กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 163-164
บทที่ 163 น้องสาวและน้องชายของฉัน
“ซุยฮัวซุยฮัวอะไรกัน ฉันไม่รู้ว่าแกพูดเรื่องอะไร” ชายคนนั้นกล่าวกับฮวงเฟิง
“น้องสาวของฉันไงซุยฮัว ทำงานที่โรงงานนั้น น้องสาวฉันบอกว่าแกกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอ” ฮวงเฟิงกล่าว
“พูดมั่วๆ!”ใครจะไปรู้จักน้องสาวแก? แกรีบไปให้ไกลๆ ตีนพวกฉันจะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นก็อย่างหาว่าพวกฉันไม่เตือน” ชายคนนั้นรำคาญฮวงเฟิงและโบกมือไล่ฮวงเฟิง
”ไม่ฉันสัญญากับน้องสาวของฉันแล้วว่าฉันจะมาสั่งสอนแก” ชายคนๆ นั้นส่ายหัวและกล่าวว่า
”อย่าบอกนะว่าแกน่ะโง่? ใครจะไปรู้จักน้องสาวแกได้? แล้วแกคิดว่าจะมาสั่งสอนคนอย่างฉันได้งั้นเหรอ?” คนๆ นั้นมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนงี่เง่า
คนอื่นๆก็พากันหัวเราะเมื่อมองไปที่เขา บางคนถึงกับแซวว่า “พวกเราแซวคนไปตั้งเยอะแยะในช่วงสองสามวันมานี้ แล้วใครจะไปรู้ว่าคนไหนคือน้องสาวของแก บางทีคนที่ฉันจูบเมื่อวานอาจจะเป็นน้องสาวแกก็ได้นะ ผิวของเธอสวยจริงๆ ฮ่าๆ ”
”แกรังแกน้องสาวของฉันฉันจะจัดการแกซะ!” ชายคนนั้นพูดอย่างจริงจัง
”เพื่อนแกมันโว่ มาตีพวกเราสิถ้าแกกล้า”
”ปัง!”เมื่อเขาพูดจบใบหน้าของเขาก็ถูกตบและมีรอยฟกช้ำที่ตาขวาของเขา เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้นั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง
”แม่งเอ้ยไอ้โง่อย่างแกกล้าตบฉันจริงๆ งั้นเหรอ!” คนอื่นๆ ก็โมโหขึ้นมาทันที “ไป หักแขนขาไอ้คนนี้ซะ!”
”ฉันบอกแล้วว่าฉันจะจัดการพวกแกพวกแกไม่เชื่อฉันสินะ” ชายคนนั้นกล่าวเมื่อมองมาตรงๆ
ทันใดนั้นอันธพาลเหล่านี้ก็รู้สึกเหมือนกำลังจะบ้าคลั่งไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไงคนๆ นี้ก็ดูเหมือนคนโง่
พวกเขาไม่ได้ออกไปข้างนอกในวันนี้เพื่อรักษาประวัติเอาไว้แต่พวกเขากลับได้พบกับคนเช่นนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะอยู่คิดในใจแต่มือของพวกเขาก็ไม่ได้ลดความเร็วลงเลย ในขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าหาคนๆ นั้นอย่างรวดเร็ว
เดิมทีพวกเขาถูกเรียกให้ไปก่อกวนพนักงานของโรงงานและทักษะของพวกเขาก็มีอยู่อย่างจำกัด
พวกเขาสามารถเอาชนะคนธรรมดาที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยได้แต่คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาตอนนี้แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาที่แข็งแกร่งอยู่แล้วเสียอีก
พวกเขาเห็นชายคนนั้นล้มพวกอันธพาลเหล่านี้ด้วยการชกเพียงแค่สองสามครั้งและอีกฝ่ายก็ถูกจัดการเรียบร้อย
คนเหล่านั้นรู้ว่าวันนี้พวกเขาได้พบกับคนที่แข็งแกร่งพวกเขาต่างก็พากันนอนอยู่บนพื้นและมองดูเขาด้วยความหวาดกลัว
”แม่งเอ้ยทักษะของผู้จัดการช่างน่าทึ่งจริงๆ ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ?”
