กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 141 -142
บทที่ 141 ไล่ออก
ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลที่ซูหยูโม่ได้ตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะเธอคิดว่าถึงแม้ว่าจางหยุนจะไม่เข้าใจแต่ก็จะไม่แพร่งพรายออกไป
เธอก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะว่าเธอได้ทำเรื่องน่าละอายที่จะเป็นสาเหตุให้คนอื่นๆต้องเสียหน้า
เป็นไปดังคาดจางหยุนเองนั้นก็รู้สึกได้และไม่บอกใครถึงสิ่งที่เธอได้คาดเดาไว้
“ผู้จัดการหยุนคุณมาแล้ว” ฮวงเฟิงยิ้มให้จางหยุนและกล่าวว่า “ฉันมีบางอย่างจะให้คุณช่วย ช่วยทำให้หัวหน้าทีมทั้งสามคนของฉันออกตามขั้นตอน จะเป็นไปได้ไหม?”
“ได้สิ!”สิ่งนี้ทำให้ฮวงเฟิงประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เดิมทีเขาต้องการที่จะบอกว่าเขาได้รับสิทธิพิเศษมาจากซูหยูโม่แล้ว แต่จากที่เห็น บางทีซูหยูโม่คงจะแจ้งเธอไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“ทำไมล่ะ?ฉันไม่ยอมรับเรื่องนี้หรอก!”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?ทำไมถึงทำกับพวกเราแบบนี้?”
“ใช่แล้วด้วยหลักการและเหตุผลอะไรคุณถึงได้ขับไสไล่ส่งพวกเราแบบนี้? พวกเราไม่เชื่อมั่นในตัวคุณ พวกเราอยากจะพบ ผอ.ซู และ ผอ.เซี่ย”
สีหน้าของเหลาปิงและอีกสองคนได้เปลี่ยนไปอย่างทันที
สิ่งที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ในใจเริ่มจะกลายเป็นความจริง
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าฮวงเฟิงจะมีความเด็ดเดี่ยวขนาดนี้
เขาจัดทีมขึ้นโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้นยังกล้าไล่พวกเขาทั้งสามคนให้ออกพร้อมๆ กัน นี่เขาจะกล้าหาญชาญชัยไปถึงไหน?
ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาปลอดภัยธรรดาๆรวมไปถึงพี่หวัง พากันตกตะลึงในคำพูดของฮวงเฟิง
พวกเขาไม่คิดว่าฮวงเฟิงจะกล้าตัดสินใจอย่างบ้าระห่ำเช่นนั้นที่ได้ปลดสามผู้ยิ่งใหญ่ของแผนกรักษาความปลอดภัยออกในทันที
“เหตุผลอะไร?เหตุผลอะไรงั้นหรือ? พวกคุณทั้งหมดก็รู้ดี ฉันไม่อยากจะพูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว” ฮวงเฟิงส่ายศรีษะ
ถึงแม้ว่าเขาจะเด็กกว่าคนเหล่านั้นและพวกเขาก็มีประสบการณ์มากกว่าแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีกล่องจักรวาลนั่นก็ยิ่งทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ
พูดตามตรงว่าถ้าเป็นในอดีตแม้ว่าซูหยูโม่จะให้สิทธิ์แก่เขาแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้มัน
ถึงแม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้นซึ่งมันก็จะไม่เสร็จสมบูรณ์
แต่ปัจจุบันเขาไม่ได้คิดแบบนั้นอย่างแน่นอนเพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลาเพียงเพราะคนไม่กี่คนพวกนี้
นอกจากนี้เขายังไม่ชอบเวลาที่ใครบางคนจงใจรั้งเขาไว้เมื่อเขากำลังทำอะไรบางอย่างดังนั้นเมื่อทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องบ้า แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ
แน่นอนว่าการทำเช่นนี้เขาทำเพราะว่าเป็นเจตนาของซูหยูโม่
