กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 197-198
บทที่ 197 แต่งตัว
หลังจากที่ออกมาจาก“ศาลาสมบัติ” ฮวงเฟิงก็อารมณ์ดี จริงๆ แล้ว ภาพวาดนั้นสามารถขายได้ถึงห้าแสนหยวน ซึ่งเขาก็พอใจมากแล้ว เพราะว่าภาพวาดนั้นเป็นเพียงของสิ่งหนึ่งจากหลายๆ สิ่งที่เขามี
ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะได้เพียงห้าแสนหยวนเขาก็พอใจกับผลลัพธ์นี้มากแล้ว
เป็นเพราะเขาไม่คาดคิดว่าผู้เฒ่าชิวที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนจะมาช่วยเขาติดต่อกับโรงประมูลซึ่งนั่นทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกพอใจอย่างประหลาด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยไปที่โรงประมูลมาก่อนแต่เขาก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง
ปกติแล้วทันทีที่มีของออกมาประมูลราคาสุดท้ายที่จะถูกจ่ายจะสูงกว่าราคาเริ่มต้น ดังนั้นราคาของภาพวาดภาพนี้ที่ถูกตีราคาโดยผู้อาวุโสเฟิ่งที่ราคาห้าแสน ในที่สุดราคาก็น่าจะสูงกว่าที่ประมูลได้ถึงครึ่งล้านหยวน
สำหรับราคาจะจบที่เท่าไหร่นั้นฮวงเฟิงเองก็ไม่แน่ใจแต่ขึ้นอยู่กับว่ามีผู้เข้าร่วมการประมูลที่สนใจภาพวาดนี้หรือไม่ หรือบางทีก็อาจจะสนใจมากกว่านี้
หลังจากนั้นฮวงเฟิงได้เชิญชายชราทั้งสองมาร่วมรับประทานอาหารเพื่อแสดงความขอบคุณแต่ชายชราทั้งสองได้ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับคนทั้งสองคนมากนักดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดันอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงยังต้องการที่จะกระชับความสัมพันธ์ของเขากับทั้งคนสองคนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วด้วยกล่องจักรวาลเขาก็จะสามารถหาของที่คล้ายกันได้อีกมากมายในอนาคต
และด้วยการที่มีความสัมพันธ์กับที่ร้านขายของเก่ามันคงจะสะดวกกว่ามากสำหรับเขาที่จะขายของได้อีกในอนาคต
อย่างไรก็ตามการประมูลไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักแต่ก็เป็นโชคดีของเขาที่ทำให้เขาจะได้มีส่วนร่วมในการประมูลครั้งนี้
ดังนั้นฮวงเฟิงคงจะได้ติดต่อกับ”ศาลาสมบัติ” อีกไม่มากก็น้อยในอนาคตดังนั้นเขาจึงต้องรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้
หลังจากที่ออกมาจาก”ศาลาสมบัติ” ฮวงเฟิงก็มองดูเวลาและเห็นว่าเกือบจะสายแล้ว เขาจึงเตรียมพร้อมที่จะไปยังสถานที่ที่เขานัดไว้กับซูหยูโม่
ตอนนั้นซูหยูโม่ยังคงอยู่ในห้องของเธอเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับเสื้อผ้ากองโต
สำหรับมื้ออาหารของวันนี้เธอไม่รู้ว่าฮวงเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ซึ่งเธอก็ได้ให้ความสำคัญกับมันมากและถือว่ามันเป็นเดทแรกของเธอ
ดังนั้นเธอจึงต้องรอบคอบสักหน่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซูหยูโม่ไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าสวยๆมากนัก เพราะส่วนใหญ่แล้วเธอก็จะสวมใส่แค่เสื้อผ้ายูนิฟอร์มของบริษัท แต่สำหรับเซี่ยเมิ่งเจียวที่อยู่ห้องถัดไปนั้น เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากในด้านนี้
