กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 193-194
บทที่ 193 ชวนทานข้าว
หลังจากที่ออกมาจากร้านจิวเวลรี่แล้วฮวงเฟิงก็โทรศัพท์ไปหาซูหยูโม่
“นี่ซูหยูโม่ คืนนี้พอจะมีเวลาหรือเปล่าครับ?” เสียงโทรศัพท์ไม่ได้ดังนานนักก่อนที่จะมีคนรับสาย
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”ซูหยูโม่ถาม
“ผมอยากจะเลี้ยงข้าวคุณน่ะขอบคุณสำหรับข้าวของหลายอย่างที่คุณให้ผมมาเมื่อครั้งที่แล้ว” ฮวงเฟิงกล่าวตรงๆ
ใบหน้าของซูหยูโม่แดงระเรื่อขึ้นทันที“ของขวัญอะไรกัน ของพวกนั้นฉันเตรียมไว้ให้เพื่อนของฉันแต่เขาไปต่างประเทศ และฉันก็ไม่อยากจะทิ้งของพวกนั้นไป อย่าคิดมากอะไรเลยน่า”
“ผมไม่ได้คิดมากผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจซื้อของขวัญพิเศษอะไรให้ผม แต่สุดท้ายแล้วมันก็ตกเป็นของผมทั้งหมดแล้วไงล่ะ และผมได้ของจากคุณมาตั้งมากมายและตอนนี้ผมก็แค่อยากจะแสดงความขอบคุณด้วยการเลี้ยงอาหารคุณแค่นั้นเอง” ฮวงเฟิงกล่าว
จริงๆแล้ว เขาไม่เองก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อ้ออย่างนี้นี่เอง” ซูหยูโม่เองก็ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่เหมือนกัน เมื่อได้ยินว่าฮวงเฟิงกำลังจะเลี้ยงข้าวเธอ หัวใจของก็เธอก็ลิงโลดแต่เธอเองก็กลัวว่าเธอจะตอบตกลงเร็วเกินไป
“ให้โอกาสผมเถอะให้ผมได้ส่งส่วยให้เจ้านายอย่างเหมาะสมเถอะนะ” ฮวงเฟิงกล่าวพร้อมมีรอยยิ้ม
“ในเมื่อคุณมีความจริงใจขนาดนี้งั้นฉันก็คงต้องตกลงแล้วล่ะ” ซูหยูโม่กล่าวด้วยความยากลำบาก
“โอเคงั้นขอบคุณผู้อำนวยการซูสำหรับความกรุณา” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคนนั้นในตอนนี้เป็นมากกว่าคำว่าเพื่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่พวกเขาไม่ได้อยู่ระหว่างการทำงาน
เมื่อฮวงเฟิงเชิญซูหยูโม่มาทางอาหารค่ำซูหยูโม่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เขาไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ซูหยูโม่ตอบตกลงที่จะไปทานอาหารเพียงลำพังกับเพศตรงข้าม
ในอดีตนั้นมีคนมากมายมาเชิญเธอไปทานอาหารด้วยกันหรือแม้กระทั่งชวนไปดูหนัง แต่เธอก็ล้วนแต่ปฏิเสธไปทั้งหมด
“นี่มันคือการเดทใช่ไหมนะ?”ซูหยูโม่คิดอยู่เงียบๆ ในใจ
ยิ่งคิดหน้าเธอก็ยิ่งแดงมากขึ้น
เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูห้องทำงานอยู่ก็เปิดออกทำให้ซูหยูโม่ที่กำลังคิดมากอยู่นั้นถึงกับตกใจ และเมื่อเห็นคนที่เขามานั้นคือ เซี่ยเมิ่งเจียว เธอก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่เธอเคาะประตูไม่เป็นหรือยังไง เธอทำให้ฉันตกใจแทบตาย”
“ฉันก็เป็นแบบนี้ประจำเลยนะ?”แล้วมันมีอะไรน่ากลัวอย่างนั้นเหรอ? นี่กำลังฝันกลางวันอยู่สินะ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความสงสัย
ซูหยูโม่เองก็รู้สึกว่าแสดงเกินเรื่องไปหน่อยดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูด “เธอมาหาฉันทำไม?”