ถึงแม้ว่าซูหยูโม่จะไม่ได้พูดออกมาดังๆแต่เธอก็ขอให้ฮวงเฟิงลงโทษแผนกรักษาความปลอดภัย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกไม่พอใจกับคนที่อยู่ในนั้น
ด้วยว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีจำนวนมากดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฮวงเฟิงจะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดได้ในคราวเดียว
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะจัดการสามคนนี้ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อคนอื่นๆ ดังนั้นจึงเป็นเป้าหมายที่ดีในการเสริมสร้างพลังของพวกเขา
การเพิ่มความเข้าใจของฮวงเฟิงเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสามคนเขาไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกับการปลดพวกเขาทั้งสามออกไป
เขาพูดได้แค่ว่าเขาไม่ได้รนหาที่ตาย
”ฉันไม่ยอมรับเรื่องนี้ฮวงเฟิง นี่คุณกำลังแก้แค้นส่วนตัวใช่ไหม!” เหลาปิงตะโกน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รักษากิริยาที่แสดงต่อฮวงเฟิงเลยโดยการที่เรียกชื่อเขาตรงๆ ว่า ฮวงเฟิง
“ผมไม่ได้มีเรื่องแค้นส่วนตัวกับคุณ”ฮวงเฟิ่งส่ายศรีษะ
“มันเป็นเพราะว่าพวกเราตั้งใจสร้างปัญหาให้แก่คุณแล้วคุณถึงได้มาแก้แค้นพวกเราสินะ!” หลิวหงกล่าวเสริม
“แล้วคุณจะทำยังไงถ้าผมตอบว่าใช่?” ฮวงเฟิงกล่าวหน้าตาเฉย
“คุณ?”หลิวหงคิดว่าฮวงเฟิงคงจะรู้สึกละอาย แต่เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะยอมรับออกมาตรงๆ แบบนี้
“พวกเราจะฟ้องผู้อำนวยการซูผู้อำนวยการเซีย ว่าพวกเราเห็นต่างจากสิ่งที่คุณได้จัดการและคุณก็จะไล่พวกเราออก มันไม่ยุติธรรมเลย พวกเราไม่ยอมรับเรื่องนี้” หัวหน้าทีมทั้งสามคนกล่าว
“มันไม่มีประโยชน์หรือถึงแม้ว่าผู้อำนวยการซูจะรู้เรื่องนี้” ฮวงเฟิงกล่าว “คุณคิดว่าแค่ผู้จัดการอย่างผมจะสามารถไล่คุณออกได้เพียงเพราะคุณพูดอย่างนั้นงั้นหรือ?”
เมื่อหัวหน้าทีมทั้งสามคนได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
พวกเขาต่างก็คิดว่าหากฮวงเฟิงต้องการที่จะแก้แค้นเขา แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไล่พวกเขาออก
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะคิดได้แล้วนะ ความจริงแล้ว ถ้าพวกเขาคงทำงานต่อไปอย่างซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะเป็นตัวผมเองหรือผู้อำนวยการซู ก็จะไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้แก่พวกคุณได้ เพราะฉะนั้นจงโทษตัวของพวกคุณเอง
ด้วยคุณสมบัติของตัวพวกคุณเองพวกคุณฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ผมคิดว่าไม่ใช่เพียงแค่กับผมเท่านั้น พวกคุณก็คงจะเคยขู่ผู้จัดการหลิวแบบนี้เหมือนกันสินะ” ฮวงเฟิงกล่าว
สิ่งที่ฮวงเฟิงพูดนั้นไม่มีผิดพวกเขาทั้งสามคนคิดว่าตั้งแต่พวกเขามาอยู่ในบริษัทเดียวกันกับผู้จัดการหลิว ความสามารถของพวกเขานั้นไม่ได้ด้วยไปกว่าผู้จัดการหลิวเลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยใส่ใจกับคำพูดของผู้จัดการหลิวเลย
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังผู้จัดการหลิวแต่พวกเขากลับจงใจสร้างปัญหาให้กับผู้จัดการหลิวแทน
