กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 223-224
บทที่ 223 เรียกพบ
ฝ่ายศัตรูพ่ายแพ้ราบคาบมีทั้งคนที่เสียชีวิต คนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่หนีรอดไปได้
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ออกมารอยยิ้มบนใบหน้าของผู้นำชิวก็ฉีกกว้าง หลังจากการต่อสู้ได้ผ่านไป เขามีส่วนทำให้กองกำลังอ่อนแรงลง ดังนั้นคนที่ได้รับชัยชนะจากการต่อสู้จึงพากันค้นหาอาหารและเครื่องมือจำนวนมาก
ในขณะเดียวกันเขาก็ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองไปด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อความก้าวหน้าในอนาคตของเขาอย่างยิ่ง!
ในเช้าวันที่สองผู้นำชิวผู้ที่แต่งตั้งตัวเองว่าเป็น ‘แม่ทัพสวรรค์’ ได้ทำการต่อกบฏอย่างเป็นทางการ
แรงผลักดันนี้ยิ่งใหญ่มากบางคนที่อยู่ห่างไกลไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่เมื่อคนที่ก่อกบฏและยังพอมีเรี่ยวแรงเหลืออยู่ได้ยินชื่อเสียงของเขา ทุกคนก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังมณฑลเหมยเพื่อเข้าร่วมค่ายของเขาคนแล้วคนเล่า
”ผู้จัดการฮวงผู้อำนวยการเซี่ยเรียกหาคุณอยู่ค่ะ”
เช้าวันที่สองในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังฝึกกำลังภายในอยู่ในห้องทำงาน เลขาของเซี่ยเมิ่งเจียวก็ได้เดินเข้ามาเรียกหาเขา
”อืมเข้าใจแล้ว” ฮวงเฟิงหยุดการฝึกวิชา
”ไม่เห็นจะเข้าใจเลยทำไมยัยผู้หญิงบ้าคนนี้ต้องตามหาฉันด้วยล่ะ?” ฮวงเฟิงพึมพำเสียงเบา
เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ฮวงเฟิงไม่ได้รู้สึกดีกับเซี่ยเมิ้งเจียวเท่าไหร่นัก เพราะเหตุนี้ ถึงเขาจะได้เจอเธอตอนนี้ ในใจเขาก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย
”ฉันบอกว่าไงถังมู่ คุณก็ดูการแข่งขันจบแล้ว ทำไมคุณยังคงอยู่ที่นี่อยู่อีกละ? คุณไม่กลับไปเมืองหลวงเหรอ?” ในห้องทำงานของเซี่ยเมิ่งเจียว เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวขณะที่จ้องมองถังมู่เสวี่ย (ถังมู่ซือ)ด้วยความโมโห
ถังมู่เสวี่ยอยู่ที่นี่แล้วมองดูเธอสติแตกตั้งแต่แรกแต่เธอก็ไม่ได้ถือสาอะไร เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ยังพักอยู่ที่เมืองเจียง อาศัยอยู่ในสำนักงานของตนอีก
”แล้วจะให้กลับไปเมืองหลวงเพื่ออะไรล่ะ?มันไม่ได้สนุกอย่างที่คุณคิดนะ” ถังมู่เสวี่ยตอบส่งๆในขณะที่นอนเล่นอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของเซี่ยเมิ่งเจียว
การกระทำของอีกฝ่ายประกอบกับรูปร่างและรูปลักษณ์ของเธอแล้วมันทำให้แม้แต่เซี่ยเมิ่งเจียวที่มีใบหน้างดงามไม่ต่างกันยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
ในตอนนี้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยิ่งศัตรูของตัวเองโดดเด่นมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกเหม็นหน้าอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น
กีอกก๊อก
ในขณะเดียวกันจู่ๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านนอก ถังมู่เสวี่ยจึงหยัดกายขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง
”ผู้อำนวยการเซี่ยคุณเรียกผมเหรอครับ?” ฮวงเฟิงผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง
เขาเห็นถังมู่เสวี่ยนั่งอยู่บนโซฟาเลยรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป
“อ๊ะน้องชายสุดหล่อคนนั้นนี่เอง เมื่อคืนหลับสบายไหมจ๊ะ?” ในตอนที่ถังมู่เสวี่ยเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาคือฮวงเฟิง เธอจึงเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยทีสบายๆพร้อมกับเอนกายลงบนโซฟา ทำให้อีกฝ่ายให้เห็นร่างกายอันแสนบอบบางของตนได้อย่างชัดเจน
“ถังมู่นั่งให้มันดีๆหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวด้วยความโกรธ
“ทำไมเธอต้องโมโหขนาดนี้ด้วยน้องชายสุดหล่อไม่ใช่คนนอกสักหน่อย” ถังมู่เสวี่ยตอบอย่างไม่แยแส
”นี่น้องชายสุดหล่อ นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยนายเข้ามาในโรงแรมเมื่อวาน?”