อย่างไรก็ตามถ้าเซี่ยเมิ่งเจียวรู้ว่าเธอกำลังเป็นกังวลเรื่องเสื้อผ้าที่จะใส่ไปทานอาหารค่ำในคืนนี้ เธอก็จะรู้ว่าซูหยูโม่กำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่เลือกแล้วเลือกอีกในที่สุดซูหยูโม่ก็เลือกชุดลูกเดรสสีขาวที่มีลูกไม้
หลังจากที่สวมใส่แล้วเธอก็ดูราวกับเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะเรียนจบใหม่ๆ โดยไม่มีร่องรอยให้เห็นเลยว่าเธอได้ผ่านการทำงานมานานหลายปีแล้ว
หลังจากนั้นซูหยู่โม่ก็นั่งลงที่หน้ากระจกอีกครั้งและเริ่มแต่งหน้า
เป็นเพราะว่าเธอได้เลือกสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ดังนั้นจึงต้องแต่งหน้าแค่เพียงบางๆ แต่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ดูสวยธรรมชาติเหมือนกับไม่ได้แต่งหน้า
“บ้าเอ้ยใกล้จะถึงเวลานัดแล้วนี่” หลังจากที่ซูหยูโม่แต่งหน้าเสร็จ เธอก็มองดูตัวเองในกระจกอีกครั้งและตระหนักได้ว่าจวนจะถึงเวลานัดแล้ว
เธอจึงรีบคว้ากระเป๋าและกำลังจะออกจากไป
ขณะที่ซูหยูโม่กำลังเดินออกจากห้อง
เซี่ยเมิ่งเจียวที่อยู่ห้องถัดไปก็บังเอิญเดินออกมาพอดีเมื่อเธอเห็นซูหยูโม่ เธอก็ถึงกับตกตะลึง
“พี่หยูโม่สวยจังเลยนะวันนี้ วู้ วู้ ทำไมฉันไม่ใช่ผู้ชายนะ? ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ฉันจะต้องแต่งงานกับพี่หยูโม่แน่นอนเลย” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“เธอน่ะเหรอ?บ้าบออีกแล้วนะ” ซูหยูโม่กล่าวขณะที่กำลังใส่รองเท้า
เซี่ยเมิ่งเจียวมองไปยังซูหยูโม่และกล่าวขึ้นมาทันที
“เฮ้พี่หยูโม่ ดูเหมือนว่าชุดพี่จะไม่ค่อยเข้ากันเลยนะเนี่ย”
“อ้องั้นเหรอ? ไม่ดีตรงไหนล่ะ? มีปัญหาอะไรเหรอ?” จริงๆ แล้วซูหยูโม่ใช้เวลาเลือกชุดที่จะใส่ในคืนนี้อยู่ตั้งครึ่งค่อนวันแต่เธอกลับไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก และยิ่งเซี่ยเมิ่งเจียวมาพูดแบบนี้อีกทำให้เธอยิ่งรู้สึกเคอะเขินมากขึ้นไปอีก
“ฮ่าฮ่าพี่หยูโม่ ฉันโกหกเล่นน่า คุณสวยสุดๆ ไปเลยนะวันนี้ ไม่ว่าคุณจะต้องไปเจอผู้ชายคนไหนคนๆ นั้นจะต้องจ้องคุณตาไม่กะพริบอย่างแน่นอน” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“พี่หยูโม่บอกฉันหน่อยสิ ว่าคืนนี้เธอมีนัดกับใคร? ฉันอยากรู้จริงๆ นะ ฉันไม่รู้เลยว่าใครกันนะที่มีเสน่ห์ถึงขนาดที่ทำให้พี่หยูโม่ของฉันสนใจได้ขนาดนี้ ฉันไม่เคยเห็นคุณไปเดทที่สำคัญแบบนี้มาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ครอบครัวของคุณก็เคยนัดคู่เดทให้ แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นคึณแต่งตัวสวยแบบนี้มาก่อนเลย” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
“ฉันไม่อยู่ให้เธอแซวแล้วล่ะฉันต้องไปแล้ว” หลังจากที่ซูหยูโม่พูดจบ เธอก็รีบออกไปในทันที
