กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 157-158
บทที่ 157 พิการ
ฮวงเฟิงมองดูกระสุนสีเทาในมือของเขาและรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ในโลกแห่งความเป็นจริงฮวงเฟิงไม่คิดว่าเขาจะต้องการใช้ปืน
แต่ในอนาคตเขาจะต้องเดินทางไปยังมิติอื่นถ้าเขามีปืนเอาไว้นั่นก็น่าจะปลอดภัยยิ่งขึ้น
แต่น่าเสียดายที่เขามีปืนแล้วแต่เขากลับมีกระสุนเพียงนัดเดียว ดังนั้นการใช้ปืนนี้จึงมีข้อจำกัดมาก
แน่นอนว่าหากใช้มันอย่างเหมาะสมมันก็อาจจะมีบทบาทสำคัญเช่นกัน
หลังจากที่วางปืนลงในกล่องจักรวาลแล้วฮวงเฟิงก็สงสัยว่าถ้าปืนกระบอกนี้มาจากสนามรบแล้วเขาจะไปสู้รบต่อได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ซื้อระเบิดมือปลอมสักสองสามลูกงั้นหรือ?
สิ่งของเหล่านี้ล้วนพบได้ในสนามรบถ้าหากเขาซื้อของปลอมมาวางไว้ในกล่องจักรวาลก็จะง่ายต่อการสับเปลี่ยน
หลังจากที่คิดเรื่องนี้ฮวงเฟิงก็ขึ้นไปบนเตียงและเริ่มนั่งสมาธิ สำหรับเสี่ยวไป๋หลังจากที่เจ้าตัวเล็กกินข้าวเสร็จแล้ว มันก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เขาอย่างเกียจคร้าน
เจ้าหนูตัวเล็กดูไม่เหมือนหมาป่าเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเจ้าตัวเล็กน่าจะอยู่ในช่วงวัยแรกรุ่นของมันในตอนนี้ดังนั้นการกระทำเหล่านี้จึงเป็นที่เข้าใจได้
ฮวงเฟิงเริ่มทำสมาธิราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ที่คลับเฮาส์น้ำพุใสนั้นกำลังอยู่ในความโกลาหลและผู้จัดการของที่นั่นก็รีบไปที่เลาจ์หลี่ชุ่ยในทันที
และเมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของถงเฉียนและเหลาหยูแล้วหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นถี่และสีหน้าของเขาก็น่าเกลียดน่ากลัวมาก
”นี่พวกแกเป็นพวกสวะหรือเปล่า?มีคนลอบเข้ามาทำร้ายนายน้อยถงและนายน้อยหยู แต่พวกแกกลับไม่มีใครเห็นอะไรเลย แล้วฉันจะมีพวกแกไว้ทำซากอะไรเนี่ย?!” ผู้จัดการถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียงดัง
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสอบปากคำเขารีบกดโทรศัพท์และส่งนายน้อยถงและนายน้อยหยูไปโรงพยาบาล ในขณะที่เขาเองก็ตามไปติดๆ
ไม่นานหลังจากที่ทุกคนมาถึงโรงพยาบาลถงเฉียนจุ้นและลุงหลี่ก็มาถึง
ในเวลานี้ลุงหลี่ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับชิวหัวคนโปรดของของเขาแล้ว
หลังจากที่ได้ถูกส่งไปสั่งสอนเจ้ารปภ. แต่เขากลับพ่ายแพ้ให้กับรปภ. ตัวน้อยจนถึงกับขาหัก
เขาไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวน้อยที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาจะมีพลังมากถึงเพียงนี้
สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของลุงหลี่และเมื่อเขากำลังจะส่งคนไปสั่งสอนฮวงเฟิง เขาก็ได้รับข่าวว่าถงเฉียนถูกทำร้ายอีกครั้ง
และครั้งนี้เขาถูกทำร้ายอย่างรุนแรงยิ่งกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้วุ่นวายกับการจัดการฮวงเฟิงอีกต่อไปและรีบรุดไปที่โรงพยาบาลในทันที
อารมณ์ของถงเฉียนจุ้นนั้นแย่มากลูกชายของเขาเป็นคนที่เขาตามใจมาตั้งแต่เด็ก และตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดที่จะตีลูกเลยสักครั้ง
แต่ตอนนี้ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันเขาก็ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองครั้งแล้ว
และซ้ำร้ายยังโดนทำร้ายหนักกว่าครั้งก่อนเสียอีก
นอกจากนี้ถงเฉียนจุ้นได้ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครเขาก็ต้องการแก้แค้นให้จงได้และมันจะไม่ใช่แค่การทำร้ายแบบธรรมดาอย่างแน่นอน
เป็นไปได้ไหมที่คนภายนอกคิดว่าเขากำลังทำธุรกิจและอยากที่จะกลั่นแกล้งเขา?นี่เขาคิดว่าตัวเองแก่จริงหรือเปล่า?