ในอดีตผู้จัดการหลิวไม่สามารถที่จะทำอะไรพวกเขาได้เพราะว่าความสามารถของพวกเขาและความจริงที่ว่าพวกเขาไม่ได้มีซูหยูโม่คอยหนุนหลังอยู่
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คาดคิดว่าฮวงเฟิงจะกล้าหาญเยี่ยงนี้และยังไล่พวกเขาออกในทันทีอีกด้วย
ถึงแม้ว่าซูหยูโม่จะไม่พอใจพวกเขาแต่พวกเขาก็คิดแค่ว่าคงจะต้องการให้ฮวงเฟิงแค่ตักเตือนพวกเขา หรือไล่พวกเขาคนใดคนหนึ่งออกเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง
“คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกว่าบริษัทจะไม่ดูแลพวกคุณหรอกนะ เพราะว่าคุณอยู่ที่นี่มาสองสามปีแล้ว เพราะฉะนั้นค่าชดเชยที่พวกคุณสมควรจะได้รับนั้นก็เหมาะสมอยู่” ฮวงเฟิงกล่าว
เขาไม่ต้องการที่จะทำให้รปภ. คนอื่นๆ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เพราะเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้
เป็นอย่างที่ฮวงเฟิงกล่าวไว้เมื่อตอนแรกที่พวกเขาเข้ามาทำงานสวัสดิการพนักงานของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปนั้นดีมาก
แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวเล็กๆก็ยังมีสิทธิ์เทียบเท่ากับพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท
“ผู้จัดการฮวงผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรทำเรื่องยุ่งยากให้คุณเลย” เหลาปิงเป็นคนแรกที่ออกมายอมรับความพ่ายแพ้
ส่วนอีกสองคนก็คิดเหมือนกันพวกเขาไม่ได้เย่อหยิ่งอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้เห็นฮวงเฟิงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยแต่ในตอนนี้ พวกเขากำลังขอร้องฮวงเฟิงให้ยกโทษให้
ฮวงเฟิงเป็นผู้จัดการของแผนกรักษาความปลอดภัยตราบใดที่ฮวงเฟิงยังต้องการให้พวกเขาอยู่ต่อ ซูหยูโม่ก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้
ฮวงเฟิงส่ายศรีษะและไม่ได้พูดอะไรถ้าเขาไม่กำจัดคนทั้งสามออกไป การดูแลแผนกรักษาความปลอดภัยนี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตอนที่เขาเข้ากะกับพี่หวังถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนั้น แต่พี่หวังก็ยังบอกว่าพวกเขายังพอจะมีหนทางที่จะทำเช่นนั้น
ดังนั้นการไล่พวกเขาทั้งสามคนออกไปฮวงเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำผิดต่อพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฮวงถ้าคุณไม่ให้โอกาสพวกเราได้อยู่ต่อ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหาว่าพวกเราหยายคายก็แล้วกันนะ!” เหลาปิงที่อยู่ด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธฮวงเฟิง
“ระวังนะ!”จางหยุนและพี่หวังตะโกนขึ้นพร้อมๆ กัน ขณะที่ รปภ. คนอื่นๆ ก็พากันอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ในสายตาของทุกคนนั้นฮวงเฟิงเป็นเพียงแค่คนที่เพิ่งจะเรียบจบมหาวิทยาละย จะไปมีทักษะอะไรได้ ซึ่งแตกต่างจากเหลาปิง รปภ.ทั้งหลายต่างรู้ว่าเขามีความสามารถเพียงใด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงเป็นห่วงฮวงเฟิง
บทที่ 142 ความสามารถที่แท้จริง
ฮวงเฟิงเองกลับมีท่าทีสงบนิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นกับเขาหลายครั้งและเขาก็มีประสบการณ์ขึ้นมาก แล้วเขาจะกลัวเหลาปิงได้อย่างไรกัน?