ไม่ห่างออกไปนักภายในห้องรักษาความปลอดภัยของโรงงาน หยางหวางกำลังมองผ่านทางหน้าต่างของห้องรักษาความปลอดภัยเพื่อดูการต่อสู้ที่มีชั้นเชิงต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาอดไม่ได้ที่จะชมจนไม่หยุดปาก
คนที่เพิ่งมาก็คือฮวงเฟิงนั่นเอง
ฮวงเฟิงได้กล่าวว่าเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนดังนั้นหยางกวางและคนอื่นๆ จึงไม่ออกไปข้างนอก
”ใช่ผู้จัดการดูไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าฉันสักเท่าไหร่แต่เขากลับต่อสู้ได้ดีขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่หัวหน้าทีมเหลาสู้เขาไม่ได้เมื่อวานนี้” คนที่อยู่ข้างๆ เองก็ยังพูดด้วยความประหลาดใจ
”นี่เรียกว่าปกปิดความแข็งแกร่ง ตอนที่ผู้จัดการมาทำงานที่บริษัทครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่าผู้จัดการแตกต่างจากคนอื่นๆ และนี่คือสิ่งที่เขาเรียกว่าอะไรนะ อ้อใช่ เขาซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้!”
”แกพูดจบแล้วใช่ไหมถ้าแกรู้ก่อนหน้านี้แล้วทำไมก่อนหน้านี้แกถึงได้เมินผู้จัดการล่ะ? แล้วตอนที่หลิวหงบอกให้แกปลดผู้จัดการทำไมแกถึงได้เห็นด้วยในทันทีล่ะ?”
”พอได้แล้วเลิกเถียงกันเถอะ มาดูกันว่าผู้จัดการจะสั่งสอนพวกน่ารำคาญพวกนั้นยังไง”
แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งมาถึงโรงงานแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าอันธพาลพวกนี้เจอกับปัญหาเข้าแล้ว
เดิมทีด้วยบุคลิกและความคิดของพวกเขาพวกเขาจึงไม่คิดที่จะปะทะกันเอง ตราบใดที่อันธพาลเหล่านี้ไม่ได้ออกไปก่อเรื่อง
ดังนั้นในเช้าวันนี้พวกเขาได้มีเรื่องขัดแย้งกับอันธพาลเหล่านั้นแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียอะไร
มีเพียงพวกอันธพาลเหล่านั้นที่ดื้อมากและเห็นได้ชัดว่าการอบรมเพียงอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ใดๆ
พวกเขาก็ยังคงรออยู่ด้านนอกโรงงานเพื่อรอให้พนักงานเลิกงานจากนั้นก็เริ่มก่อกวนพวกพนักงาน
เมื่อฮวงเฟิงถามพวกเขาในวันนี้พวกเขาจึงได้บอกความจริงกับเขา
เดิมทีพวกเขาคิดว่าฮวงเฟิงจะก่นด่าพวกเขาเพราะทำตัวไร้ประโยชน์แต่ฮวงเฟิงกลับไม่ทำเช่นนั้นและเลือกที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ในความเป็นจริงฮวงเฟิงไม่ได้คิดที่จะพึ่งพาคนเหล่านี้เพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
เขาให้คนเหล่านี้มาที่โรงงานเพื่อเสริมสร้างอำนาจของเขาเพื่อดูว่าใครจะกระโดดออกมาสร้างความเดือดร้อนให้เขาแล้วเขาก็จะสามารถใช้โอกาสนี้ได้
โดยผิวเผินแล้วพวกเขาได้ส่งคนมามากกว่า มิฉะนั้นหากอีกฝ่ายเห็นว่าพวกเขาถูกรังแกได้ง่ายๆ พวกเขาก็อาจจะไม่อยากมายุ่งอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการแก้ปัญหานี้จริงๆก็จะต้องดำเนินการด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นปรากฏตัวเช่นเดียวกับที่ฮวงเฟิงกำลังทำอยู่ในตอนนี้
“ฉันก็บอกนายไปแล้วไงว่าฉันเป็นพี่ชายของซุยฮัวถ้าแกแกล้งเธอฉันก็จะสั่งสอนแก” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เหล่าอันธพาลพวกนั้นไม่กล้าที่จะคิดว่าเขาพูดเล่น
“แกแกเป็นใครกันแน่?” มีบางคนที่ยังไม่เชื่อ
“ฉันเป็นพี่ชายของซุยฮัวฉันจะเตือนแกไว้ก่อนนะ ถ้าแกยังคงมาระรานน้องสาวฉันอีก ฉันจะหักขาแกซะ อ้อ ใช่ ฉันจะหักขาที่สามของแกด้วย โอเคไหม? ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำอีก งั้นฉันไปก่อนล่ะ” หลังจากที่ฮวงเฟิงพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความงุนงงสงสัยให้แก่คนพวกนั้น
“แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อไป?”มีใครบางคนถามออกม
“พวกเราจะยังรอพนักงานของโรงงานตอนที่พวกนั้นเลิกงานอีกไหม?”