”เฉียนจุ้นอาเฉียนเป็นอย่างไรบ้าง?” ขณะที่ทั้งสองเดินไปลุงหลี่ก็ถามถงเฉียนจุ้นขึ้นมา
เขามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับถงเฉียนจุ้นเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็กดังนั้นเขาจึงปฏิบัติกับถงเฉียนเหมือนหลานชายของเขาเอง
และมองว่าเขาเป็นรุ่นน้องของเขาไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่รีบมาที่นี่เมื่อรู้ว่าเขาต้องเข้าโรงพยาบาล
”ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจพวกเราเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ถงเฉียนจุ้นกล่าว
ลุงหลี่พยักหน้า
เมื่อทั้งสองคนมาถึงห้องผู้ป่วยนอกของถงเฉียนผู้จัดการของคลับเฮาส์น้ำพุใสก็เดินกลับมาที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ
“บอสถงคุณมาแล้วหรือ?” ผู้จัดการพยักหน้าและโค้งคำนับไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เนื่องจากถงเฉียนจุ้นนั้นถือไพ่เหนือกว่า
”แล้วลูกชายของฉันล่ะ?”แล้วใครคือคนร้าย? ” ถงเฉียนจุ้นพูดขณะที่เขามองไปที่ผู้จัดการตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้จัดการของคลับเฮาส์น้ำพุใสแต่เขาก็ไม่อาจที่จะทนต่อการจ้องมองของสองคนนี้ได้ เขารู้สึกถึงเหงื่อที่ออกที่หน้าผาก
“สำหรับสถานการณ์ของนายน้อยถงแพทย์ยังคงตรวจดูอาการเขาอยู่และสำหรับคนร้ายไม่มีใครสังเกตเห็น ผมได้สังเกตุเห็นว่ามีคนแปลกหน้าที่เข้าไปในห้องส่วนตัวของนายน้อยก่อนหน้านี้ แต่คนๆ นั้นก็เอาแต่ก้มหน้าทำให้มองไม่เห็นหน้าเขาชัดๆ” ผู้จัดการอธิบาย
”ไอ้สวะ!”ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายฉัน ฉันจะรื้อคลับเฮาส์ของแกซะ!” ถงเฉียนจุ้นพูดด้วยความโกรธ เขาไม่คาดคิดว่าหลังจากลูกชายของตัวเองถูกทำร้าย เขาก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายคือใครกันแน่
“ครับครับ นายน้อยถงจะต้องไม่เป็นอะไรมาก” ผู้จัดการกล่าวขณะที่เขาปาดเหงื่อที่หน้าผากออก
เขาหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับถงเฉียนไม่เช่นนั้นคลับเฮาส์ของเขาคงจะต้องโดนยุบจริงๆ
ในเวลานั้นหมอที่ดูแลถงเฉียนและเหลาหยูที่ถูกส่งเข้าไปตรวจก็ได้กลับออกมา
ถงเฉียนจุ้นไม่ได้สนใจผู้จัดการคนนั้นอีกต่อไปและก็รีบถามเขาว่า
“เป็นไงบ้าง?แล้วลูกชายฉันล่ะ?” ถงเฉียนถามด้วยความกังวล
“นายน้อยถงนั้นยังคงไม่ได้สติแต่เขาจะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้แหละ” ดูเหมือนว่าหมอจะจำถงเฉียนจุ้นได้
“แต่ขาของเขา..”