ถึงแม้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวอยากจะตามพวกเขาไปเพื่อที่จะดู แต่เธอก็มีนัดกับถังมู่ซิ่วเอาไว้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีทายาทคนรวยรุ่นที่สองอีกสองสามคนรวมไปถึงทายาทรุ่นที่สองของข้าราชการทั้งหลายอีกด้วย
ดังนั้นไม่ว่าเธอจะอยากรู้สักแค่ไหนแต่ก็คงจะไม่ดีแน่ถ้าหากเธอตามพวกเขาไป
“งั้นรอให้พี่หยูโม่กลับมาก่อนดีกว่าฉันจะสอบสวนให้ละเอียดเลยเชียว ไอ้หยา หรือว่าพี่หยูโม่จะไม่กลับบ้านกันนะคืนนี้? โอ้ ไม่นะ พี่หยูโม่ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ฉันก็เคยได้ยินว่าผู้หญิงที่มีความรักมักจะโง่ลงนะ แต่พี่หยูโม่คนฉลาดคงจะไม่กลายเป็นคนโง่ไปได้หรอกน่า จริงไหม?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวขณะที่จินตนาการของเธอกำลังกระเจิดกระเจิง หลังจากนั้นเธอก็รีบออกไปเช่นกันหลังจากที่เห็นว่าใกล้จะสายแล้ว
“ขอโทษด้วยนะที่มาช้า”ถึงแม้ว่าซูหยูโม่จะรีบไปแล้ว แต่เอาจริงๆ แล้วก็ยังช้ากว่าเวลาที่นัดหมายไว้
“ไม่เป็นไรฉันมาเร็วเองแหละ” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์เดทกับผู้หญิงมาก่อน และก็เป็นแบบนี้ ตอนที่มาเดทผู้หญิงส่วนใหญ่ก็มักจะมาสาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้หญิงสวยๆ เพราะว่าพวกเธอต้องใช้เวลานานในการแต่งหน้าก่อนที่จะออกมา
และแน่นอนว่าการทานอาหารค่ำในคืนนี้ก็ถือว่าเป็นการนัดเดทของฮวงเฟิงแต่ก็ไม่ได้มีผลกับการเตรียมใจของเขามากนักขณะที่กำลังรอคอยให้อีกฝ่ายมาถึง
ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฎตัวของซูหยูโม่ก็ทำให้ฮวงเฟิงถึงกับต้องเบิกตากว้างเขาถึงกับไม่สามารถที่จะละสายตาจากเธอได้เลย
ซูหยูโม่เองก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของฮวงเฟิงผ่านทางสายตามและเธอก็รู้สึกพอใจอยู่ในใจขณะที่คิดว่าความพยายามของเธอนั้นไม่ได้เสียเปล่า
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไรผมก็เลยยังไม่ได้สั่งอาหาร คุณสั่งเลยสิ” ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่ยื่นเมนูให้แก่ซูหยูโม่
ร้านอาหารที่เขานัดมาในวันนี้เป็นร้านอาหารจีนดังนั้นเขาจึงไม่เลือกที่จะไปร้านอาหารฝรั่ง
อย่างไรก็ตามเขาก็คิดว่าด้วยตัวตนของซูหยูโม่เองนั้นเขาเองก็ไม่กล้าที่จะเลือกร้านอาหารที่แย่อย่างแน่นอน
ส่วนซูหยูโม่เองก็ไม่ได้สนใจว่าฮวงเฟิงจะเลือกร้านไหนพูดตามตรงว่าเธอเคยไปทานร้านอาหารดีๆ มาเยอะแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
เมื่อรับเมนูมาจากฮวงเฟิงซูหยูโม่ก็สั่งอาหารมาสองสามอย่างเพียงเท่านั้น จากนั้นฮวงเฟิงเองก็สังเพิ่มอีกสองสามอย่างและหัวเราะ “ผู้อำนวยการซูกำลังช่วยผมประหยัดเงินสินะ อาหารร้านนี้ก็ไม่ได้แพงเลย ผมจ่ายได้อยู่แล้วนะ”
“นี่คุณไม่ได้บอกว่าคุณจ่ายไม่ได้แม้แต่ค่าเช่าบ้านอย่างนั้นเหรอ?แล้วตอนนี้คุณมีเงินเลี้ยงข้าวฉันแล้วงั้นเหรอ? งั้นครั้งนี้ให้ฉันเลี้ยงคุณดีไหมล่ะ?
