กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 191 -192
บทที่ 191 ตรวจสอบ
“พวกแกเอาตัวมันไปฉันอยากจะรู้ว่ามันเอาของไปซ่อนไว้ที่ไหน พวกแกจะใช้วิธีไหนก็ได้ จงทำให้มันเปิดปากออกมาให้ได้!” บูดาสสั่ง
ในเวลานี้เขาไม่มีความชื่นชมและความเคารพให้กับนีลเหมือนที่เคยทำในตอนต้นอีกต่อไป
และเขาก็ยิ่งไม่สนใจที่จะให้นีลเข้าไปทำงานในห้องทดลองของเขาเองด้วย
บอดี้การ์ดทั้งสองคนสาวเท้าเข้าไปหานีลนีลรู้สึกกลัวไปตลอดทั้งตัว เขาไม่รู้พวกนั้นว่าจะใช้วิธีใดในการจัดการกับเขา
แต่อย่างไรก็ตามเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์เพราะฉะนั้นเขาคงจะไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอน
”เจ้านายฉันถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าของสิ่งนั้นมันหายไปไหน เจ้านายปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไปที่ห้องทดลองอื่นเพื่อขโมยของมาให้คุณ” นีลคุกเข่าลงทันทีและกล่าวออกมา
”แกถูกเปิดโปงขนาดนี้แล้วแกยังคิดว่าจะมีห้องทดลองอื่นๆ ที่กล้ารับแกเข้าไปทำงานอีกงั้นเหรอ? หลังจากวันนี้ไปทั้งเมืองก็จะรู้เกี่ยวกับการกระทำของแก ไม่มีใครยอมรับไอ้หัวขโมยทีแอบกินของข้างในหรอก! “บูดาสไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เขาพูด “เพราะฉะนั้นฉันขอแนะนำให้แกเอาสิ่งประดิษฐ์นั้นมามอบให้ฉันซะดีๆ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้แกเข้าไปทำงานในห้องทดลองของฉันก็เป็นได้”
ก่อนหน้านี้เขาถูกขอให้มาในฐานะผู้รับผิดชอบห้องแล็บแต่ตอนนี้เขากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการที่จะปล่อยเขากลับไป ความแตกต่างมันช่างเห็นได้ชัดเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามนีลก็รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะไปถึงระดับนั้นได้เพราะเขาเองก็ไม่สามารถนำมันออกมาได้
“เจ้านายฉันไม่ได้เอาของสิ่งนั้นไปซ่อนจริงๆ นะ ฉันไม่ได้ทำ” นีลกล่าว
”แกอย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก!”เอาตัวมันไปสอบสวนเพิ่มเติม!” บูดาสคร้านที่จะคุยกับนีลอีกต่อไปและรู้สึกผิดหวังมาก
”เจ้านายฉันถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ ฉันไม่ได้เอาหนังสือเล่นนั้นไปซ่อนจริงๆ!” นีลถูกลากตัวออกไป แต่เขายังคงตะโกนถึงความอยุติธรรม
แต่บูดาสได้ตัดสินแล้วว่าเขาเป็นคนผิดดังนั้นคำพูดของเขาจึงไร้ประโยชน์
”ส่งคนไปที่ตระกูลชอว์ตันไปดูซิว่าพวกเขาได้ทำอะไรหายไปหรือเปล่า” หลังจากที่นีลถูกนำตัวออกมา บูดาสก็พูดกับคนที่ดูเหมือนพ่อบ้านของเขา เพราะเขาสงสัยว่านีลไม่ได้ขโมยอะไรติดตัวออกมาเลย
”ครับ!”ชายคนนั้นตอบก่อนที่จะเดินออกไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเพื่อไปเตรียมการ
สำหรับฮวงเฟิงและคนอื่นๆในที่สุดพวกเขาก็กลับมาถึงบริษัท
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปและส่วนใหญ่ก็เดินทางกลับบ้านในทันที
มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไปที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช่นเดียวกันกับฮวงเฟิง
ขณะที่ฮวงเฟิงเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ได้รับข้อความจากซูหยูโม่
“ตั้งใจพักผ่อนด้วยอย่าหักโหมเกินไป เดี๋ยวตอนบ่ายฝ่ายบุคคลจะไปเจรจากับคุณเรื่องสัญญาฉบับใหม่ ครั้งที่แล้วฉันสัญญากับคุณแล้วว่าฉันจะขึ้นเงินเดือนให้คุณ”
ฮวงเฟิงมองดูข้อความด้วยความสงสัยเล็กน้อยแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การขึ้นค่าจ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในตอนนี้ไม่ใช่หรือ?