ก็เพราะว่าพวกเราเป็นเจ้าถิ่น
ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ค่อยชอบเธอสักเท่าไรแต่ถ้าพวกเราไม่เลี้ยงอาหารค่ำเธอในวันนี้บางทีเธออาจจะเอาพวกเราไปเม้าท์ว่าขี้เหนียวทีหลังก็ได้นะ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยเสียงเบา ขณะที่นั่งลง
จากนั้นซูหยูโม่ก็จำได้ว่าถังมู่ซิ่วเพิ่งจะมาถึงถึงแม้ว่าเธอและเซี่ยเมิ่งเจียวจะชอบพูดลับหลังกันทุกครั้งที่พบกัน แต่พวกเขาทั้งสองก็มีความสัมพันธ์กันมานานและได้เติบโตมาด้วยกัน ดังนั้นเมื่อถังมู่ซิ่วมาที่จังหวัดเจียง เซี่ยเมิ่งเจียวและตัวเธอเองก็จะ้ต้องเลี้ยงอาหารเธอสักมื้อเพื่อเป็นการต้อนรับ
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดย้อนไปว่าเธอเพิ่งจะรับปากฮวงเฟิงไปแล้วและเธอก็หมายมาดว่ามันคือการเดท ซูหยูโม่จึงไม่อยากจะไปทานข้าวกับถังมู่ซิ่วแล้ว
“เมิ่งเจียวคืนนี้ฉันมีธุระ ทำไมเธอไม่ไปทานกับมู่ซิ่วและขอโทษแทนฉันที พรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงเธออีกทีก็แล้วกันนะ” ซูหยูโม่กล่าว
“นี่เธอมีนัดทานอาหารค่ำแล้วงั้นเหรอ?”เซี่ยเมิ่งเจียวถาม
“ใช่”ซูหยูโม่ไม่ได้ปฏิเสธ
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย?” เซี่ยเมิ่งเจียวกลายเป็นสายสืบขึ้นมาทันที
ใครๆก็รู้ว่าปกติแล้วซูหยูโม่จะทานข้าวกับเธอ และเธอกก็ไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมใดๆ ภายในบริษัท
แม้ว่าจะมีการพบปะสังสรรค์บ้างแต่ก็ต้องมีคนจากแผนกประชาสัมพันธ์ไปด้วย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าการทานอาหารของซูหยูโม่ในครั้งนี้จะต้องเป็นแบบส่วนตัว
”ทำไมคุณถามแบบนี้ล่ะ?”ต่อหน้าเซี่ยเมิ่งเจียวเธอคิดว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่มาโดยตลอด ในเรื่องนี้เธอจึงรู้สึกอายเล็กน้อย
”อ้อ”เซี่ยเมิ่งเจียวเมื่อเห็นซูหยูโม่ทำท่าประหลาดใจ จึงได้อุทานออกมาว่า “ผู้ชายสินะ!”
“เธอนี่พูดมาจริงเชียวเป็นผู้ชาย โอเคไหม?” ซูหยูโม่กล่าว
“พี่หยูโม่ฉันไม่เคยเห็นเธอไปกินข้าวกับผู้ชายมาก่อน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?” เซี่ยเมิ่งเจียวนึกถึงช่วงเวลาสองสามวันที่เธออยู่กับซูหยูโม่ และเธอได้ยินชายคนหนึ่งเรียกเธอว่า “หยูโม่” ทางโทรศัพท์แล้วพี่หยูโม่ของเธอก็ไม่โกรธเสียด้วย
”อย่าคิดมากเลยช่วยขอโทษมู่ซิ่วแทนฉันด้วย” ซูหยูโม่กล่าว
”พี่หยูโม่บอกฉันมาสิว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง เขาหล่อไหม? เขาเป็นคนดีไหม?” ซูหยูโม่ไม่อยากพูด แต่เซี่ยเมิ่งเจียวอยากรู้อยากเห็นมาก
เดิมทีแล้วผู้หญิงมีเจตนาที่จะซุบซิบนินทาอยู่แล้วไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องนี้จะต้องเกิดกับพี่หยูโม่ของพวกเขาอย่างแน่นอน ซึ่งทำให้ เซี่ยเมิ่งเจียวสนใจมากยิ่งขึ้น
”อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่ะพวกเราเป็นแค่เพื่อนธรรมดา” ซูหยูโม่กล่าว
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าพวกเธอทั้งสองคนไม่ใช่เพื่อนธรรมดานี่นาพี่หยูโม่ นี่ถือว่าเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ใช่ไหม? ปกติแล้วเธอเป็นคนฉลาดมากเลยนะ ทำไมถึงรู้สึกช้าไปหน่อยกับเรื่องนี้ล่ะ? ” เซี่ยเมิ่งเจียวหัวเราะและพูดว่า: หญิงสาวในตำนานมีความรักด้วยไอคิวติดลบหรือเปล่านะ? ”
