กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 149 -150
บทที่ 149 สูสี
ขณะที่ต่อสู้กับเขานั้นไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานเขาได้นานกว่าสามวินาทีเลยสักคน เป็นเพราะว่าภายในสามวินาทีนั้น ฮวงเฟิงสามารถที่จะชกได้มากกว่าสิบสองครั้ง
และยิ่งด้วยกำลังภายในของเขาและพลังจากหมัดโลหะของเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถต้านทานได้
ส่วนใหญ่พวกเขาคิดว่าฮวงเฟิงมีความแข็งแกร่งมากและอาจจะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้บางประเภทไปพร้อมๆกัน
มิฉะนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้าวหน้ารวดเร็วเช่นนี้และไม่มีใครคิดถึงเรื่องเวทมนตร์เลยและนี่คือสิ่งที่ฮวงเฟิงต้องการให้เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าฮวงเฟิงจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยเพราะว่ามีผู้คนมากมายที่อยู่รายรอบตัวเขาและไม่เพียงแค่ความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น แต่ความเร็วในการโจมตีของเขาก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
แต่ทว่าความเร็วในการตอบสนองของเขายังคงเท่ากับคนธรรมดาหรืออาจจะแค่สูงกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย
โชคดีที่พวกเขาไม่มีไม้เบสบอลติดตัวมาด้วยดังนั้นแม้ว่าจะถูกพวกนั้นตี แต่อาการบาดเจ็บของฮวงเฟิงก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก และเขายังคงมีกำลังภายในที่จะปกป้องร่างกายของเขาได้อีกด้วย
“ปัง!”
ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังต่อยลูกสมุนของพวกนั้นอยู่ทันใดนั้นหางตาของเขาก็พลันเห็นร่างหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว
เขาไม่มีเวลาพอที่จะคิดและทำได้แค่เพียงใช้แขนข้างซ้ายยกขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันศีรษะของเขา
วินาทีต่อมาเขาก็รู้สึกถึงลมที่วูบผ่านแขนของเขาอย่างแรงและร่างทั้งร่างของเขาก็ต้องถอยหลังมาถึงสองก้าว
คนทึ่จู่โจมเขาก็คือชิวหัวและหลังจากที่ชิวหัวเข้าโจมตีได้สำเร็จ เขาก็ยังไม่ยอมแพ้
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ได้รุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องขาขวาของเขาก็ระดมเตะไปที่ฮวงเฟิง และความแข็งแรงของขาของเขานั้นเทียบเท่าได้กับความแข็งแรงเมื่อตอนที่ฮวงเฟิงใช้กำลังภายในเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกนั้นคิดว่าเขานั้นไม่ได้ฝึกฝนกำลังภายในมาเป็นเวลานานแล้ว
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็สามารถที่จะกล่าวได้ว่าความแข็งแรงของขาของชิวหัวนั้นไม่อาจที่จะประมาทได้
ฮวงเฟิงนั้นยังคงถูกดันให้ถอยหลังแต่เขาก็ยังคงประคับประคองไม่ให้บาดเจ็บรุนแรง
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ว่าพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาในตอนนี้นั้นอยู่ที่มือทั้งสองข้างของเขาดังนั้นเขาจึงผนึกกำลังภายในและปล่อยมันออกมาที่หมัดทั้งสองข้างของเขา
อีกทั้งมีทักษะหมัดโลหะความแข็งแกร่งของหมัดเขาในตอนนี้ได้มาถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ปัง!”
ฮวงเฟิงได้ใช้แขนซ้ายของเขาป้องกันเอาไว้แต่มือขวาของเขากลับพบว่ามีโอกาสที่จะปะทะกับขาขวาของชิวหัวได้อย่างดุเดือด
ในเวลานี้ไม่เพียงแค่ฮวงเฟิงเท่านั้นที่ถูกผลักให้ถอยหลัง
ใบหน้าของชิวหัวเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขาไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกผลักให้ถอยหลังได้
ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนแลกหมัดกันเขาจึงกระเด็นถอยหลังมา
ถึงแม้ว่าเขาจะตกใจอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่มากมายนัก เพราะว่าเขารู้ว่าส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาไม่ใช่ที่หมัดแต่เป็นที่ขา
ความแข็งแกร่งที่ขาของเขานั้นแข็งแรงมากและมือของเขาเองก็ไม่สามารถที่จะเอามาเปรียบเทียบได้
อย่างไรก็ตามเมื่อขาของเขาปะทะเข้ากับมือของอีกฝ่ายเขากลับกระเด็นถอยหลัง มือของฮวงเฟิงจะต้องแข็งแรงมากขนาดไหนกัน?
