กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 110 ถูกจับ
บทที่ 110 ถูกจับ
ถ้าเขายังคงอยู่กับกล่องจักรวาลลึกลับนี้ฮวงเฟิงรู้สึกว่าเขาก็ไม่ต้องแคร์อะไรอีกต่อไปแล้ว
ท้ายที่สุดฮวงเฟิงก็ตกลงเช่าบ้านหลังนี้ดังนั้นเทียนจุ้นจึงไม่คัดค้านและไม่พูดอะไรอีกต่อไป
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มคุยกันเรื่องค่าเช่าบ้านและมันก็ราคาไม่ได้ถูกจริงๆเพราะต้องใช้เงินสามพันต่อเดือน
ถ้าเป็นฮวงเฟิงคนก่อนเขาจะไม่สามารถจ่ายได้แน่นอนและเขาคงไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันแตกต่างออกไปจากเมื่อก่อน
ตอนนี้เพื่อให้กล่องจักรวาลอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเขายินดีที่จะจ่ายในราคานี้
“นี่คุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่?มันไม่เหมือนคุณเลยในธุรกิจแบบนี้” ระหว่างเดินทางกลับ ฮวงเฟิงได้กล่าวกับเทียนจุ้น
จากการติดต่อตอนนี้ฮวงเฟิงได้ค้นพบว่าเทียนจุ้นไม่เหมาะกับอาชีพนี้
คงจะดีกว่าถ้าเขาใช้มีดสับคนแต่ถ้าคุณต้องการให้เขาค่อยๆตะล่อมลูกค้า ชักชวนให้พวกเขาตกลงเช่าหรือซื้อบ้าน มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาจริงๆ
อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาไม่ชอบพูดและอีกอย่างหนึ่งคือแม้ว่าเขาจะทำเขาก็จะไม่พูดอะไรและปล่อยให้คนเข้าใจมันเอง
”มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”แม้ว่าฮวงเฟิงจะเป็นลูกค้าของเขาเองและยังไม่ได้ลงนามในสัญญา
แต่เขาก็ยังปฏิบัติไม่ดีเพราะคำพูดของฮวงเฟิงนั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ต้องการทำเช่นนี้เขารู้ด้วยว่าเขาไม่ใช่คนที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะอยู่ในสายงานนี้
เขาไม่สามารถที่จะขอร้องคนอื่นอย่างนอบน้อมได้จริงๆ
”อืมดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลยจริงๆ นั่นแหละ” ฮวงเฟิงยักไหล่และกล่าว
เขาและเทียนจุนไม่คุ้นเคยกันและในอีกแง่หนึ่งทั้งสองยังคงเป็นศัตรูกันเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะสนใจ
ในขณะที่พวกเขาสองคนกำลังกลับไปที่สำนักงานของพวกเขา
จู่ๆเทียนจุ้นก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้
เมื่อเห็นว่าเป็นโทรศัพท์จากน้องสาวของเขาหัวใจของเทียนจุ้น ก็เริ่มตึงเครียดเพราะเขารู้ว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้องสาวของเขาจะไม่มีวันโทรหาเขาเด็ดขาด
เทียนจุนรีบรับโทรศัพท์:”น้องสาว เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่อยู่ไหน?”ฉันกลัวมากเลย “เสียงของเทียนหลินดังออกมาจากโทรศัพท์มันเต็มไปด้วยความกลัวและน้ำตา
”เป็นอะไรไป?ไม่ต้องกลัว เกิดอะไรขึ้น?” เทียนจุ้นถามอย่างรวดเร็ว
พี่ชายหลังจากที่พี่ออกไปเมื่อเช้านี้ มีคนพูดกับฉันที่นอกบ้านว่าพี่เปียวต้องการจับตัวฉัน ตอนนั้นฉันเองก็ไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้มีคนมาเคาะประตูเสียงดังมาก น่ากลัวมาก เทียนหลินถาม: “พี่ใหญ่พวกเขามาที่นี่เพื่อจับตัวฉันใช่ไหม?”