แต่อย่างไรก็ตามนี่อาจจะเป็นไปตามกฎของบริษัท
ฮวงเฟิงจึงไม่ได้คิดอะไรมากนักมันต้องเป็นการดีอย่างแน่นอนถ้าเขาได้ขึ้นเงินเดือน
ซูหยูโม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงเรื่องตลกเสียมากกว่า
การขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้อาจเป็นเพราะเขาเลื่อนตำแหน่งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดามาเป็นผู้จัดการ
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่นานนักแต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้คิดที่จะไปไหน
ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้านการเซ็นสัญญาฉบับใหม่และยังยินดีเสียด้วยซ้ำ
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเมิ่งเจียวซึ่งแยกตัวจากซูหยูโม่เพื่อไปหา จางหยุน ซึ่งจะไปเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในตอนบ่ายและได้กระซิบกับเธอ
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยเมิ่งเจียวถึงทำเช่นนี้แต่เพราะว่าเซี่ยเมิ่งเจียวเป็นเจ้านายของเธอ เธอจึงไม่อาจที่จะถามเรื่องนี้มากเกินไป
เนื่องจากเขาต้องรอเซ็นสัญญาฉบับใหม่ฮวงเฟิงจึงไม่ได้ออกไปทันทีหลังจากทานอาหารเสร็จ แต่รออยู่ในห้องทำงาน
เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคล จางหยุนเรียกให้เขาไปพบ
“ถ้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปเลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอ ได้แต่งงานกับไป๋ฟู่เหม่ย พี่ชายคนนี้มาถึงจุดสุดยอดในชีวิตอย่างแน่นอนแล้วล่ะ” ฮวงเฟิงคิดอย่างภาคภูมิใจในใจ
”ผู้จัดการฮวงคุณมาแล้วเหรอ ดูนี่สิ นี่เป็นสัญญาฉบับใหม่ที่ บริษัทได้เตรียมไว้ให้ ถ้าหากคุณไม่มีปัญหาอะไรคุณสามารถเซ็นชื่อของคุณได้เลย” จางหยุนสุภาพกับฮวงเฟิงเหมือนเคย
และเมื่อเธอเห็นว่าฮวงเฟิงมาถึงเธอก็เริ่มด้วยการต้อนรับเขา เพียงแต่การแสดงออกในสายตาของเธอขณะที่มองไปยังฮวงเฟิงนั้นดูแปลกไปเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็ไม่ได้สังเกตเห็น
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะรู้ว่าสัญญาฉบับใหม่นี้เป็นของเขาและบริษัทก็คงจะไม่โกหกเขา
แต่ฮวงเฟิงก็ยังคงมองมันแน่นอนว่าเขามองไปที่เงินเดือนของตัวเองในอนาคตเป็นหลักและตระหนักว่าเงินเดือนของเขานั้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
มันมากกว่าเงินเดือนปัจจุบันของเขาถึงสามเท่าและมันก็มากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ
“ซูหยูโม่นี่ช่างเอาใจใส่ฉันเสียจริง”ฮวงเฟิงคิด แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
ถึงแม้ว่าเงินเดือนของเขาจะสูงไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้สูงมากจนเกินไป
ส่วนด้านอื่นๆเขาดูเพียงคร่าวๆ แล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
หลังจากนั้นเขาก็เซ็นสัญญาอย่างมีความสุขและส่งต่อให้จางหยุน
เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงเซ็นชื่อของเขาอย่างมีความสุขสีหน้าของจางหยุนก็ดูแปลกขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
”เอาล่ะผู้จัดการฮวงหากไม่มีคำถามอะไรแล้ว คุณออกไปเลยก็ได้ สัญญานี้จะมีผลเมื่อผู้จัดการทั่วไปลงนามแล้ว” จางหยุนกล่าว
อย่างไรก็ตามจางหยุนกำลังพูดถึงผู้จัดการทั่วไปที่ไม่ใช่รองผู้จัดการทั่วไป
ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เซี่ยเมิ่งเจียวลงนามในสัญญาไม่ใช่ซูหยูโม่เป็นคนลงนามเพียงแต่ว่าฮวงเฟิงไม่ได้ยินเท่านั้นเอง
”ถ้าไม่มีอะไรแล้วหัวหน้า ฉันขอตัวก่อนนะ” ฮวงเฟิงยืนขึ้นและกล่าว
จางหยุนส่งฮวงเฟิงออกไปและไม่นานหลังจากนั้นร่างของเซี่ยเมิ่งเจียวก็ปรากฏขึ้น
”เป็นอย่างไรบ้าง?เขาเซ็นชื่อไหม?” เซี่ยเมิ่งเจียวถามอย่างกังวล
”เซ็นสิค่ะ”จางหยุนกล่าว หลังจากนั้นเธอก็พาเซี่ยเมิ่งเจียวเข้าไปในห้องทำงานและเอาสัญญาให้เธอ
เมื่อเซี่ยเมิ่งเจียวเห็นชื่อของฮวงเฟิงใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มราวกับว่าเธอประสบความสำเร็จในการสมรู้ร่วมคิดยี้และพูดกับตัวเองว่า: “มาดูกันว่านายจะหนีจากเงื้อมือของฉันได้อย่างไร”
หลังจากนั้นเธอก็หันกลับมาและพูดกับจางหยุนที่อยู่ด้านข้างว่า:”คุณเตรียมของที่ฉันขอให้คุณเตรียมเสร็จหรือยัง?”
”ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว”จางหยุนหยิบสัญญาอีกฉบับจากลิ้นชักออกมาและแสดงให้เซี่ยเมิ่งเจียวดู
เซี่ยเมิ่งเจียวรับสัญญานั้นมาจากนั้นเธอก็หยิบกระดาษที่ฮวงเฟิงได้เซ็นชื่อของตัวเองออกมาและวางลงในสัญญาที่เธอเพิ่งได้รับมา
สัญญาทั้งสองฉบับทำขึ้นโดยเฉพาะตามคำแนะนำของเซี่ยเมิ่งเจียว ดังนั้นจึงสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างราบรื่นและไม่มีอะไรแปลกไปเลย
บทที่ 192 เซ็นสัญญาใหม่
”ผู้อำนวยการเซี่ยนี่มันไม่แย่ไปหน่อยเหรอ?” จางหยุนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงเบา
“อะไรคือไม่ดีล่ะ?ฉันคิดว่านี่มันเยี่ยมมากเลย” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวอย่างเรียบๆ ขณะที่ถือสัญญานั้นเอาไว้
จางหยุนเม้มริมฝีปากและไม่ได้พูดอะไร
เธอไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเซี่ยเมิ่งเจียวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่เมื่อเธอนำเอาสัญญาอีกฉบับออกมานั้นค่าจ้างนั้นไม่ได้แตกต่างแต่ระยะเวลาในสัญญาและค่าชดเชยนั้นอยู่ในวงจำกัด
ฮวงเฟิงเองนั้นก็สะเพร่าและไม่ได้ลงชื่อของเขากำกับไว้ตรงรอยต่อ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะลงชื่อเอาไว้มันก็คงจะไม่ได้มีผลอะไรมากนัก
ในเมื่อเซี่ยเมิ่งเจียวนั้นต้องการให้เขาอยู่ที่บริษัทนี้ไปตลอดกาล
“เป็นไปได้ไหมว่าผู้อำนวยการเซี่ยจะมีอะไรพิเศษกับฮวงเฟิงและไม่อยากปล่อยเขาไป?” จางหยุนคิด แต่เมื่อมองดูสีหน้าในตอนนี้ของเซี่ยเมิ่งเจียว เธอก็รู้สึกว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้
“เอาล่ะงั้นเอาสัญญานี้ไปเก็บเข้าแฟ้มได้แล้ว” เซี่ยเมิ่งเจียวลงนามที่ด้านหลังของสัญญาและจากนั้นก็ส่งให้กับจางหยุน
จางหยุนรับสัญญานั้นไว้เธอเก็บเข้าแฟ้มและกำลังจะออกไป แต่ก่อนที่เธอจะออกไป เธอก็พลันนึกอะไรขึ้นมาได้
“อ้อใช่แล้ว เรื่องที่แก้ไขสัญญาอย่าให้พี่หยูโม่รู้เรื่องนี้นะ เข้าใจไหม? แน่นอนว่าฉันเองก็จะไม่บอกคนอื่นเหมือนกัน”
“เข้าใจค่ะผู้อำนวยการเซี่ย” จางหยุนกล่าว เรื่องนี้จะต้องไม่แพร่งพรายให้คนนอกได้รู้