“เกิดอะไรขึ้นกับขาของเขา?”ถงเฉียนจุ้นรู้สึกถึงลางไม่ดีในใจอย่างทันที
“ขาของเขาหักซึ่งจากแรงกดจากภายนอกซึ่งทำให้ขาของเขาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก แม้ว่านายน้อยถงจะไม่ถึงกับต้องนั่งรถเข็นในอนาคต แต่ขาของเขาก็อาจจะง่อยเล็กน้อย” หมอกล่าวด้วยความประหม่า
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?นี่คุณรักษายังไงกัน? คุณทำให้ลูกผมพิการงั้นเหรอ?!” ถงเฉียนจุ้มไม่สามารถที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้
เขาคว้าเสื้อผ้าของหมอและถามเสียงดัง
คนที่อยู่ข้างๆต่างพากันห้ามเขาเอาไว้ ลุงหลี่เองก็คอยปลอบเขาว่า “เฉียนจุ้น อย่าทำอย่างนี้สิ ถ้าโรงพยาบาลนี้รักษาไม่ได้ พวกเราก็แค่เปลี่ยนไปรักษาที่ต้องการแก้แค้นให้จงได้และมันจะไม่ใช่แค่การทำร้ายแบบธรรมดาอย่างแน่นอน
เป็นไปได้ไหมที่คนภายนอกคิดว่าเขากำลังทำธุรกิจและอยากที่จะกลั่นแกล้งเขา?นี่เขาคิดว่าตัวเองแก่จริงหรือเปล่า?
”เฉียนจุ้นอาเฉียนเป็นอย่างไรบ้าง?” ขณะที่ทั้งสองเดินไปลุงหลี่ก็ถามถงเฉียนจุ้นขึ้นมา
เขามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับถงเฉียนจุ้นเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็กดังนั้นเขาจึงปฏิบัติกับถงเฉียนเหมือนหลานชายของเขาเอง
และมองว่าเขาเป็นรุ่นน้องของเขาไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่รีบมาที่นี่เมื่อรู้ว่าเขาต้องเข้าโรงพยาบาล
”ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจพวกเราเข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ถงเฉียนจุ้นกล่าว
ลุงหลี่พยักหน้า
เมื่อทั้งสองคนมาถึงห้องผู้ป่วยนอกของถงเฉียนผู้จัดการของคลับเฮาส์น้ำพุใสก็เดินกลับมาที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ
“บอสถงคุณมาแล้วหรือ?” ผู้จัดการพยักหน้าและโค้งคำนับไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เนื่องจากถงเฉียนจุ้นนั้นถือไพ่เหนือกว่า
”แล้วลูกชายของฉันล่ะ?”แล้วใครคือคนร้าย? ” ถงเฉียนจุ้นพูดขณะที่เขามองไปที่ผู้จัดการตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้จัดการของคลับเฮาส์น้ำพุใสแต่เขาก็ไม่อาจที่จะทนต่อการจ้องมองของสองคนนี้ได้ เขารู้สึกถึงเหงื่อที่ออกที่หน้าผาก
“สำหรับสถานการณ์ของนายน้อยถงแพทย์ยังคงตรวจดูอาการเขาอยู่และสำหรับคนร้ายไม่มีใครสังเกตเห็น ผมได้สังเกตุเห็นว่ามีคนแปลกหน้าที่เข้าไปในห้องส่วนตัวของนายน้อยก่อนหน้านี้ แต่คนๆ นั้นก็เอาแต่ก้มหน้าทำให้มองไม่เห็นหน้าเขาชัดๆ” ผู้จัดการอธิบาย
”ไอ้สวะ!”ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายฉัน ฉันจะรื้อคลับเฮาส์ของแกซะ!” ถงเฉียนจุ้นพูดด้วยความโกรธ เขาไม่คาดคิดว่าหลังจากลูกชายของตัวเองถูกทำร้าย เขาก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายคือใครกันแน่
“ครับครับ นายน้อยถงจะต้องไม่เป็นอะไรมาก” ผู้จัดการกล่าวขณะที่เขาปาดเหงื่อที่หน้าผากออก
เขาหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับถงเฉียนไม่เช่นนั้นคลับเฮาส์ของเขาคงจะต้องโดนยุบจริงๆ
ในเวลานั้นหมอที่ดูแลถงเฉียนและเหลาหยูที่ถูกส่งเข้าไปตรวจก็ได้กลับออกมา
ถงเฉียนจุ้นไม่ได้สนใจผู้จัดการคนนั้นอีกต่อไปและก็รีบถามเขาว่า
“เป็นไงบ้าง?แล้วลูกชายฉันล่ะ?” ถงเฉียนถามด้วยความกังวล
“นายน้อยถงนั้นยังคงไม่ได้สติแต่เขาจะฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้แหละ” ดูเหมือนว่าหมอจะจำถงเฉียนจุ้นได้
“แต่ขาของเขา..”