”ไม่มีทางผมเพิ่งจะทำธุรกิจมาเมื่อไม่นานมานี้และได้เงินมาบ้างดังนั้นผมไม่ได้ขาดแคลนเงินหรอกนะ” ฮวงเฟิงกล่าว
บทที่ 198 ของขวัญ
ซูหยูโม่พยักหน้าและไม่ถามต่อถึงแม้ว่าเธอจะสงสัยอยู่ในใจว่าฮวงเฟิงทำธุรกิจอะไรกันแน่
”ใช่แล้วนี่สำหรับคุณ” หลังจากส่งเมนูให้กับพนักงานเสิร์ฟแล้ว ฮวงเฟิงก็ออกไปและเตรียมกล่องปักซึ่งเขาได้มอบมันให้กับซูหยูโม่
”อะไรกันนี่?”ซูหยูโม่ไม่ได้รับมันไว้ในทันที แต่ถามด้วยความสงสัย
”เปิดดูสิแล้วคุณจะรู้” ฮวงเฟิงกล่าว
ซูหยูโม่เองก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเคยรับของขวัญจากเพศตรงข้ามเป็นคนแรก
ในความเป็นจริงแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอได้รับของขวัญจากเพศตรงข้ามมามากมาย
ตั้งแต่ดอกไม้จดหมายรัก ไปจนถึงเครื่องประดับชิ้นใหญ่ และรถสปอร์ต มีหลายสิ่งหลายอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ยอมรับสิ่งของเหล่านั้นเลย
เมื่อเห็นกล่องปักนี้ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เปิดมันออกดูแต่ซูหยูโม่ก็เดาได้ว่ามันน่าจะเป็นเครื่องประดับ
เพียงแค่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันเป็นสร้อยคอแหวน หรือต่างหู และสิ่งของเหล่านี้ก็ได้รับมาจากคนอื่นมากมาย
”อย่าคิดมากเลยผมก็แค่อยากจะขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าที่คุณให้มาเมื่อครั้งก่อน ตอนนี้ผมก็เลยอยากจะให้ของบางอย่างกับคุณ” ฮวงเฟิงยังเห็นว่าความคิดของซูหยูโม่ยังคงสับสนอยู่เล็กน้อยดังนั้นเขาจึงอธิบาย
”คุณก็เลี้ยงข้าวฉันแล้วนี่ไง?ซูหยูโม่กล่าว ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเธอได้ยินคำอธิบายของฮวงเฟิง เธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอยู่ในใจ
”นอกจากนี้ฉันเคยพูดไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าของพวกนั้นเป็นของสำหรับเพื่อนของฉัน แต่เขาบังเอิญไปต่างประเทศเสียก่อนและถ้าจะโยนมันทิ้งไปก็น่าเสียดาย นั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงมอบให้คุณไป”
”ผมไม่ค่อยสนิทกับผู้หญิงคนไหนและคุณก็เป็นคนที่ผมสนิทด้วยที่สุด ถ้าคุณไม่อยากได้มันงั้นคุณก็แค่โยนมันทิ้งไปก็ได้” ฮวงเฟิงกล่าว
หัวใจของซูหยูโม่เต้นผิดจังหวะเธอเป็นผู้หญิงที่ฮวงเฟิงสนิทมากที่สุดงั้นเหรอ? ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยเห็นฮวงเฟิงสนิทกับผู้หญิงคนไหนในบริษัทเลยและเขาก็ไม่ได้มีเพื่อนที่เป็นเพศตรงข้ามเลย
ซูหยูโม่รู้สึกดีใจอยู่ในใจและกล่าวว่า“น่าเสียดายนะถ้าจะต้องทิ้งไป แต่อย่างน้อยฉันก็เอาให้คุณไง”
ขณะที่ซูหยูโม่พูดเธอเปิดกล่องปักนั้นออก
ฮวงเฟิงเองนั้นก็ไม่ได้ประหลาดใจมากนักเพราะเมื่อครั้งแรกที่เขาได้เห็นจี้นี้ครั้งแรกปฏิกิริยาของเขาก็คล้ายกัน ขนาดว่าเขายังเป็นผู้ชายก็สามารถเห็นได้ว่าจี้นั้นสวยงามเพียงใด