เซี่ยเมิ่งเจียวพยักหน้าด้วยความพอใจเพราะว่าฮวงเฟิงนั้นเป็นคนที่พี่หยูโม่ของเธอนั้นให้ความสำคัญ และเธอก็คงจะไม่พอใจนักถ้าเธอกลายเป็นคนที่หลอกลวงฮวงเฟิงเสียเอง
ฮวงเฟิงไม่รู้ว่าเขาได้ถูกจัดฉากโดยใครบางคนและกำลังรอคอยการแก้แค้นนั้น
เมื่อออกจากบริษัทฮวงเฟิงก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที
แต่เขากลับไปที่ร้านขายเครื่องประดับที่เขาไปเมื่อครั้งที่แล้วและเขามีอะไรจะต้องทำ
ฮวงเฟิงไปที่ร้านจิวเวลรี่วันศุกร์อีกครั้งทองคำเป็นไหเขาได้มาจากที่นี่ มิฉะนั้นแล้วเขาก็คงจะไม่มีเงินที่จะย้ายบ้านหรือแม้แต่จะเช่าก็ตามที
“ยินดีต้อนรับ!”พนักงานต้อนรับยังคงกระตือรือร้นเช่นเคย
ฮวงเฟิงพยักหน้าจากนั้นก็กล่าวว่า“ฉันมาพบผู้จัดการหลิว ฉันได้นัดเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว ฉันชื่อว่าฮวงเฟิง”
“อ้อคุณฮวงเฟิงนั่นเอง ผู้จัดการหลิวสั่งไว้ว่าถ้าคุณมาถึงแล้ว เขาต้องการให้ฉันพาคุณไปที่ออฟฟิศของเขาค่ะ” เห็นได้ชัดว่าพนักงานต้อนรับสาวได้รับคำสั่งจากผู้จัดการหลิวเต๋อเหมาแล้วและเพียงแค่ได้ยินชื่อของฮวงเฟิง เธอก็รีบกล่าวออกมา
ฮวงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า“งั้นผมต้องรบกวนให้คุณนำทางไปแล้วล่ะ” ความจริงแล้วฮวงเฟิงเคยไปที่ออฟฟิศของหลิวเต๋อเหมามาก่อน และรู้ว่าออฟฟิศของเขาอยู่ที่ไหน
แต่อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าคนอื่นคงจะไม่อนุญาตให้เขาบุกเข้าไปข้างในดังนั้นเขาจึงต้องมีคนนำไป
ที่ด้านในของออฟฟิศของหลิวเต๋อเหมาฮวงเฟิงก็ได้พบกับผู้จัดการอีกครั้ง
“คุณฮวงคุณมาแล้ว” เมื่อเห็นฮวงเฟิง หลิวเต๋อเหมาก็กล่าวอย่างกระตือรือร้น
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าฮวงเฟิงไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะซื้อหรือขายอะไรแต่หลิวเต๋อเหมาก็ยังคงกระตือรือร้นกับฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงคิดว่าเป็นไปตามที่คาดไว้ว่าการปฏิบัติเช่นนี้ช่างทำให้รู้สึกสบายใจเสียจริงๆ
“ผู้จัดการหลิวผมมาในวันนี้เพื่อที่จะมาเอาของบางอย่าง” ฮวงเฟิงกล่าว
“ผมได้เตรียมของเอาไว้ให้คุณแล้วรอให้คุณมารับ” หลิวเต๋อเหมากล่าว
จากนั้นก็ผลักกล่องอัญมณีไปให้ฮวงเฟิงและกล่าวว่า“เป็นไงบ้าง?”
