อวานนี้ และในวันนี้เธอก็ยังหาข้ออ้างมาสั่งสอนเขาได้อีก
เขาก็เป็นแค่คนๆหนึ่ง แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ทุกอย่าง
พนักงานทุกคนในแผนกอื่นๆต่างพากันชี้นิ้วลับหลังเขา
จริงๆแล้ว คนพวกนั้นไม่เคยเห็นเขาในสายตาว่าเขาเป็นผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยเลย
และในตอนนี้พวกเขาก็นินทาเขาอย่างไม่สนใจอะไรเลย
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่แผนกรักษาความปลอดภัยเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าเจ้าหน้าที่ รปภ. ได้มองเขาแปลกๆ
มันดูราวกับว่ายิ่งบ่อยครั้งที่เขาโดนดุตำแหน่งของเขาก็เริ่มสั่นคลอน
ผู้จัดการหลิวคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ผู้จัดการหยวนพูดเมื่อวานนี้
ถ้าเขาได้เป็นรองประธาน
ถึงตอนนั้นก็จะไม่มีใครกล้าเอาเขาไปพูดลับหลังและก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าบึ้งตึง