“มีใครรู้จักน้องสาวของมันบ้างไหม?”พวกเราต้องทำไงถ้าเจอน้องสาวของมันอีกครั้ง?”
“จริงด้วย”
“งั้นพวกเราก็หยุดระรานคนพวกนี้ไว้ก่อน”
เพียงเท่านั้นหลังจากที่เขาพูดจบฮวงเฟิงที่เพิ่งจะกลับไปก็ได้กลับมาใหม่ พวกเขาต่างพากันตกใจและกล่าวว่า “อ้อ ใช่แล้ว ฉันยังมีน้องชายอีกคนที่ทำงานอยู่ในโรงงานั้น ถ้าพวกแกยังกล้าไปรบกวนเขา ฉันก็จะหักแขนหักขาแกเหมือนกัน เอาล่ะ คราวนี้ฉันจะไปจริงๆ แล้ว”
คนที่เหลือต่างพากันมองหน้ากัน
“ห่าเอ้ยไอ้นี่มันมาก่อกวนเราใช่ไหม? ไม่เห็นจะมีใครสักคนเลย
“ใช่มันต้องแกล้งเราแน่ๆ “
“ถ้ามันแกล้งแล้วไงล่ะ? พวกแกจัดการมันได้ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่ามันจะหาข้ออ้างเพื่อมาสั่งสอนพวกแก แต่พวกแกก็ไม่เห็นจะทำอะไรมันได้เลย
“จริงด้วยงั้นพวกเราควรจะทำยังไงดี?”
ทุกคนเริ่มที่จะหารือกันอีกครั้งแต่เมื่อพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็ให้หันไประวังยังทิศที่ฮวงเฟิงเดินไป และกลัวว่าเขาจะกลับมาอีกครั้ง
“แกคิดว่าเขาจะเป็นคนของโรงงานนั้นไหม?”บางคนกล่าว
“เพราะว่าพวกเราก่อกวนที่โรงงานนี้มาตั้งนานแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะไม่ตอบโต้อะไร”
“คงจะไม่ใช่นะ”บางคนส่ายศรีษะและกล่าวว่า “พวกนั้นก็ตอบโต้อยู่บ้าง แต่เจ้าคนนั้นไม่น่าจะใช่คนของโรงงาน ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็คงจะไม่กล้ามาสั่งสอนพวกเราในฐานะของพนักงานโรงงานหรอก”
“ก็น่าจะเป็นอย่างงั้น”ทุกคนพยักหน้า
บทที่ 164 ล่าถอย
คนเหล่านี้ดูเหมือนจะเห็นพ้องกันว่าฮวงเฟิงไม่น่าจะทำงานที่โรงงานนั้นเพราะว่าดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องหาข้ออ้าง และเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่คิดว่าฮวงเฟิงจะกล้าสร้างปัญหาให้กับบริษัท
ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อสั่งสอนบทเรียนให้แก่พวกนั้นโดยใช้บทบาทในฐานะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท
ถ้าเขาต้องการที่จะสั่งสอนพวกนั้นจริงๆเขาเกรงว่าคงจากออคิดบีนกรุ๊ปจะมาและรายงานเรื่องนี้
เพราะฉะนั้นฮวงเฟิงจึงได้ซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเขาและเผื่อว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็จะได้ไม่กระทบกับบริษัท
”ฉันคิดว่าตัวตนของผู้ชายคนนั้นก็เหมือนกับของเรา”ในตอนนี้มีคนที่คิดว่าเขาฉลาดกว่ากำลังวิเคราะห์สถานการณ์
เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาที่เขาเขาจึงพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ลองคิดดูสิ เนื่องจากคนที่อยู่เบื้องหลังเราสามารถชวนเรามาสร้างปัญหาได้ เจ้านายของโรงงานแห่งนี้ก็จะต้องหาคนที่คล้ายกับเรามาสั่งสอนพวกเรา อย่างที่พวกนายเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงงานก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากที่เจ้านายจะจ่ายเงินให้คนนอกมาจัดการ”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ?”