ฮวงเฟิงรับกล่องนั้นมาและเปิดออก
ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนักมันคือจี้ไข่มุกราตรีที่อยู่ข้างในกล่องนั้น และไข่มุกราตรีนี้ก็เป็นชิ้นที่ฮวงเฟิงได้ทิ้งไว้ก่อนหน้านี้
เขามีทั้งหมดสองเม็ดเม็ดหนึ่งได้ขายไปแล้วและอีกเม็ดหนึ่งก็ทิ้งไว้ที่นี่
หลังจากที่ฮวงเฟิงหยิบจี้ออกมามันก็ยิ่งดูสวยงามมากกว่าเดิม หลังจากที่มันได้รับการตกแต่งโดยร้านอัญมณีนั้น
มีเครื่องประดับอยู่รอบๆไข่มุกราตรีเม็ดนั้นและหลังจากนั้นก็มีเพชรที่แตกออกมาอีกเล็กน้อย
”ฉันพอใจกับจี้นี้มาก”หลังจากมองดูสักพักฮวงเฟิงก็เก็บจี้
ร้านจิวเวลรี่ไฟร์เดย์นี้เป็นแบรนด์เก่าแก่และทักษะของช่างฝีมือก็ไม่เลวเลยทีเดียวมิฉะนั้นแล้วฮวงเฟิงก็คงไม่คิดที่จะเอาไข่มุกราตรีมาทำที่นี่
“ตราบใดที่คุณฮวงพอใจ”จริงๆ แล้วเขาไม่ได้กลัวว่าฮวงเฟิงจะไม่พอใจตั้งแต่เริ่มต้น เพราะมั่นใจในฝีมือของร้านเขามาก
“ราคาเท่าไหร่ครับ?เดี๋ยวผมจะโอนเงินให้” ฮวงเฟิงกล่าว
อย่างไรก็ตามผู้จัดการหลิวโบกมือและกล่าวว่า:”มันไม่มากนักหรอก เราจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ กับคุณฮวงในครั้งนี้ เพียงแค่ปฏิบัติต่อกันเหมือนสหายก็พอ ในอนาคตหากคุณฮวงมีธุระอะไร ขอให้นึกถึงพวกเรา”
“ผมจะรับเอาไว้อย่างไรกัน”ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่ได้สนิทสนมกับหลิวเต๋อเหมาสักเท่าไหร่ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดว่าจะไม่จ่ายเงินเขา
“ไม่เป็นไรจริงๆมันไม่ใช่เงินมากมายอะไร” หลิวเต๋อเหมากล่าว
ถ้าหากว่าพวกเขาสับเปลี่ยนไข่มุกเรืองแสงเมื่อครั้งที่แล้วพวกเขาก็คงจะทำเงินได้มากมาย
ดังนั้นพวกเขาไม่สนใจเงินจำนวนเล็กน้อยที่ฮวงเฟิงได้รับจากการทำจี้
เมื่อเห็นว่าหลิวเต๋อเหมายังคงยืนยันหนักแน่นฮวงเฟิงจึงไม่ได้ขอจ่ายเงินเพิ่มอีกต่อไป
แต่ในใจของเขานั้นเขาก็ระลึกไว้ว่าหลิวเต๋อเหมาเป็นบุคคลหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สนิทกันมากนัก
แต่การทำธุรกิจกับบุคคลเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากว่าเขาสามารถหาเครื่องประดับจากห้วงอวการอื่นๆ ได้อีกในอนาคตก็เป็นความคิดที่ดีที่เขาจะเอามาให้เขาคนนี้
ในความเป็นจริงหลิวเต๋อเหมาเองก็ไม่ได้มีคาดหวังอะไรกับฮวงเฟิงมากนัก
เขาเป็นคนสุภาพและไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เครื่องประดับดีๆจาก ฮวงเฟิง และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มา
หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันอย่างไม่เป็นทางการอยู่สักพักฮวงเฟิงก็จากไป
ในฐานะผู้จัดการของที่นี่หลิวเต๋อเหมายังคงมีหลายสิ่งที่ต้องทำในทุกๆ วัน ดังนั้นจึงไม่เป็นการดีนักหากจะรบกวนเขานานเกินไป
หลังจากที่ออกจากร้านขายเครื่องประดับแล้วฮวงเฟิงก็ได้วางจี้กลับเข้าไปในกล่องจักรวาล
จี้นี้เป็นของที่เขาเตรียมที่จะมอบให้กับซูหยูโม่
ก่อนหน้านี้เขายอมรับเสื้อผ้าและนาฬิกาที่เธอมอบให้เขา
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มอบให้เขาแต่มันก็มีมูลค่ามากและทั้งหมดก็เป็นของใหม่
ฮวงเฟิงไม่ได้ตอบแทนเธอมากนักแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมื่อเขามาขายไข่มุกราตรีจู่ๆ เขาก็คิดที่จะมอบเม็ดที่เหลือให้แก่เธอ
แม้ว่าไข่มุกราตรีนี้จะสามารถขายได้เป็นเงินจำนวนมาก
แต่ไข่มุกราตรีเม็ดนี้เป็นของขวัญให้แก่ซูหยูโม่
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่ฮวงเฟิงคิดในความเป็นจริงเขาก็ยังเป็นคนจนอยู่วันยังค่ำ