แน่นอนว่าอาการนิ่งสงบของฮวงเฟิงในสายตาของทุกคนคงคิดว่าเขาคงจะกลัวจนงี่เง่า
หลิวหงและหัวหน้าของทั้งสามกลุ่มนึกเหยียดเขาอยู่ในใจ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้ามาทำร้ายฮวงเฟิงแต่ในใจของพวกเขาเองก็คิดเช่นเดียวกันกับเหลาปิง เพียงแค่ว่าเหลาปิงนั้นเร็วกว่า
และแค่เพียงพวกเขาคิดว่าฮวงเฟิงจะต้องเสียหน้าต่อหน้าทุกคนพวกเขาก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาคิดไว้ไม่เป็นไปดังคาด
ฮวงเฟิงเพียงแค่ยกแขนขวาขึ้นและจากนั้นก็คว้าเอากำปั้นของเหลาปิงที่พุ่งตรงมายังเขา
เมื่อเห็นว่าเขาถูกจับไว้โดยฮวงเฟิงเหลาปิงก็ต้องการที่ดิ้นให้หลุด ซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าจะสลัดให้หลุดได้โดยง่ายแต่เขากลับไม่สามารถที่จะหลุดจากการควบคุมของฮวงเฟิงได้เลยแม้แต่น้อย
“หัวหน้าเหลานี่คุณกำลังจะทำอะไร?” ฮวงเฟิงถามอย่างหน้าตาเฉย แต่มือของเขากลับเพิ่มแรงบีบมากขึ้น
สีหน้าของเหลาปิงเริ่มเปลี่ยนสีจากแดงเป็นสีขาวจากขาวเป็นม่วง และผู้คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ
“ใจเย็นใจเย็น” เมื่อเห็นว่าเขาได้สูญเสียความหวังสุดท้ายไปแล้ว เหลาปิงจึงทำได้เพียงแค่อ้าปาก
ขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าฮวงเฟิงไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ
“ดูเหมือนว่าคุณเพิ่งจะเข้าโจมตีครั้งแรกเองนะหัวหน้าเหลา? คุณอยากจะให้ผมโทรเรียกตำรวจไหม?” ฮวงเฟิงถาม พลังที่มือของเขาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
“อ๊าก!”เหลาปิงอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา ใบหน้าและร่างกายของเขาบิดเบี้ยวและโน้มลงด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังโน้มตัวลงแสงเย็นก็พาดผ่านดวงตาของเขาและจากนั้นเขาก็เหยียดขาขวาและเตะฮวงเฟิงเข้าในทันที
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงยังคงยื่นเท้าออกไปอย่างไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ และพวกเขากำลังต่อสู้กัน
เหลาปิงกรีดร้องอย่างน่าอนาถอีกครั้งไม่เพียงแต่มือของเขาที่ได้รับบาดเจ็บแต่ขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บอย่างมาก จากประสบการณ์ของเขาแล้วขาของเขาคงจะฟกช้ำและบวมเป่ง
“ปล่อยฉันไปเถอะผู้จัดการฮวงฉันรู้ว่าฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไป!”
ภาพที่เหลาปิงผู้หยิ่งผยองเริ่มวิงวอนขอการให้อภัยจากชายหนุ่ม
ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบๆตกใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูสีหน้าของเขาทุกคนก็เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของเขา
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาก็มีเสียงอุทานออกมาพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าภายในร่างกายที่ดูอ่อนแอของฮวเงฟิงจะมีพลังที่ทรงพลังเช่นนั้นอยู่
ทุกคนทราบดีเกี่ยวกับทักษะและความแข็งแกร่งของเหลาปิงแต่เขาไม่ทันได้ใช้มัน ก่อนที่หวงเฟิงจะบีบมันจนแตกในทันที
ในการปะทะครั้งต่อมาเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของฮวงเฟิงและไม่ใช่ว่าเหลาปิงจะไม่คิดที่จะต่อสู้กับฮวงเฟิงต่อไปเนื่องจากเขามีแค่มือเดียวและขาเดียว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นฮวงเฟิงคว้ากำปั้นของเขาได้อย่างง่ายดายและเตะเขากลับสีหน้าของเขาก็ยังคงเรียบเฉย
ในขณะที่เขาเลิกล้มความคิดที่จะขัดขืนและรู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์
ฮวงเฟิงพยักหน้าและเขาก็ได้ปล่อยเหลาปิงให้เป็นอิสระแล้ว
เขาไม่ได้เกรงกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าโจมตีอย่างกระทันหันความสามารถอันน้อยนิดนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงเองก็หวังที่จะให้เรื่องจบลงตรงนี้
หลังจากที่ฮวงเฟิงคลายมือออกเหลาปิงก็ลูบกำปั้นของเขา จากนั้นก็ตามจางหยุนออกไปด้วยสภาพที่พ่ายแพ้