สีหน้าของซูหยูโม่ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เธอได้พูดผิดไปแล้วและตระหนักว่าในเรื่องนี้ปฏิกิริยาของเธอช้ามาก
ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรอีกต่อไปและไม่พูดอะไรไม่ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะถามอย่างไรก็ตาม
เมื่อเห็นว่าซูหยูโม่ไม่พูดอีกต่อไปเซี่ยเมิ่งเจียวจึงตัดสินใจที่จะไม่ถามอีกต่อไป
เซี่ยเมิ่งเจียวเองก็คงรู้อยู่แล้ว”พี่หยูโม่ ถ้าเธออยากพูดถึงแฟนจริงๆ เธอต้องให้ฉันเป็นคนแรกที่รู้นะ
”รับทราบ”ซูหยูโม่กล่าว นี่เป็นสิ่งที่ทั้งสองคนตกลงกัน แต่เธอยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอกเซี่ยเมิ่งเจียว
ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้ที่ชอบร่วมสนุกคงทำอะไรที่มันเกินขอบเขตแน่ๆ
เซี่ยเมิ่งเจียวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
”อ้อใช่ พี่หยูโม่พวกเราได้เซ็นสัญญากับฮวงเฟิงแล้ว เธอต้องการดูสัญญาไหม?”
แม้ว่าจะเป็นอย่างที่เธอพูดแต่เซี่ยเมิ่งเจียวเองก็ไม่ต้องการให้ซูหยูโม่เห็น
เพราะอย่างไรก็ตามฮวงเฟิงเป็นคนที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งดังนั้นเธอจึงต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
อยู่ๆเธอก็เอ่ยชื่อของฮวงเฟิงขึ้นมาซึ่งทำให้ซูหยูโม่ตกใจมาก
แต่เมื่อเห็นว่าเซี่ยเมิ่งเจียวไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติเธอจึงรู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ที่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น
”ฉันไม่ดูสัญญานั้นหรอกไม่เป็นไร ตราบใดที่มีการเซ็นสัญญา” เธอได้ตัดสินใจเกี่ยวกับรายละเอียดของสัญญาแล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องดูอีกในตอนนี้
”ใช่ตราบใดที่เซ็นสัญญา!” ซูหยูโม่ไม่ได้มองและเซี่ยเมิ่งเจียวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
บทที่ 194 ระบบบำบัดน้ำเสีย
”ระบบบำบัดน้ำเสีย:คู่มือนี้เปรียบได้กับศาสตราจารย์ หลังจากการวิจัยและการทดลองเป็นเวลาหลายปีก็ได้รับการรวมรวมชุดมาเป็นพิมพ์เขียวและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียตัวใหม่และมีมูลค่าเป็นพิเศษ”
หลังจากที่ฮวงเฟิงนัดทานอาหารเย็นกับซูหยูโม่แล้วเขาก็ตรงกลับบ้านไป
และเมื่อเขากลับมาถึงบ้านและเดินผ่านกล่องจักรวาลเขาก็ได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ
”อุปกรณ์บำบัดน้ำเสียงั้นเหรอ?”นั่นมันอะไรกัน?” ฮวงเฟิงพึมพำ
ขณะที่เขาพลิกดูหนังสือเล่มเล็กแม้ว่าจะพูดว่าเป็นหนังสือเล่มเล็ก แต่ความหนาของมันก็ไม่ได้บางนัก
ด้วยเหตุนี้ฮวงเฟิงจึงจำได้ว่าวิธีการที่เขาคัดลอกมาจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการตีเหล็กในฐานที่มั่นบนภูเขานั้นก็คัดลอกมาจากหนังสือเล่มเล็กที่บางกว่าหนังสือในมือของเขาเสียอีก
ความจริงสิ่งที่ฮวงเฟิงทำไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น
เขายังได้คัดลอกวิธีการทำเหล็กจากฐานที่มั่นรวมถึงสูตรง่ายๆ ในการชงไวน์ รวมถึงเครื่องฟอกอากาศและอื่นๆ เอาไว้อีกด้วย
ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่เขาสามารถหาได้บนเว็บไซต์เขาก็ได้คัดลอกมันมาแล้วหลายครั้ง
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น”เหยื่อล่อ” ของเขาและด้วยสิ่งเหล่านี้ เขาจะมีโอกาสแทนที่ของที่ดีกว่าในห้วงอวกาศอื่นๆ
แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนสิ่งของบางอย่างที่สามารถนำไปใช้กับสิ่งอื่นได้เช่นพลั่วที่เขาได้มาเมื่อครั้งล่าสุด
แต่วันนี้กล่องจักรวาลนี้ได้เอาของมาแทนที่ให้เขาด้วยสิ่งดีๆอย่างเห็นได้ชัด
และสิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือข้อความในหนังสือเล่มเล็กนั้นล้วนแต่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
แม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่สามารถจดจำมันได้ทั้งหมดแต่เขายังจำเนื้อหาบางส่วนได้ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าคำเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษ
แต่การประเมินของกล่องจักรวาลมันไม่ธรรมดาดังนั้นแม้ว่า ฮวงเฟิงจะไม่รู้จักข้อความทั้งหมด แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นของที่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าสิ่งที่เขาได้ใส่เอาไว้
ด้วยหนังสือเล่มนี้ฮวงเฟิงเริ่มคิดว่าเขาจะทำเงินได้อย่างไร
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายหนังสือเล่มเล็กนี้โดยเชื่อว่าเขาจะได้รับรายได้จำนวนมากจากหนังสือเล่มนี้
ถ้าเขาต้องการที่จะพึ่งพามันเพื่อสร้างรายได้มากมายเขาก็ต้องผลิตขึ้นมากและขายด้วยตัวเขาเอง
อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการผลิตและขายเองซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ก่อนอื่นเขาต้องมีเงินทุนมากพอที่จะเริ่มต้นธุรกิจจากนั้นเขาก็ต้องขายสินค้าที่เขาผลิตขึ้นเพื่อให้คนอื่นจดจำของๆ เขาได้
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ฮวงเฟิงยังไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีข้อกำหนดอะไรบ้าง แต่ถ้าข้อกำหนดนั้นสูงเกินไป เขาก็จะไม่มีความสามารถในการผลิตมันขึ้นมา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฮวงเฟิงจึงได้ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์แปลภาษาจากโทรศัพท์ของเขาเพื่อแปลภาษาอังกฤษทั้งหมด
แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับคำศัพท์เทคนิคบางคำและอาจไม่ได้รับการแปลอย่างถูกต้องแต่ฮวงเฟิงก็สามารถเข้าใจใจความสำคัญของมันได้
มันต้องเป็นสินค้าที่ดีอย่างแน่นอนปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมากในด้านอุตสาหกรรม
โรงงานหลายแห่งไม่ที่จะสามารถบำบัดน้ำเสียได้ดีและการระบายสิ่งปฏิกูลอย่างลับๆไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก
สาเหตุหลักมาจากราคาอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียที่สูงเกินไปโรงงานหลายแห่งไม่เต็มใจที่จะซื้อมันและพวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะใช้มัน
หากสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พูดเป็นความจริงมันจะเป็นการปฏิรูปครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมบำบัดน้ำเสีย
ต้นทุนการผลิตจะลดลงกระบวนการจะง่ายขึ้น และแม้แต่พื้นที่ใช้งานก็จะเล็กลง
ตราบใดที่พวกเขาสามารถผลิตอะไรแบบนี้ได้ก็จะมีคนมาซื้ออย่างไม่ขาดสาย
หลังจากที่เข้าใจเรื่องนี้แล้วฮวงเฟิงไม่ได้วางแผนที่จะขายให้คนอื่น ๆ
เขารู้ว่านี่คือไก่ที่สามารถออกไข่ได้และมันจะเป็นข้อเสียอย่างมากสำหรับเขาที่จะขายมันไปเสียแบบนี้