“ปัง!”
ฮวงเฟิงไม่ได้มองดูเลยเสียด้วยซ้ำและยังคว่ำคนที่ปล่อยลูกเตะออกมาได้ด้วยหมัดเดียวแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ และด้วยการชกเพียงครั้งเดียวคนๆ นั้นก็ถึงกับสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปในทันที
ตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถยืนอยู่ได้คือฮวงเฟิงและชิวหัว ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความระแวดระวังและมีใครบางคนเดินผ่านไป อย่างไรก็ตามพวกเขาเหลือบตาไปมองสถานที่แห่งนี้เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะรีบออกไป
ฮวงเฟิงรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้แข็งแกร่งกว่าเทียนจุ้นมากนักอย่างน้อยที่สุดความแข็งแกร่งที่ขาของเขาก็แข็งแรงยิ่งกว่าของเทียนจุ้น
อย่าไรก็ตามปฏิกิริยาของฮวงเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ชิวหัวสามารถที่จะหลบหมัดของเขาได้อย่างง่ายดายและหลังจากนั้นชิวหัวก็ยกขาของเขาขึ้นมาเตะฮวงเฟิงอีกครั้ง เพี๊ยะ!
“ตอนนี้ล่ะ!”
เมื่อเขาเดินเข้ามาหาเขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะโจมตีคู่ต่อสู้ได้และขาของอีกฝ่ายนั้นก็แข็งแรงกว่าหมัดของเขามาก
ดังนั้นเขาจึงใช้ขาของเขาอีกครั้งเขารู้ว่าด้วยปฏิกิริยาของเขาที่มีในตอนนี้ไม่สามารถที่จะหลบได้อย่างแน่นอนแต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้คู่ต่อสู้เตะเขาอยู่ฝ่ายเดียวและอดทนกับความเจ็บปวดขณะที่เขากอดขาของคู่ต่อสู้เอาไว้
อย่างไรก็ตามทันทีที่อีกฝ่ายถูกกอดเอาไว้ อีกฝ่ายก็ได้เสียเปรียบ เขาไม่สามารถที่จะใช้ความเร็วในการตอบสนองที่แข็งแรงกว่าในการหลบการปะทะได้
หลังจากที่ฮวงเฟิงได้คว้าขาของเขาเอาไว้มือขวาของเขาก็ยกขึ้นสูงเตรียมพร้อมที่จะทุบลงบนขาของชิวหัว
“แกกล้าดียังไง!”ดวงตาของชิวหัวเกือบจะถลนออกมา แววของความกลัวฉายอยู่ในดวงตาของเขา เขารู้ว่ามือของฮวงเฟิงนั้นทรงพลังเช่นไร ถ้าเขาถูกทุบทั้งๆ แบบนี้ขาของเขาจะต้องพิการอย่างแน่นอน
ชิวหัวพยายามที่จะขัดขืนแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เทียบเท่ากับฮวงเฟิง ร่างทั้งร่างของเขาอาจจะแข็งแกร่งเท่าฮวงเฟิง ซึ่งสามารถเห็นได้จากการปะทะกับความแข็งแกร่งของฮวงเฟิง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถที่จะขัดขืนได้ชิวหัวจึงใช้มือของเขาป้องกันไว้
โชคร้ายที่การเคลื่อนไหวของเขานั้นไม่เป็นผลและยังช้าไปกว่าความเร็วหมัดของฮวงเฟิง
เขาทำได้แค่เพียงเปลี่ยนทิศทางและทุบไปที่ฮวงเฟิงแต่ฮวงเฟิงเองถึงแม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่านไป
“ฮัดช่า!”