เขาได้ยอมรับความพ่ายแพ้นี้แล้วไม่ใช่เพราะการปะทะที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นเพราะว่าเขาช่างตาบอดและดูคนผิดไป
ฮวงเฟิงไม่ใช่คนที่ไม่มีพิษสงอย่างที่เขาแสดงให้เห็น
ฮวงเฟิงมองดูคนทั้งสองอีกครั้งสีหน้าของเขายังคงสงบเช่นเคย สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปหรือแสดงความโกรธเลย
หลิวฟงและอีกสองคนต่างมองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ทั้งสองคนได้เห็นการปะทะสั้นๆระหว่างฮวงเฟิงและเหลาปิงและรู้สึกประหลาดใจในทักษะและความแข็งแกร่งของเขา
ในตอนนี้พวกเขาเห็นฮวงเฟิงมองมาที่พวกเขาหัวใจของพวกเขาถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
ดังนั้นคนทั้งสองจึงตามจางหยุนไปด้วยเพื่อที่ทำให้กระบวนการลาออกเสร็จสิ้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีโอกาสอีกแล้วไม่ใช่เพียงเพราะความแข็งแกร่งของฮวเงฟิง แต่เขายังมีซูหยูโม่คอยหนุนหลังและพวกเขายังรนหาที่อีกด้วย
ถ้าพวกเขาสงบเสงี่ยมเจียมจนตั้งแต่แรกพวกเขาก็คงจะไม่ร่วงลงมาเช่นนี้
พวกเขาเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัทและซูหยูโม่เองก็ไม่ใช่คนเลือดเย็น
แต่มันสายเกินที่จะมานึกเสียใจแล้วในตอนนี้ฮวงเฟิงที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นผู้จัดการและเมื่อเขาต้องการที่จะสร้างบารมีของเขา
พวกเขาจึงถูกเตะออกมาโดยง่ายมันคงจะเป็นเรื่องประหลาดถ้าเขาจะยังเก็บพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้ และถึงแม้ว่าผู้จัดการจะไม่ใช่ฮวงเฟิง มันก็คงจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน
ทั่วทั้งสำนักงานของแผนกรักษาความปลอดภัยเงียบสนิทพวกเขาทำได้เพียงมองเหลาปิงและอีกสองคนเดินลับหายไป ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นจ้องมองฮวงเฟิง
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะแยกจากเหลาปิงและอีกสองคนแต่พวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้กะทันหันและน่าตกใจเกินไป
ฮวงเฟิงเห็นว่าทุกคนมองมาเขาจึงหัวเราะและพูดว่า: “เอาล่ะพวกเขาทั้งสามคนเสร็จเรื่องแล้ว งั้นเรามาคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องทำที่โรงงานด้านล่างกันเถอะ”
“ผู้จัดการฮวง!”ในตอนนี้หยางกวนลุกขึ้นยืนและตะโกนขึ้นเมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงกำลังมองมาที่เขา เขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เขาก็ยังพูดว่า: “เรื่องนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
“คุณไม่สบายไม่ใช่หรือ?”ฮวงเฟิงถาม
”ร่างกายของผมไม่มีอะไรผิดปกติผมไม่อยากให้มันกระทบต่องานของผมได้” หยางกวางกล่าว
”เอาล่ะผมจะให้คุณเป็นส่วนหนึ่งในนั้น” ฮวงเฟิงไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด
”ขอบคุณผู้จัดการขอบคุณผู้จัดการ” หยางกวงกล่าวอย่างซาบซึ้งทันที ก่อนหน้านี้เขามักจะเลี่ยงเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เขาได้ริเริ่มที่จะรับช่วงต่อเนื่องจากฮวงเฟิงตกลงและเขาเองก็ต้องการที่จะขอบคุณฮวงเฟิง แต่ก็อาจหมายความได้ว่าหลายสิ่งไม่สามารถคาดเดาได้
แน่นอนว่าฮวงเฟิงเห็นด้วยกับคำขอของเขาซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่ไล่เขาออกเพราะเขาเองก็ไม่อยากตกงาน
คนอย่างเขาที่ไม่มีการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงานอื่นๆมันจะเป็นเรื่องยากที่จะต้องหางานใหม่
ด้วยสวัสดิการที่ดีเช่นเดียวกับที่เขามีอยู่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการจากที่นี่ไป
”ผู้จัดการฉันก็อยากลงไปที่โรงงานสักพัก” ในตอนนี้กวนเผิงได้เริ่มที่จะขอเช่นกัน เดิมทีเขาเองก็ต้องการที่จะขอทำงานนี้แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดและละอายอยู่เล็กน้อย และในตอนนี้หยางกวงได้เริ่มพูดแล้วเขาจึงไม่มีความคิดอื่น
ฮวงเฟิงพยักหน้าตามปกติและเห็นด้วยซึ่งเห็นได้ชัดว่ากวนเผิงเองก็ทำท่าโล่งอกเช่นกัน