แม้ว่าข้อกำหนดสำหรับสายการผลิตจะไม่มากนักแต่ฮวงเฟิงต้องการเงินทุนเริ่มต้น
หากไม่มีเงินทุนเริ่มต้นทุกอย่างก็จะเสียเวลาเปล่า
และก่อนหน้านี้ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าเขาไม่ได้ขาดเงินแต่ตอนนี้ฮวงเฟิงก็ตระหนักว่าเขากำลังขาดเงินเป็นจำนวนมาก
ครั้งที่แล้วแม้ว่าเขาจะโอนเงินบางส่วนเพื่อขายไข่มุกราตรีแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาต้องคิดหาวิธีหาเงินเพิ่ม
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงนำสิ่งของทั้งหมดที่เขาได้รับจากกล่องจักรวาลออกมาและดูทีละชิ้นเพื่อดูว่าเขาจะขายอะไรได้บ้างเพื่อหารายได้เพิ่ม
เขาได้รับสิ่งดีๆมาจากกล่องจักรวาล แต่ขายเป็นเงินได้ไม่มากนัก เขาได้เตรียมที่จะมอบไข่มุกราตรีเม็ดที่เหลือให้กับซูหยูโม่แล้ว
และแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มอบมันให้แก่เธอแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ของสิ่งอื่นก็มีเพียงพระหยกเท่านั้นที่จะสามารถขายเป็นเงินได้และพระหยกก็มีประโยชน์มากในการฝึกตนของเขา
ฮวงเฟิงคงจะต้องรออีกสักหน่อยก่อนที่จะขายมัน
จากนั้นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือภาพวาดและฮวงเฟิงก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับภาพวาดมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าภาพวาดนี้ดีหรือไม่และเขาไม่มีทางตัดสินได้
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ฮวงเฟิงก็หยิบภาพวาดออกมาชิ้นเดียวจากนั้นก็ใส่สิ่งของอื่นๆ กลับลงในกล่องจักรวาล เขาเตรียมพร้อมที่จะหาโอกาสออกไปขายภาพวาดนี้
ถนนสวนตะวันตกเป็นถนนโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเจียง
แม้ว่าฮวงเฟิงจะไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนแต่ก็เคยได้ยินชื่อของมัน
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปพวกเขาได้ยินเสียงดังแว่วมาแล้ว
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปตามถนนนั้นพวกเขาก็เห็นแผงขายของมากมายเต็มสองฝั่งของถนน
แต่ฮวงเฟิงก็รู้ด้วยว่าข้าวของที่นำมาขายข้างนอกอาจจะไม่มีของดี
ที่ริมถนนมีหน้าร้านยาวตลอดสองแถว
หน้าร้านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ขายของเก่าและของโบราณ
แน่นอนว่ายังมีของปลอมอยู่ด้วยนี่คงเป็นการทดสอบสายตาของคนซื้อ
แน่นอนว่ามีทั้งของเก่าและของโบราณในร้านค้าเหล่านี้และตามธรรมชาติก็มีซื้อขายของเก่าและของโบราณด้วย
เป้าหมายของฮวงเฟิงก็คือการมาที่ร้านนี้
”เฮ้น้องชาย มาดูเครื่องลายครามสีฟ้าขาวของฉันสิ มันถูกขุดพบในสมัยของเฉียนหลงฮ่องเต้เลยนะ ดูสิ ยังมีคราบสกปรกอยู่บนผิวของมันอยู่เลย เพราะงั้นฉันถึงไม่มีโอกาสได้ทำความสะอาดมันเลย”
“เครื่องลายครามสีฟ้าขาวอะไรกันน้องชาย มาดูลูกปัดของฉันดีกว่า มันเป็นของเก่าของราชวงศ์ถังจริงๆ นะ”
“น้องชายมาดูของของฉันสิรับรองว่าเป็นของแท้แน่นอน”
ทันทีที่ฮวงเฟิงเดินเข้ามาเขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยพ่อค้าตาแหลมคม
คนขายของข้างทางมักจะมาตั้งแผงขายของที่นี่และคุ้นเคยกับผู้คนที่มาที่นี่บ่อยครั้ง
แต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ฮวงเฟิงได้มาที่นี่
นอกจากนี้เขาเองก็ยังดูเด็กมากและคนพวกนี้เก่งที่สุดในการเป็นหน้าม้าดังนั้นพวกเขาจึงจับตาดูฮวงเฟิง