“พวกเราจะทำยังไงงั้นเหรอ?แน่นอนว่าพวกเรากำลังจะล่าถอยแต่ไม่ใช่ว่าพวกเราจะเอาชนะเขาไม่ได้ ถ้าเขากลับมาอีกแล้วพวกเรายังไม่หนีไป พวกนายอยากจะถูกทุบตีอีกหรือไง?” คนข้างๆ เขาพูดขึ้นทันที
”ใช่ตอนนั้นภารกิจที่พวกเรารับมาก็คือการก่อกวนพนักงานของที่นี่ แต่คนๆ นั้นไม่ใช่คนของพวกเรา และพวกเราก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่ความผิดของเราที่จะออกไปในตอนนี้ สิ่งที่แย่ที่สุดเราทำได้ ก็เพียงบอกพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่”
”ใช่ถูกต้องแล้ว แม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่ฉันจะยังอยู่ที่นี่ นี่ฉันคงไม่ได้สร้างปัญหาอยู่ใช่ไหม?”
กลุ่มคนเหล่านั้นคุยอยู่กันสักพักและในที่สุดก็พวกเขาตัดสินใจออกไป
ท้ายที่สุดฮวงเฟิงก็ได้ทำให้พวกเขาเกรงกลัวแล้ว
ในอีกด้านหนึ่งฮวงเฟิงไม่ได้หยุดการกระทำของเขา หลังจากที่ออกจากโรงงาน เขาก็ไปอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปซึ่งประกอบด้วยโรงงานทั้งหมดสามแห่ง
แน่นอนข้ออ้างที่เขากล่าวก็คือน้องสาวและน้องชายของเขาถูกรังแกไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อเขาหรือไม่ก็ไม่ใช่ธุระของพวกนั้น
และถ้าพวกเขาไม่เชื่อเขาเขาก็จะกลับไปจัดการพวกเขาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ดูซิว่าพวกเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหนกัน
หลังจากที่โดยฮวงเฟิงสั่งสอนแล้วพวกเขาก็เริ่มล่าถอยทีละคน ๆถ้า รปภ. ในโรงงานมามีเรื่องขัดแย้งกับพวกเขาก็ไม่ต้องกลัว เพราะอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นทำงานอย่างถูกต้องและเอาใจใส่
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตามสำหรับฮวงเฟิงนั้นแตกต่างออกไป ในใจของพวกเขาถึงแม้ว่าฮวงเฟิงนั้นจะมีตัวตนเช่นเดียวแต่การกระทำก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย
และยิ่งไปกว่านั้นพวกนั้นก็ไม่กล้าโทรแจ้งตำรวจอยู่แล้วเพราะทุกคนก็เหมือนกัน
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงต้องการที่จะล่าถอยไปโดยที่ไม่ถูกทำร้ายอีก
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องเลิกงานหยวนปิง ผู้จัดการทั่วไปของออคิดบีนกรุ๊ปก็ได้รับข้อความโดยบอกว่าอีกฝ่ายได้ส่งคนอย่างพวกเขามา และยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายก็เก่งกาจจนพวกเขาไม่สามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้ ถ้าหากจะให้พวกเขายืนหยัดต่อสู้โดยได้รับเงินค่าจ้างเพิ่มก็คงจะดี ยิ่งไปกว่านั้นต้องเป็นเงินจำนวนมากด้วย
ปัง!ผู้จัดการหยวนบิดมือและขว้างโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
เขาได้ประเมินเด็กหญิงสาวสองคนนั้นต่ำไปมาก
ก่อนหน้านี้ถ้าพวกเขาใช้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโรงงานเพื่อต่อสู้กับพวกเขาเขาก็คงจะไม่กลัว
แต่ตอนนี้เขาต้องจ้างคนจากข้างด้วยนอกจากนี้พวกเขาดูเหมือนจะเก่งกาจมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากนี้คนที่เขาเรียกมาก็โลภมากเกินไปพวกเขาสามารถเพิ่มเงินให้ได้ แต่ไม่สามารถเพิ่มให้ได้มากนัก