ดวงตาของซูหยูโม่ถูกดึงดูดโดยจี้ที่อยู่ภายในกล่องปักนั้นแต่เธอรู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามันไม่ใช่ของราคาถูกๆ เลยและเธอรู้ถึงสถานการณ์ของฮวงเฟิงดี
เธอเคยไปที่ที่พักของฮวงเฟิงมาแล้วและด้วยสถานะเช่นนั้นของเขา มันคงจะสิ้นเปลืองเปล่าถ้าเขาต้องซื้อมันมา
ก่อนหน้านี้เหตุผลที่ซูหยูโม่ยอมรับกล่องปักนั้นมาเพราะเธอคิดว่าของที่อยู่ข้างในเป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดาๆเท่านั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เหตุผลหลักคือฮวงเฟิงเองก็คือเป็นความตั้งใจของเขาแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งของที่ฮวงเฟิงมอบให้จะไม่ใช่ของราคาถูกอย่างที่เธอคิด
“ไม่หรอกฉันรับไว้ไม่ได้” ซูหยูโม่กล่าวขณะที่เธอผลักกล่องปักนั้นไปให้ฮวงเฟิง
”ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ?”ฮวงเฟิงถาม
”ไม่ได้อย่างแน่นอนฉันแค่รู้สึกว่ามันราคาแพงเกินไป” ซูหยูโม่ส่ายหัวและกล่าวออกมา
”มีอะไรให้น่าภูมิใจบ้าง?ของชิ้นนี้ราคาไม่ได้มากมายนักแถมถูกกว่าของที่คุณให้เมื่อครั้งที่แล้วมาก” ฮวงเฟิงกล่าว
อันที่จริงราคาของจี้นี้ใกล้เคียงกับข้าวของที่ซูหยูโม่ให้เขาเมื่อครั้งที่แล้วจริงๆ
“ฉันไม่ได้ต้องการขออะไรตอบแทนจากสิ่งที่ฉันให้เมื่อครั้งที่แล้วฉันก็แค่อยากจะจัดการกับพวกมันแค่นั้นเอง” ซูหยูโม่กล่าวว่า: “ยิ่งไปกว่านั้นจี้ของคุณไม่น่าจะถูกๆ ใช่ไหม?” ด้วยเหตุนั้นเธอจึงมองไปที่จี้อีกครั้ง
เนื่องจากพื้นฐานครอบครัวของเธอเองซูหยูโม่จึงเคยเห็นเครื่องประดับมากมายมาตั้งแต่อายุยังน้อย
ในแง่นี้เธอมีวิจารณญาณเป็นของตัวเองและรู้ได้อย่างง่ายดายมากว่าราคาของจี้นี้ไม่ถูกเลย
สำหรับไข่มุกราตรีและอื่นๆที่คล้ายกัน ถึงแม้ว่าจะมีหลายสิบหรือหลายร้อยเม็ด แต่ก็มีหลายหมื่นหลายแสนหรือหลายล้านในเวลาเดียวกัน หากไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะบอกได้
อย่างไรก็ตามซูหยูโม่เองมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ถ้าผมจะบอกว่าผมไม่ได้ใช้เงินซื้อมาเลยคุณจะเชื่อผมไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
ซูหยูโม่ส่ายหัวเห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อเขาเธอคิดว่าฮวงเฟิงพูดแบบนั้นเพื่อให้เธอยอมรับจี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วฮวงเฟิงก็ไม่ได้ใช้เงินซื้อมาเลยจริงๆ
“เอาล่ะจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ของชิ้นนี้เป็นของที่ทำมาเพื่อให้ผู้หญิงสวมใส่ ถ้าคุณไม่ต้องการมันงั้นผมก็คงต้องขว้างทิ้งไป”
ฮวงเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเพราะเขารู้ว่ามันยากที่จะอธิบายเช่นกันเขาจะโกหกหรือพูดถึงกล่องจักรวาลได้อย่างไรกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิงซูหยูโม่ก็กรอกตาใส่เขา คำอธิบายนี้คือสิ่งที่เธอเคยพูดกับเขาเมื่อเร็วๆ นี้ไม่มากก็น้อย
ฮวงเฟิงเองก็ยังเห็นรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามของซูหยูโม่และยักไหล่แบบชิวๆ:”มันไม่ใช่เงินมากมายอะไรนักหรอก ถ้าคุณไม่ยอมรับมันเอาไว้ มันคงจะน่าอายมากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมให้ของขวัญกับผู้หญิง”
“อย่างนั้นเหรอ?”ซูหยูไม่ไม่เชื่อ
”จริงสิถ้าคุณไม่เชื่อผมก็ไปถามกัวเหลียงได้เลย ผู้ชายคนนั้นไงที่เราเจอที่ร้านเสื้อผ้าเมื่อครั้งที่แล้ว พวกเราเป็นพี่น้องกัน เขาพิสูจน์ได้” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความจริงใจ
”ตกลงฉันจะรับเอาไว้” ซูหยูโม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า: “อย่างไรก็ตามนี่นับเป็นการติดสินบนผู้บริหารหรือเปล่า?” หลังจากพูดแบบนั้นแล้ว เธอก็หัวเราะ
“ไม่เป็นไรแน่นอนว่ามันจะไม่เป็นไร ผมเองเพิ่งจะเข้ามาเป็นผู้จัดการ เพราะฉะนั้นถ้าผมอยากจะเกาะเก้าอี้เอาไว้แน่นๆ แน่นอนว่าผมก็ต้องเป็นคนโปรดของผู้บริหารด้วย” ฮวงเฟิงเองก็หัวเราะเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันทั้งสองคนกินและคุยกันเกี่ยวกับมูลค่าของจี้นั้น ซูหยูโม่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจี้จะดูมีราคาค่อนข้างแพง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมีอะไรที่แพงไปกว่าจี้นั้น เพียงแค่เธอไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับมันเอาไว้ก็เท่านั้นเอง
และเหตุผลที่เธอยอมรับเอาไว้ในครั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายคือฮวงเฟิงและนี่เป็นครั้งแรกที่ฮวงเฟิงให้ของขวัญแก่เธอ
”อ๋อเมื่อเร็วๆ นี้คุณไปได้โชคอะไรมางั้นเหรอ?” ซูหยูโม่ถาม ในตอนแรกเธอไม่ต้องการที่จะถาม
แต่เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงไม่ได้ทุกข์ใจเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้หนำซ้ำยังสามารถให้ของขวัญราคาแพงเช่นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะได้โชคมา
แม้ว่าฮวงเฟิงจะบอกว่าเขาไม่ได้ใช้เงินไปกับจี้นี้มากนักแต่ซูหยูโม่ก็ยังไม่เชื่อ
”เกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนนี้เราจะเก็บไว้เป็นความลับก่อนนะ” ฮวงเฟิงกล่าวเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
”ลับขนาดนั้นเชียวถ้าคุณไม่อยากบอกฉันก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้าคุณรวยแล้วก็อย่ามาบอกฉันว่าคุณอยากจะลาออกจากงานล่ะ?” ซูหยูโม่ถามเรียบๆ