“เกิดอะไรขึ้นกับขาของเขา?”ถงเฉียนจุ้นรู้สึกถึงลางไม่ดีในใจอย่างทันที
“ขาของเขาหักซึ่งจากแรงกดจากภายนอกซึ่งทำให้ขาของเขาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก แม้ว่านายน้อยถงจะไม่ถึงกับต้องนั่งรถเข็นในอนาคต แต่ขาของเขาก็อาจจะง่อยเล็กน้อย” หมอกล่าวด้วยความประหม่า
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?นี่คุณรักษายังไงกัน? คุณทำให้ลูกผมพิการงั้นเหรอ?!” ถงเฉียนจุ้มไม่สามารถที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้
เขาคว้าเสื้อผ้าของหมอและถามเสียงดัง
คนที่อยู่ข้างๆต่างพากันห้ามเขาเอาไว้ ลุงหลี่เองก็คอยปลอบเขาว่า “เฉียนจุ้น อย่าทำอย่างนี้สิ ถ้าโรงพยาบาลนี้รักษาไม่ได้ พวกเราก็แค่เปลี่ยนไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น”
ถงเฉียนจุ้นปล่อยมือของเขาและเมื่อทุกคนคิดว่าเขาคงจะสงบลงแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ตบเข้าที่หน้าของหมอและผลักเขาจนกระเด็น
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและหันไปตบหน้าของผู้จัดการคลับเฮาส์ที่กำลังตะลึงงันอยู่
“ถ้าลูกชายฉันต้องเป็นง่อยจริงๆฉันจะมาหักขาของพวกแกด้วย!”
หลังจากที่ถงเฉียนจุ้นพูดจบเขาก็พาคนของเขาเข้าไปในห้องผู้ป่วย
แม้แต่สำหรับหมอและผู้จัดการของคลับเฮาส์ก็ไม่กล้าที่จะห้ามพวกเขาเพราะเขารู้ว่าเขาจะต้องเจอโชคร้าย
นอกจากนี้เขายังต้องกังวลเกี่ยวกับการแก้แค้นของถงเฉียนจุ้นเพราะหมอรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลยเขาไม่ได้ไปทำอะไรใครแล้วทำไมเขาถึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย?
ในใจเขากำลังคิดอยู่แล้วว่าจะลาออกดีหรือไม่เพราะถงเฉียนจุ้นคนนี้สามารถที่จะทำอะไรก็ได้
บทที่ 158 ฆ่ามันซะ
เมื่อถงเฉียนจุ้นเข้ามาในหอผู้ป่วยลูกชายของเขาได้ฟื้นขึ้นมาแล้วแต่อย่างไรก็ตามเพื่อความสะดวกในการรักษาเหลาหยูที่พักอยู่ในหอผู้ป่วยเดียวกันก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
“ลุงถง”เหลาหยูรีบตะโกนเรียกเมื่อเขาเห็นถงเฉียนจุ้น
จริงๆแล้วเขาเคยพบกับถงเฉียนจุ้นเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ในครั้งนี้เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อตีสนิทกับถงเฉียนจุ้น
ถงเฉียนจุ้นพยักหน้าและมองไปที่ลูกชายของเขาอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาหันไปมองเหลาหยูและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เพราะในเวลานั้นทั้งเหลาหยูและและถงเฉียนอยู่ในห้องเดียวกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เหลาหยูก็น่าจะรู้
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันตอนนั้นพวกเราสองคนกำลังคุยกันอยู่กับนายน้อยถงในห้องส่วนตัวและก็มีคนๆ หนึ่งเข้ามา แต่พวกเราไม่ได้สนใจเขาเลยในตอนนั้น ใครจะไปรู้ว่าพอเขาเข้ามาเขาก็ปิดไฟแล้วหลังจากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาก็เริ่มทำร้ายพวกเราเลย เขาบอกว่าเขารู้ดีว่าพวกเราเป็นใครแล้วเขาก็ฟาดพวกเราเสียสลบไปเลย
เหลาหยูรีบเล่าทุกอย่างที่เขารู้เพราะว่าเขานั้นสลบไปก่อนถงเฉียน เขาจึงไม่รู้เรื่องหลังจากนั้น
“ปัง!”ถงเฉียนจุ้นทุบเข้าที่กรงเหล็กที่กั้นเตียงผู้ป่วยอย่างแรง และกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “ดี ดีมาก มันรู้ดีว่านั่นคือลูกชายของถงเฉียนจุ้น และยังกล้าที่จะทำร้ายเขาอีก มันช่างกล้านัก!”