ฮวงเฟิงไม่กล้าสบตากับถังมู่เสวี่ยเนื่องจากท่าทางของอีกฝ่ายในตอนนี้ยั่วยวนเกินไป
ฮวงเฟิงจ้องมองเพดานแล้วตอบว่า”ผมไม่ทราบครับ”
“นี่น้องชายสุดหล่อ นายจะพูดกับคนอื่นโดยที่ไม่มองเขาไม่ได้นะ ทำแบบนั้นมันเสียมารยาทนะ”
ดูเหมือนว่าฮวงเฟิงจะทำอะไรผิดพลาดไปนิดหน่อยแต่เขายังคงทำเป็นไม่ได้ยินและจ้องมองเพดานต่อ
เรียกได้ว่าทั้งถังมู่เสวี่ยซูหยูโม่ เซี่ยเมิ่งเจียว ต่างก็งดงามไม่ต่างกัน มีเพียงรูปร่างของถังมู่เสวี่ยที่เหมือนจะดีกว่าคนอื่นเล็กน้อย และเธอรู้วิธีแสดงมันออกมาให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น
”ถึงนายไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไรแต่ฉันขอบอกนายว่า ฉันเป็นคนช่วยพานายมาส่งโรงแรมเมื่อคืนเพราะนายเป็นของเมิ่งเจียว ถ้าเมื่อวานฉันไม่อยู่ที่นี่ เธอก็คงได้อยู่กับนายแล้ว เธอจะโทษฉันไม่ได้นะ ถ้าจะโทษก็ไปโทษเขานู่น…” ถังมู่เสวี่ยตอบด้วยท่าทางเขินอาย
”ถังมู่เสวี่ย!ถ้าเธอยังพูดเรื่องไร้สาระอีก ฉันจะฉีกปากเธอเป็นชิ้นๆซะ!” เซี่ยเมิ่งเจียวโกรธจัดจนร่างกายสั่นเทา
”ก็ได้ๆฉันไม่พูดแล้ว นี่ เมิ่งเจียว ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าให้ควบคุมอารมณ์หน่อย อารมณ์ร้อนแบบนี้ ผู้ชายที่ไหนจะมาชอบเล่า? ดูอย่างน้องชายสุดหล่อคนนี้สิ เขาดูเหมือนชอบเธอที่ไหนล่ะ” ถังมู่เสวี่ยว่า
”เอ่อ..ผู้อำนวยการเซี่ยครับถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ฮวงเฟิงสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก จึงตัดสินใจออกไปจากตรงนี้ก่อนที่ถูกไฟครอก
”เมื่อเช้าฉันกับถังมู่ตื่นสาย พวกเรายังไม่ได้ทานอาหารเช้า นายไปเตรียมอาหารเช้าให้ฉันทีสิ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
”แล้วก็นายอย่าไปหลงเชื่อคำพูดไร้สาระของยัยจิ้งจอกล่ะ เมื่อวาน พี่หยูโม่ไม่อยากทิ้งนายไว้ที่โรงแรมคนเดียว เธอเลยขอให้ไปส่งนายที่โรงแรมน่ะ”
เซี่ยเมิ่งเจียวคิดว่าถ้าเธอได้อธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจน่าจะดีกว่าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกังวลเกินเหตุ
”เข้าใจแล้วครับ”ไม่แปลกที่ฮวงเฟิงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดง่ายๆ ผู้หญิงคนนั้นไม่ทางยอมช่วยเขาเนื่องจากความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยเมิ่งเจียวแน่
”ว่าแต่ผู้อำนวยการเซี่ย คุณเองก็มีเลขาส่วนตัวไม่ใช่เหรอครับ? ทำไมคุณต้องให้ผมทำเรื่องแบบนั้นด้วยละครับ?”