“พี่เปียวงั้นหรือ?”ดวงตาของเทียนจุ้นหรี่ลงและเขากล่าวว่า: “น้องสาว ไม่ต้องกลัว พี่จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจฮวงเฟิงอีกต่อไปและหันไปทางข้างถนนพร้อมที่จะนั่งแท็กซี่กลับแต่เขาก็ยังไม่วางสาย
”คุณต้องการความช่วยเหลือไหม?”เมื่อเห็นว่าเทียนจุ้นดูเหมือนจะพบกับปัญหา ฮวงเฟิงจึงพูดขึ้นมาก่อน
อย่างไรก็ตามเทียนจุ้นไม่สนใจเขาและฮวงเฟิงเองก็ไม่สนใจเช่นกัน
เขาได้ยินเนื้อหาของการโทรศัพท์ระหว่างเทียนจุ้นและน้องสาวของเขาในตอนนี้
แม้ว่าเทียนจุ้นจะได้รับบาดเจ็บจากฮวงเฟิงเมื่อครั้งที่แล้ว
ฮวงเฟิงก็ยังมีความประทับใจที่ดีต่อเขา
แม้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นอันธพาลในสายตาของฮวงเฟิงแต่เขาก็เป็นคนที่ยุติธรรมและเป็นอันธพาลที่ไม่เลยร้าย
และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขาหวาดกลัวแค่ไหน
ฮวงเฟิงจึงคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่ไม่น่าให้อภัยดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะช่วย
รถแท็กซี่มาถึงและเทียนจุ้นก็ขึ้นรถไปแต่ในขณะที่เขากำลังจะปิดประตู ฮวงเฟิงก็เดินตามเขาเข้าไปด้วย
”คุณมาทำอะไรที่นี่?”เทียนจุนขมวดคิ้ว
“ผมเกรงว่าถ้าคุณถูกทำร้ายจนตายบ้านผมจะไม่มีที่อยู่” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
”ไม่ต้องกังวลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม ก็ยังคงมีคนดูแลงานเอกสารสำหรับบ้านของคุณอยู่แล้ว” เทียนจุ้นเชื่อในคำพูดของ ฮวงเฟิงจริงๆ มิฉะนั้นเขาจะไม่มีเหตุผลอื่นที่จะอธิบายว่าทำไม ฮวงเฟิงถึงได้ตามเขาขึ้นรถมา
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันมากนักและความห่วงใยที่มีต่อกันก็ไม่ดีเช่นกัน
”เอาล่ะฉันแค่ขอไปดูการแสดงด้วยสักหน่อย” ฮวงเฟิงกล่าว
เทียนจุ้นขมวดคิ้วแต่เนื่องจากน้องสาวของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายในขณะนี้ เขาจึงไม่มีเวลาพล่ามกับฮวงเฟิง เขาจึงปล่อยให้คนขับรถขับไป
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเยี่ยมอย่างเป็นมิตรและเทียนจุ้นได้ติดตามพี่เปียวมาสักระยะหนึ่งดังนั้นเขาจึงรู้ว่าพี่เปียวเป็นคนแบบไหน
เพียงแต่เทียนจุ้นไม่เคยคิดเลยว่าช่วงเวลาที่เขาปฏิเสธพี่เปียวนั้นจะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นน้องสาวของเขาแทน
”บอกน้องสาวของคุณว่าอย่าปิดโทรศัพท์และเก็บไว้ในกระเป๋าของเธอด้วยวิธีนี้แม้ว่าเธอจะถูกจับได้ คุณก็จะรู้ว่าเธอถูกพาไปที่ไหน” ฮวงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เทียนจุ้นได้ยินเสียงที่มาจากโทรศัพท์
เทียนจุ้นไม่ได้ฉุกคิดว่าทำไมฮวงเฟิงถึงอยากจะตามเขามาหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยในความปลอดภัยของน้องสาวของเขา
แม้ว่าเทียนหลินจะไม่ได้รับการศึกษาอะไรมากนักแต่เธอก็ยังเป็นคนฉลาด
เธอรู้ว่าพี่ชายของเธอต้องการอะไรดังนั้นเธอจึงซ่อนโทรศัพท์ไว้
ในตอนเช้าเมื่อมีคนบอกเธอว่าพี่เปียวกำลังจะมาจับเธอ
เธอก็ไม่ได้จริงจังอะไรแต่เธอก็ระวังตัวด้วยเพราะเธอรู้ว่าพี่ชายของเธอติดตามพี่เปียวมาสักระยะหนึ่งแล้ว
และตอนนี้เองเมื่อพี่ชายไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไปและเขาได้ปฏิเสธคำขอของเขา
ดังนั้นพี่เปียวอาจจะโกรธเพราะความอับอายจึงต้องการที่จะระบายความโกรธกับเธอหรือแม้กระทั่งใช้เธอเพื่อบีบบังคับพี่ชายของเธอให้ทำบางอย่างเพื่อเขา
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์แบบใด
เทียนหลินก็ไม่ต้องการเห็นพวกเขา
เมื่อมีคนมาเคาะประตูเธอจึงถามว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับและเพราะมีเสียงเตือนจากคนแปลกหน้า เธอจึงคิดทันทีว่าคนที่มาอาจเป็นคนจากพี่เปียวจริงๆ
ไม่นานหลังจากที่เทียนหลินซ่อนโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า คนที่อยู่ด้านนอกก็ดูเหมือนจะหมดความอดทนและบุกเข้าไปในห้องทันที
ประตูห้องที่พังอยู่แล้วนิดหน่อยและมันก็ไม่สามารถหยุดคนที่ทำเช่นนั้นได้
”แกหูหนวกหรือไงหรือพิการฉันเคาะประตูอยู่ตั้งนาน นี่แกไม่รู้จักมาเปิดประตูให้พวกเราเลยงั้นหรือ!” เมื่อคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา เขาก็ตะหวาดเทียนหลินที่อยู่บนเตียงทันที
หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายผ่านโทรศัพท์ของเขาเทียนจุ้นที่อยู่ข้างๆ เขาก็กำหมัดแน่นด้วยมือทั้งสองข้างของเขา
ขณะที่เปลวไฟพุ่งออกมาจากดวงตาของเขาเขาเกลียดเวลาที่มีคนเรียกน้องเขาว่า ‘พิการ’ มากที่สุด
“พี่เฮยซีดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้จะมองไม่เห็น แต่เธอยังขยับขาไม่ได้ด้วย” ในตอนนี้มีคนพูดกับคนที่เพิ่งพูด
“มิน่าเล่าเธอเป็นคนพิการถึงมาเปิดประตูไม่ได้” ชายคนนั้นพูดว่า “เอาล่ะ พวกแกพาเธอขึ้นไปที่บาร์ขลุ่ยวิเศษ พี่เปียวรออยู่ที่นั่นแล้ว จำไว้ว่าอย่าแตะต้องเธอนะ นี่คือผู้หญิงที่พี่เปียวต้องการ ถ้าแกกล้าล่วงเกินเธอ พี่เปียวจะตัดมือของแกนะ!” ชายนั้นสั่ง