อย่างไรก็ตามโชคก็ไม่ได้เข้าข้างถงเฉียนมากนัก เพราะท้ายที่สุดคนที่คอยหาเรื่องกับเขาตลอดเวลานี้ก็คือถงเฉียนคนนี้ และคนอื่นๆ ก็ทำตามคำสั่งเขาเพียงเท่านั้น ดังนั้นหวงเฟิงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
“พ่อครับพ่อ?!” “พ่ออยู่ที่นี่แล้ว พ่อต้องแก้แค้นให้ผมนะ ผมจะฆ่าไอ้นั่น!” ในเวลานี้ถงเฉียนได้ฟื้นขึ้นมาและเมื่อเขาเห็นพ่อของเขาอยู่ข้างๆ เตียงคนป่วยของเขา เขาก็ร้องไห้ออกมาในทันที
เขากำลังร้องไห้อย่างจริงจังและใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“ลูกตื่นแล้วสินะรู้สึกยังไงบ้าง?” ถงเฉียนจุ้นรีบก้าวไปข้างหน้าและถาม
”ผมเจ็บที่หน้าที่ท้องก็เจ็บ ที่ขาก็เจ็บเหมือนกันทั้งหมดเป็นเพราะไอ้นั่นมันตีผมไม่หยุดเลย ทั้งๆ ที่ผมก็ร้องขอความเมตตา แต่มันก็ยังตีผม พ่อ พ่อต้องล้างแค้นให้ผมนะ ผมจะฆ่ามัน! ” ถงเฉียนร้องไห้ขณะที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นมาก
“ไม่ต้องห่วงนะแด๊ดดี้จะล้างแค้นให้แกอย่างแน่นอน ไม่ว่าไอ้คนนั้นมันจะเป็นใคร แด๊ดดี้จะฆ่ามันอย่างแน่นอน!” อย่างไรก็ตามในตอนนี้อารมณ์ของถงเฉียนนั้นปั่นป่วนมาก
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถบอกให้เขารู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
มิฉะนั้นถ้าเขารู้ว่าอาจกลายเป็นคนพิการเขาอาจจะร้อนรนมากขึ้นกว่าเดิมและอาจจะสูญเสียการควบคุมตัวเองก็เป็นได้
“พ่อพ่อต้องฆ่ามันนะ ต้องฆ่ามัน!” ถงเฉียนยังคงกล่าวต่อและแม้กระทั่งในขณะนี้ก็ยังมีความกลัวปรากฎอยู่บนใบหน้าของเขา ประสบการณ์แบบนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาตลอดชีวิต
”ใช่พ่อรู้แล้ว” ถงเฉียนจุนปลอบโยนเขา: “แกรู้ไหมว่ามันเป็นใคร?”
”ฉันรู้!”ถงเฉียนกล่าวขณะที่เขากัดฟัน
”ใคร?!”ถงเฉียนจุ้นถามอย่างกังวล
”มันบอกว่าชื่อของมันคือ’พี่หลาง’ มันว่าพี่เปียวเป็นเพื่อนของมันและมันเกลียดฉันที่ส่งคนไปสั่งสอนพี่เปียว นั่นคือสาเหตุที่มันมาทำร้ายฉันและยังขู่ฉันอีกว่าถ้าฉันกล้าหาเรื่องเดือดร้อนอีก มันจะฆ่าฉัน! ” ถงเฉียนกล่าว
“พี่หลาง?”ถงเฉียนจุ้นรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับคนอย่างลุงหลี่ แต่เขาก็ไม่รู้เรื่องนั้นมากนัก
ดังนั้นเขามองไปที่ลุงหลี่ซึ่งเขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามลุงหลี่เองก็ขมวดคิ้วเขาไม่รู้ว่า “พี่หลาง” คือใคร
ฉันคิดว่าฉันไม่เคยได้ยินชื่อเขานะแต่เมื่อคิดดูแล้วว่าพี่เปียวเป็นเพียงแค่ขี้ข้าที่ไม่รู้อะไรเลย เพื่อนของเขาก็ไม่น่าจะยิ่งใหญ่ได้ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไม่เคยได้ยินชื่อเขา