ในที่สุดหมัดของฮวงเฟิงก็ทุบลงบนขาของชิวหัว
มันทำให้เขาถึงกับขนหัวลุกขึ้นมาทันทีและเสียงของกระดูกที่หักก็ดังขึ้นขณะที่เสียงร้องไหโหยหวนเขย่าโลกดังออกมาจากปากของชิวหัว
ศรีษะของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่เกิดจากความเจ็บปวด
เขานั้นก็แค่หยุดรถของถงเฉียนไว้แค่ครั้งเดียวและถงเฉียนก็ไม่พอใจและปล่อยเขามาทั้งอย่างนั้นและยังคงส่งคนมาสั่งสอนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่หักมือก็คงจะหักขาเขาให้ได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ฮวงเฟิงต้องตกอยู่ในสภาพนี้เขารู้สึกโมโหมากจริงๆ ดังนั้นเมื่อเขาปะทะกับชิวหัวเขาจึงไม่ได้มีความอาทรเลยแม้แต่น้อย
ฮวงเฟิงไม่คิดที่จะปล่อยคู้ต่อสู้ไปแต่กลับยกหมัดของเขาขึ้นอีกครั้งและทุบลงไปอีก
ขาของคู่ต่อสู้ในตอนนี้ติดอยู่กับเขาและเอียงออกทำมุมที่ไม่น่าจะเป็นไปได้และจากนั้นเขาก็กระแทกหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของชิวหัวอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาก็บวมเป่งและเขาก็สลบไป
หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็ทุ่มชิวหัวลงและหันกลับไปมองคนอื่นๆที่เหลือ
เมื่อคนพวกนั้นเห็นว่าฮวงเฟิงกำลังมองมาที่พวกเขาสีหน้าของคนทั้งหมดก็เปลี่ยนไปและพากันล่าถอยไป
“เอาเขาไปให้พ้นจำไว้นะ ถ้าพวกแกยังกล้ามารบกวนฉันอีก ฉันจะหักขาพวกแกให้เบี้ยวกว่าขาของเขาเสียอีก!” ฮวงเฟิงกล่าวเสียงเรียบ
หลังจากที่เขาพูดจบพวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะคิดว่าต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นและพากันรีบหันหลังกลับไป
คนที่เหลือพากันมองหน้ากันไม่มีใครกล้าที่หยุดฮวงเฟิงหรือพูดอะไรสั่วๆ เลย
บทที่ 150 เพื่อนธรรมดา
แม้ว่าเขาจะเอาชนะชิวหัวและคนอื่นๆได้ แต่ฮวงเฟิงเองก็ยังคงอารมณ์ไม่ดีนักขณะที่กลับบ้าน
จริงๆแล้วเขาวางแผนที่จะไปหาถงเฉียนและสั่งสอนเขาเพื่อที่จะคลายอารมณ์
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าเจ้าลูกน้องคนนั้นจะเร็วกว่าเขานักและหาคนอื่นมาจัดการเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาผู้คนในปัจจุบัน คนสุดท้ายที่พ่ายแพ้ต่อเขานั้นช่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องเสี่ยงอันตรายจากการบาดเจ็บของตัวเองที่จะคว้าตัวคู่ต่อสู้และหักขาของเขาให้ได้ฮวงเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของเขาได้หรือไม่
แน่นอนว่าถ้าเขาใช้เวทมนตร์ความเป็นไปได้ก็จะสูงขึ้น
เป็นผลให้ฮวงเฟิงรู้สึกได้ถึงวิกฤตครั้งใหญ่เขาไม่รู้ว่าในครั้งต่อไปที่ถงเฉียนส่งใครมาจะเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ หรือถ้าพวกเขาพาลูกน้องมาที่นี่โดยตรง
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอกในตอนกลางคืนเพื่อดูว่าเขาสามารถจัดการถงเฉียนได้ก่อนหรือไม่
เขาอยากจะประพฤติตัวดีสักพักและหลังจากนั้นเขาก็จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะจัดถงเฉียนให้สิ้นซาก
ถ้าต้องการที่จะสอนบทเรียนให้แก่ถงเฉียนก็ต้องรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่สามารถไปที่บ้านของเขาได้ และจะเป็นการดีที่สุด หากอยู่ข้างนอก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฮวงเฟิงก็โทรหาซูหยูโม่ เธอรู้จักถงเฉียน และน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขา
”เฮ้นี่ฮวงเฟิงเองนะ” การโทรถูกเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว
ซูหยูโม่สงสัยอยู่เล็กน้อยเช่นกันว่าทำไมฮวงเฟิงถึงได้โทรหาเธอในเวลานี้
แต่เมื่อมองไปที่เซี่ยเมิ่งเจียวที่กำลังขับรถอยู่ซูหยูโม่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อยถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับฮวงเฟิงก็ตาม
เมื่อมองดูเซี่ยเมิ่งเจียวที่อยู่ด้านข้าง
ในที่สุดซูหยูโม่ก็กดรับโทรศัพท์และเธอได้สังเกตเห็นการกระทำของเซี่ยเมิ่งเจียวปากของเธอเผยรอยยิ้ม แต่เธอไม่ได้พูดอะไรและยังคงขับรถต่อไปอย่างเงียบๆ
”เกิดอะไรขึ้น?”ซูหยูโม่ถาม
”คือว่าแบบนี้นะคุณรู้ไหมว่าถงเฉียนชอบไปที่ไหน?” ฮวงเฟิงถามตรงๆ
“ถงเฉียนเหรอคุณถามถึงเขาทำไม?” ซูหยูโม่สงสัยเล็กน้อย
”ไม่มีอะไรหรอกแค่มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการ” ฮวงเฟิงกล่าว
ซูหยูโม่รู้สึกสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมฮวงเฟิงถึงตามหาเขา
นอกเหนือจากตอนที่พวกเขาพบกันที่ทางเข้าบริษัททั้งสองคนก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันเลยนอกเหนือจากนี้
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประตูทางเข้าบริษัทหัวใจของซูหยูโม่ก็กระตุก และถามว่า “นี่เขาสร้างปัญหาอะไรให้คุณหรือเปล่า?”
“ไม่ฉันก็แค่มีธุระกับเขา ถ้าคุณไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร” ฮวงเฟิงไม่คิดที่จะกระโตกกระตากไป เขาไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะมีคนสงสัยแต่เขาก็จะไม่มีวันยอมรับมัน
“ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าเขาชอบไปที่ไหนเพราะว่าฉันไม่ค่อยสนิทกับเขา แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาไปที่คลับเฮาส์ที่ชื่อ เคลียร์สปริง บ่อยๆ ถ้าคุณอยากจะได้อะไรจากเขาก็ไปที่นั่นสิ” ซูหยูโม่กล่าว
เกือบจะไม่รู้ตัวเธอและฮวงเฟิงได้เน้นย้ำถึงบางสิ่งที่พวกเขาไม่คุ้นเคยและนั่นก็คือความจริง
แม้ว่าถงเฉียนจะคอยตามตื๊อเธอแต่เธอก็ไม่เคยตกลงปลงใจด้วยและเธอก็ไม่เคยไปออกเดทกับเขา
“โอเคขอบคุณนะ” ฮวงเฟิงกล่าว
“ไม่เป็นไรอ้อ ใช่ ถ้าคุณไม่จำเป็นก็อย่าไปติดต่อถงเฉียนเลยนะ เขาไม่ใช่คนดี” ซูหยูโม่กล่าว
“ผมรู้”ฮวงเฟิงเองก็รู้ดีว่าถงเฉียนนั้นไม่ใช่คนดี
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พูดกันอีกสองสามคำและวางสายไป
“เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?”ในเวลานี้เซี่ยเมิ่งเจียวที่กำลังขับรถอยู่ หัวเราะและกล่าวออกมา
“พูดอะไร?”ซูหยูโม่ใคร่รู้เล็กน้อย
“ก็โทรศัพท์ที่โทรเข้ามานั่นไง”เซี่ยเมิ่งเจียวถาม “ใครน่ะ?”
“ก็แค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง”ซูหยูโม่รู้ดีว่าเธอกำลังพูดถึงฮวงเฟิง
“อ้อแค่เพื่อนธรรมดา ก็เธอดูให้ความสนใจเพื่อนธรรมดาคนนี้เหลือเกินน่ะสิ” เซี่ยเมิ่งเจียวยิ้มและยังย้ำคำว่า “ธรรมดา” ถึงสองครั้ง
“แน่นอนสิเพื่อนก็ต้องห้วงเพื่อนอยู่แล้ว” ซูหยูโม่กล่าวขณะที่แสร้งรวบผม
“นี่ฉันเพิ่งจะได้ยินเขาเรียกชื่อเล่นเธอใช่ไหม?ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“เสียงเบาขนาดนั้นเธอยังได้ยินอีกเหรอ? หูเธอนี่ดีจริงๆใช่ไหม?” ซูหยูโม่กล่าวอย่างรวดเร็ว เธอไม่คาดคิดว่าเสียงโทรศัพท์นั้นช่างเบานัก แล้วเธอก็อยู่ที่ฝั่งคนขับ หูของเธอทำด้วยอะไรกัน?
