กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 101 สั่งสอน
บทที่ 101 สั่งสอน
ฮวงเฟิงที่เพิ่งจะเลิกงานและกลับเข้าบ้านนั้นกำลังอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านตรงที่เขาพบกับเจ้าของบ้านเมื่อเช้านี้
ข้างๆกายเขามีวัยรุ่ยสองสามคนยืนอยู่ด้วยซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนดีนัก
“ฮวงเฟิงฉันขอถามแกอีกครั้งนะ แกจะย้ายออกไปหรือไม่?” เมื่อเจ้าของบ้านเห็นว่าฮวงเฟิงกลับมาจากทำงานแล้ว เขาก็รีบตรงเข้ามาหาเขาและถามออกมาทันที
ซึ่งเห็นชัดได้ว่าเขากำลังรอให้ฮวงเฟิงกลับมาบ้าน
ดังนั้นถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านต้องการที่จะมาพบเขาในตอนเช้าแต่อย่างไรก็ตามในวันนี้เขาได้รู้แล้วว่าฮวงเฟิงได้เปลี่ยนงานแล้ว และเวลางานของเขาก็ค่อนข้างรัดตัว ดังนั้นเขาจึงได้พาพรรคพวกมาด้วยเพื่อรอคุยกับฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงขมวดคิ้วขณะที่มองดูคนเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้าของเขาจากนั้นก็พูดกับเจ้าของบ้านว่า “คุณหมายความว่ายังไง?” ฉันได้พูดชัดเจนแล้วนะ ว่าเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุด และฉันจะไม่ย้ายไปไหนในตอนนี้ ถ้าคุณต้องการที่จะให้ฉันย้ายจริงๆ ก็ได้ฉันจะย้ายให้ แต่คุณต้องจ่ายเงินชดเชยให้ฉันนะ!”
แน่นอนว่าฮวงเฟิงเองก็ต้องการที่จะย้ายไปที่อื่นเช่นกันแต่เขายังไม่พบที่ดีๆ เลย
ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ซื้อสิ่งของมากมายเก็บไว้ในกล่องจักรวาลก่อนหน้านี้แล้วดังนั้นเงินของเขาจึงจำกัดจำเขี่ยมากในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเแล้วเขาก็คงจะรีบย้ายออกไปจากที่นี่อย่างไม่ลังเลใจอย่างแน่นอน
“ค่าชดเชยงั้นหรือ?”ฝันไปเถอะ!” เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านไม่เห็นด้วยกับแผนของฮวงเฟิง
เจ้าของบ้านคนนี้เป็นคนขี้เหนียวตั้งแต่แรก และเมื่อเขาขอให้ฮวงเฟิงย้ายออกไป นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะขึ้นค่าเช่า แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะให้ค่าชดเชยแก่ฮวงเฟิง?
“งั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นไม่ต้องห่วงนะ เมื่อสัญญาสิ้นสุด ถึงแม้ว่าแกจะมาคุกเข่าขอร้องฉัน แต่ฉันก็จะไม่อยู่ที่นี่ต่อไปหรอก” ฮวงเฟิงหัวเราะเบาๆ และกล่าวออกมา
“ฮวงเฟิงแกนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยนะแล้วอย่ามาหาว่าฉันหยาบคายก็แล้วกัน” เจ้าของบ้านกล่าวกับฮวงเฟิงด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากกับทัศนคติของฮวงเฟิง
“พี่หนิวไอ้คนนี้แหละ ช่วยฉันกำจัดมันที แล้วฉันจะเลี้ยงข้าวพี่ทีหลังนะ” เจ้าของบ้านหันหลังกลับไปและเมื่อเขามองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเขา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม
“ฉันบอกแล้วไอ้อ้วนหวัง มันก็แค่ไอ้คนตัวผอมที่อ่อนปวกเปียก แต่แกก็ยังต้องทำให้พี่ๆ ของฉันต้องถ่อสังขารมาถึงที่นี่ แกรู้ไหมว่าพวกเรายุ่งกันแค่ไหน พี่เปียวกำลังเตรียมการหลายอย่างเมื่อเร็วๆ นี้และพวกเราก็กำลังยุ่งวุ่นวายกับการคัดเลือกลูกน้องคนใหม่ๆ แล้วแกยังเรียกพวกเรามาที่นี่อีกงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่นคนที่นำมากล่าวแต่อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้ทำให้เจ้าของบ้านดูดีขึ้นเลย แต่ในทางกลับกันเขาก็เริ่มสั่งสอนบทเรียนให้แก่เขา
“ฉันรู้ว่าลูกพี่เปียวกำลังยุ่งแต่ไอ้งั่งนี่มันไม่รู้ประสาอะไร แล้วถ้าผู้เช่าทั้งหมดในอนาคตเป็นเหมือนไอ้งั่งนี่ แล้วฉันจะทำเงินต่อไปได้ยังไงล่ะ?”
“เพราะงั้นฉันถึงได้ขอให้ลูกพี่เปียวมาสั่งสอนมันไงล่ะแล้วด้วยวิธีนี้ฉันก็จะเป็นการเตือนผู้เช่าคนอื่นๆ ไม่ให้พวกเขามากล้าหือกับฉันตอนที่ฉันจะเก็บค่าเช่าเพิ่มด้วย”
ถ้าเขาต้องการที่จะเพิ่มค่าเช่ามันก็จะเป็นไปได้ยากถ้าหากว่าฮวงเฟิงยังไม่ยินยอมที่จะให้เขาขึ้นค่าเช่าบ้าน เพราะคนอื่นๆ ก็จะดูเขาเป็นตัวอย่าง แล้วเขาจะหาเงินเพิ่มได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นเขาจึงต้องสั่งสอนฮวงเฟิง
“พอได้แล้วคุณมีเรื่องอื่นต้องทำอีก” ชายหนุ่มกล่าวกับเจ้าของบ้าน จากนั้นก็มองมาที่ฮวงเฟิงและพูดว่า “ไอ้งั่ง แกจะย้ายออกไปดีๆ หรือจะให้พวกฉันช่วยย้ายดีล่ะ?”