”ดูแลเฉียนไว้นะฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม ถ้าฉันเจอตัวมัน ฉันจะไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ หรอก” ลุงหลี่กล่าวกับถงเฉียน
“ไม่ใช่แค่จะเอามันมาลงโทษนะแต่ฉันต้องการให้ฆ่ามันซะ!” เมื่อมองเห็นสภาพที่น่าสังเวชของลูกชายแล้ว ถงเฉียนจุ้นก็ตัดสินใจแล้ว ว่าแค่สั่งสอนก็คงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสงบลงได้
เขาจึงต้องการที่จะฆ่ามันเสียและแก้แค้นให้กับลูกชายของเขา
“ใช่ลุงหลี่ฉันต้องการให้มันตาย!” ถงเฉียนเห็นด้วย
ในทางกลับกันหลังจากที่ลุงหลี่ได้ยินคำพูดของสองคนพ่อลูกแล้ว เขาก็ขมวดคิ้ว ถงเฉียนจุ้นไม่ยุ่งอีกต่อไปและอาจไม่รู้ แต่ในแง่นี้การจัดการสถานการณ์นั้นตึงเครียดมาก
”ตราบใดที่พี่ลงมือทำอะไรสักอย่างให้เรียบร้อยดีแต่ถ้ามีปัญหาฉันจะช่วยพี่จัดการเอง” ถงเฉียนจุ้นสังเกตเห็นความลังเลของลุงหลี่ได้และไม่พอใจเล็กน้อย เพราะอย่างไรก็ตามเขาก็ยังรับปากที่จะช่วยแก้ปัญหา
”ได้เลยฉันจะส่งคนไปตรวจสอบดู” ลุงหลี่กล่าว ตั้งแต่ถงเฉียนจุ้นปรากฏตัวขึ้นมาก็มีแต่เรื่องที่ยุ่งยากให้เขาจัดการ
“และสำหรับพี่เปียวนั่นฉันอยากให้มันตาย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมัน ไอ้บ้าพี่หลางก็คงจะไม่มาทำร้ายฉัน” ถงเฉียนกล่าวเสียงดัง
“แน่นอน!”ในเมื่อเขาตกลงเรื่องหนึ่งแล้ว เขาก็ยังไม่วายที่จะเพิ่มงานให้อีกงาน
หลังจากนั้นลุงหลี่ก็ออกไปขณะที่ฟังเสียงสนทนา ถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเรื่องราวของตระกูลถงว่าไม่ค่อยใสสะอาดนักและถงเฉียนจุ้นก็มีหลากหลายวิธีที่จะไม่ให้คนอื่นได้รู้ได้เห็นแต่ในตอนนี้เขาได้ยินเองกับหู เหลาหยูก็ถึงกับช๊อค
ในฐานะคนรวยรุ่นที่สองถ้าพวกเขาจะรังแกคนธรรมดา อย่างมากพวกเขาก็จะส่งคนไปทำร้ายศัตรู แต่จะไม่ถึงกับฆ่าพวกเขา
เพราะว่าถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปพวกเขาก็คงจะไม่กล้าทำเช่นนั้น แต่เมื่อมองดูท่าทางของถงเฉียนจุ้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยและบางทีอาจจะเคยทำเช่นนี้มาก่อน
และในเวลานี้ถงเฉียนจุ้นก็เพิ่งจะนึกได้ว่านอกจากลูกชายของเขาแล้วก็ยังมีคนอื่นอยู่ในหอผู้ป่วยเดียวกันอีก
เขาจึงหันไปมองเหลาหยูและสายตาที่มองมานั้นก็ทำให้เหลาหยูตกใจจึงรีบพูดขึ้นว่า “ผมจะไม่ปริปากออกไปหรอกนะ ผมเองก็โดนทำร้ายปางตายเหมือนกัน ผมก็อยากจะให้มันตายเหมือนกัน!”
ถงเฉียนจุ้นมองเขาอยู่นานก่อนที่จะหันหลังกลับไป เหลาอยูที่อยู่อีกด้านได้แต่ลอบถอนหายใจ เขากลัวจริงๆ ว่าถงเฉียนจุ้นจะฆ่าเพื่อปิดปากเขา ดูเหมือนว่าตระกูลถงนั้นจะตีสนิทด้วยยาก
ในอนาคตมันคงจะดีกว่าถ้าเขาจะรักษาระยะห่างกับถงเฉียน มิเช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาจะถูกฆ่าหรือเปล่า