“ไม่ต้องห่วงหรอกว่าหูของฉันจะเป็นยังไงนี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอเนี่ย ฉันไปแค่ไม่กี่วันแต่เธอกลับมีเพื่อน “ธรรมดา” ไปซะแล้ว นี่มันไม่เร็วเกินไปหน่อยเหรอ?” เซี่ยเมิ่งเจียวดูเหมือนจะพบบางอย่างที่น่าสนใจเธอจึงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“เร็วอะไรกัน?อย่าเข้าใจผิดสิ เขาก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดา เธออยากจะให้เขาเรียกฉันว่าผู้อำนวยการซูอย่างนั้นใช่ไหม?” ซูหยูโม่กล่าว
“อย่าบอกนะว่าเป็นผู้ชายคนที่โทรมาหาเธอครั้งก่อนนั่น”เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
เธอและซูหยูโม่เป็นเพื่อนสนิทกันและพวกเธอก็รู้จักกันมานานหลายปีแล้ว
ดังนั้นพวกเธอจึงรู้จักซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีและอีกอย่างก็เป็นเพราะว่าเธอรู้สึกว่าเพื่อน “ธรรมดา” ของซูหยูโม่นั้นไม่ธรรมดา
“ฉันขี้เกียจจะอธิบายแล้วล่ะ”ซูหยูโม่กล่าว หลังจากที่เธอหันหน้ากลับมาไม่มองไปที่เซี่ยเมิ่งเจียว แต่หน้าของเธอนั้นก็แดงก่ำขึ้นเล็กน้อยและไม่อาจที่จะเห็นได้ชัดเจน
เซี่ยเมิ่งเจียวหัวเราะและไม่ล้อซูหยูโม่เล่นอีกต่อไปแต่เธอกำลังสนใจเพื่อนธรรมดาที่เธอพูดถึงเป็นอย่างมาก
อีกทางด้านหนึ่งหลังจากที่ฮวงเฟิงได้รับข้อความจากซูหยูโม่ เขาก็กลับบ้าน
สถานที่ใหม่แห่งนี้เป็นที่ที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้และไม่มีใครรู้เรื่องนี้มากนัก
และจากข้อมูลที่เขาได้รับจากซูหยูโม่มันก็เห็นได้ชัดว่าเธอรู้จักเพียงสถานที่นี้
คนอย่างถงเฉียนคงจะไม่ไปเที่ยวเล่นแค่ที่นี่ที่เดียวเป็นแน่
แต่ฮวงเฟิงนั้นก็ไม่มีข้อมูลอื่นอีกแล้วดังนั้นเขาจึงลองเสี่ยงโชคมาที่นี่ดู
เพราะว่าเวลานี้ยังไม่ดึกมากฮวงเฟิงจึงไม่ได้เร่งรีบที่จะไป
เขาอยากจะกลับไปหาเสี่ยวไป่และหาอาหารค่ำกินเสียก่อน
ในตอนที่ฮวงเฟิงเปิดประตูออกเจ้าตัวน้อยก็ได้วิ่งเข้ามาหาอย่างมีความสุข มันถูเข้ากับกางเกงของฮวงเฟิงอย่างรักใคร่ขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและกระดิกหาง โดยปราศจากศักดิ์ศรีใดๆ ที่หมาป่าควรจะมีเลย
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่ได้เลี้ยงดูมันเยี่ยงหมาป่า
ก่อนอื่นเขาได้หาอะไรให้เจ้าตัวน้อยกินและหลังจากนั้นฮวงเฟิงก็เริ่มปรุงอาหารให้กับตัวเอง เพราะว่าเขามีคัมภีร์อมฤต ดังนั้นความเร็วในการปรุงอาหารของเขาจึงยังคงรวดเร็วและรสชาตินั้นก็เป็นเลิศ
หลังจากที่อิ่มแล้วฮวงเฟิงก็ตั้งใจที่จะไปเปิดกล่องจักรวาลของเขา