“ฉันว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรกันนะ? ทำไมถึงได้มีแต่คนจะมาสั่งสอนฉันมากมายขนาดนี้? นี่พวกแกไม่ได้มาจากที่เดียวกันกับพวกนั้นใช่ไหม? เพราะพวกแกนี่พูดแบบเดียวกันเลย” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
กลุ่มอันธพาลสองสามคนก่อนหน้านี้ที่มาหาเรื่องกับเขานั้นก็ดูไม่มากก็น้อยเช่นเดียวกับคนๆนี้
เพียงแค่นั้นสิ่งที่ฮวงเฟิงไม่รู้ก็คือคำพูดสบายๆ ของเขากลับเดาได้ถูก กลุ่มคนไม่กี่คนเหล่านี้มาจากที่เดียวกันและพวกเขาก็มีเจ้านายร่วมกันซึ่งก็คือพี่เปียว!
”แกนี่ช่างไม่รู้อะไรเลยนะเพราะงั้นพวกเราก็เดินหน้าต่อไป แกเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นเองนะ แล้วพวกเราก็จะเอาแกให้หนักเลยทีเดียว” ชายคนนี้ดูเหมือนจะพูดกับฮวงเฟิงด้วยเจตนาที่ดี
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับตั้งการ์ดขึ้น
เมื่อคืนนี้เขาคิดว่าเขาประมาทเกินไปดังนั้นการลอบโจมตีของพวกนั้นจึงประสบความสำเร็จ
แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเทียนจุ้นกำลังจะโจมตีเขาแต่เขาก็จะไม่สามารถหลบมันได้
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเทียนจุ้นกำลังจะลงมือด้วยตัวเอง
ท้ายที่สุดในเวลานั้นเขาไม่ได้ท่องคาถาเวทมนตร์ใดๆและการตอบสนองของเขาอยู่ในระดับปานกลาง
และในคืนนี้เพื่อที่จะทำผิดซ้ำรอยเดิมฮวงเฟิงจึงตัดสินใจที่จะรุกก่อน!
เป็นผลให้ในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นยังคงประมาทอยู่ฮวงเฟิงก็ได้ปล่อยหมัดออกไปแล้ว
แต่ประสิทธิภาพของผู้ชายคนนั้นแย่กว่าเทียนจุ้นมาก
แม้ว่าเทียนจุ้นจะพ่ายแพ้ต่อเขาเมื่อวานนี้แต่นั่นก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขของเขาที่ได้ปล่อยเวทมนตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ในปัจจุบันทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกว่าฝีไม้ลายมือของพวกเขานั้นด้อยกว่าเทียนจุ้นอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากฮวงเฟิงจึงไม่ได้เลือกที่จะเริ่มด้วยเวทมนตร์ตั้งแต่เริ่มต้น
เขาเพียงเห็นว่าชายหนุ่มมีปฏิกิริยาเมื่อกำปั้นของฮวงเฟิงกำลังเข้าใกล้เขาเขาก็ยกแขนขึ้นโดยอัตโนมัติ และต้องการที่จะป้องกันหมัดของฮวงเฟิง
แต่หมัดนี้ฮวงเฟิงใช้ลมปราณวิญญาณของเขาด้วย
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีลมปราณวิญญาณ(กำลังภายใน)มากนักก็ตาม ร่างกายของเขา แต่ด้วยการส่งเสริมของลมปราณวิญญาณ พลังนั้นจึงยิ่งใหญ่กว่าของคนปกติมาก
”ปัง!”
ชายหนุ่มถูกส่งให้ลอยไปโดยหมัดของฮวงเฟิง
และหลังจากนั้นเขาก็ลงไออยู่บนพื้นพร้อมกับยกมือกุมหน้าอกของเขาและไม่สามารถลุกขึ้นได้ชั่วขณะ
ลูกสมุนพากันตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วกราดเกรี้ยวออกมา
”ไอ้สารเลวแกรนหาที่ตายซะแล้ว นี่แกกล้าสู้จริงๆ ใช่ไหม?”
“แกทำให้พี่หนิวได้รับบาดเจ็บแกตายซะเถอะ!”
หลังจากนั้นลุกสมุนพวกนั้นก็ตะโกนและรีบเข้าไปหาฮวงเฟิง
และเมื่อเห็นสถานการณ์นี้แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยฮวงเฟิง
บางคนถึงกับมองเขาด้วยความสนใจ
อย่างไรก็ตามในใจของฮวงเฟิงนั้นไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย
ด้วยหมัดนั้นตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนเหล่านี้ด้อยกว่าเทียนจุ้นเป็นอย่างมาก
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าการตัดสินใจของฮวงเฟิงนั้นไม่ผิด
ชายไม่กี่คนเหล่านั้นดูดุร้ายมากแต่เมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าของฮวงเฟิงแล้ว
การโจมตีของพวกเขาก็ถูกฮวงเฟิงหลบหลีกได้อย่างง่ายดายและหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็พากันล้มลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับเจ้าของบ้านไอ้อ้วนหวังซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขาได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและเห็นว่าฮวงเฟิงเอาชนะคนเหล่านี้ได้อย่างไร เขาก็ถึงกับตกตะลึง
เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงมองไปที่เขาไอ้อ้วนหวังก็หดคออย่างไม่รู้ตัว