นอกจากนี้เขาสามารถที่จะเพิ่มเงินให้กับข้อตกลงได้แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองในการจัดการกับอีกฝ่าย
ในท้ายที่สุดเขาสามารถตกลงกับพวกเขาได้แต่เขาก็ต้องสูญเสียเงินจำนวนมากเช่นกัน
”เราทำได้แค่ให้พวกเขาถอยก่อน”ผู้จัดการหยวนได้ตัดสินใจในใจแล้ว
เนื่องจากผู้คนจากเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปก็ถูกเรียกตัวมาจากที่เดียวกัน
พวกเขาก็คงจะพยายามอย่างเต็มที่อย่างแน่นอนและถ้าเขายังคงเป็นแบบนี้ต่อไปมันก็คงจะจบไม่สวยสักเท่าไร
หลังจากนั้นผู้จัดการหยวนก็โทรหาคนเหล่านั้นและบอกให้พวกเขาออกไป
สำหรับแผนการในอนาคตเขาจะเรียกพวกนั้นกลับมาในภายหลังอันที่จริงเขาได้ล้มเลิกแผนนี้ในใจไปแล้วในขณะที่อีกฝ่ายได้เตรียมการไว้แล้ว
ฮวงเฟิงนั้นกำลังอารมณ์ดีผ่านข้อความที่ส่งโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โรงงาน พวกอันธพาลได้ออกไปแล้ว
แต่พวกเขาไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้พวกนั้นจะกลับมาอีกหรือไม่
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงบอกให้พวกเขาอยู่ที่นั่นก่อนจนกว่าสิ่งต่างๆ จะปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
หยางกวางและคนอื่นๆจึงไม่กล้าคัดค้าน พวกเขาได้เห็นความสามารถของฮวงเฟิงแล้ว เขาเป็นคนที่เก่งกาจที่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ตอนนี้เขายังเป็นผู้จัดการของทุกคนและกุมชะตากรรมของทุกคนเอาไว้ในมือของเขาแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของเขา
เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานแล้วฮวงเฟิงจึงไม่ได้กลับเข้าไปทำงานแต่ตรงกลับบ้านเลย
แน่นอนว่าเขายังคงโทรหาซูหยูโม่และแจ้งเรื่องนี้
แต่ซูหยูโม่เองก็ไม่ได้ซักถามอะไรเพราะเธอได้มอบหมายเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับความปลอดภัยให้กับฮวงเฟิงแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้านฮวงเฟิงอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมเพราะเขาได้รับสมบัติอีกชิ้นจากกล่องจักรวาล
ถุงมือผ้าไหมปีศาจสุเมรุ:ทำจากวัสดุที่หายากหลายชนิด พวกมันมีความสามารถที่แข็งแกร่งในการยึดเกาะ ทั้งน้ำและไฟ ใบมีดและหอกไม่สามารถทำลายมันได้ และมีด้ายยาว 100 เมตรติดอยู่ด้วย พวกมันทนทาน แข็งแกร่งและไม่แตกหัก!
ฮวงเฟิงถือถุงมือสีขาวที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้เดิมที ฮวงเฟิงไม่ได้สังเกตเห็นเลยเนื่องจากถุงมือที่เขาใส่ก็เป็นสีขาวเช่นกัน และรูปแบบของถุงมือทั้งสองชุดก็คล้ายกัน
เพียงแค่นั้นเมื่อเขาหยิบทุกอย่างออกจากกล่องจักรวาลและได้รับถุงมือนี้มาความรู้สึกที่ได้จากการสัมผัสมันก็บอกเขาว่านี่ไม่ใช่ถุงมือที่เขาเคยมีมาก่อนและมันแตกต่างจากถุงมือที่เขาใส่อย่างชัดเจน
จากนั้นเขาก็มองไปที่ด้านบนของถุงมือและพบตัวอักษรเรียงเป็นแถวยิ่งไปกว่านั้นตามคำอธิบายเขารู้สึกว่าถุงมือนี้อาจเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
”คุณสมบัติการยึดเกาะงั้นเหรอ?”หมายถึงอะไรกันนะ?” ขณะที่ ฮวงเฟิงกำลังสวมถุงมือ เขาก็คิดในใจว่าสำหรับข้าวของทุกรายการที่เขาได้รับมา
ฮวงเฟิงจะต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงให้เร็วที่สุด