จริงๆแล้วเลขามีหน้าที่เตรียมอาหารเช้าให้เจ้านายไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาต้องเป็นคนทำมันด้วยเล่า?
”เธอมีเรื่องอื่นต้องทำน่ะ”เซี่ยเมิ่งเจียวตอบ ความหมายก็คือถ้ามีคนทำให้ ก็ต้องใช้พวกเขาสิ ถ้าจะให้ฉันทำเอง ถ้าจะให้ฉันไม่เกียจคร้าน ฉันจะจ้างคนมาทำซากอะไร?
“แหะๆเอามาให้ฉันด้วยนะ เมื่อเช้า ฉันยังกินอาหารของโรงแรมไม่อิ่มเลย” ถังมู่เสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”หานี่เธอยังหิวอยู่อีกเร๊อะ? ระวังจะตายเพราะไขมันอุดตัน!” เซี่ยเมิ่งเจียวสาปส่งคนตรงหน้า
“ถึงพี่สาวคนนี้จะกินเยอะขนาดไหนก็ยังหุ่นดีเหมือนเดิม อิจฉาฉันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ!” ถังมู่เสวี่ยว่า
”ใคร..ใครอิจฉาเธอกัน!”
”เธอไงยัยขี้อิจฉา!”
จากนั้นหญิงสาวทั้งสองดูท่าว่าลืมฮวงเฟิงไปเสียสนิท ในขณะที่พวกธอกำลังทะเลาะกัน ฮวงเฟิงยังคงเฝ้าดูฉากตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จา เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรปฏิเสธหรือทำตามคำสั่ง
ท้ายที่สุดฮวงเฟิงตัดสินใจว่าจะไปซื้ออาหารมาให้เจ้านาย ถึงเขาจะไม่อยากซื้อมันมาให้เซี่ยเมิ่งเจียวเท่าไหร่นัก แต่เพราะซูหยูโม่เป็นเพื่อนของเขา เขาก็ยินดีซื้อมาให้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
เรื่องการซื้ออาหารเช้าเมื่อเช้าเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเพราะหลังจากนั้น เซี่ยเมิ่งเจียงก็ขอให้เขาทำอย่างอื่นต่อ เนื่องจากไม่มีคนทำให้เธอนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเซี่ยเมิ่งเจียงยังคงพูดคำเดิมว่าถ้าคนอื่นกำลังยุ่งอยู่ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่าเขาก็มีธุระที่ต้องจัดการเช่นกัน เธอก็ยังคงถามเขาว่า ถ้าเขาไม่ทำใคร แล้วใครจะทำให้อยู่ดี
“ฟู่วยัยผู้หญิงบ้า เธอจงใจหาเรื่องฉันอยู่ใช่ไหม?” หลังจากที่ฮวงเฟิงเปลี่ยนถังน้ำในห้องทำงานของเซี่ยเมิ่งเจียวเสร็จ เขาก็กลับไปที่ห้องทำงานของตนแล้วนั่งก่นด่าผู้หญิงที่ใช้งานตน
”ผู้จัดการเมื่อวานคุณพูดกับผู้อำนวยการเซี่ยแบบนั้นต่อหน้าฝูงชน ไม่แปลกที่เธอจะมาหาเรื่องคุณ” เขามาหาฮวงเฟิงเพื่อมีธุระ แต่ฮวงเฟิงทำงานที่ห้องทำงานของเซี่ยเมิ่งเจียวตลอด เขาจึงรออีกฝ่ายสักพักแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับงานของฮวงเฟิงในวันนี้เลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ฮวงเฟิงพูดกับเขาเมื่อวานได้กำหนดแล้วว่าวันนี้เขาต้องทำอะไรบ้าง ไม่แปลกที่เขาจะเข้าใจมันทั้งหมด
บทที่ 224 นัดคืนนี้
“ผู้หญิงคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไปแล้วแต่ว่า เรื่องนี้จะโทษฉันไม่ได้นะ จริงไหม?” ฮวงเฟิงกล่าว
”ลองนึกถึงยามรักษาความปลอดภัยที่ถูกไล่ออกวันก่อนสิเขาถูกไล่ออกเพราะไปจ้องหน้าผู้อำนวยการเซี่ย ฉันคิดว่าผู้อำนวยการเซี่ยปฏิบัติต่อนายอย่างดีเลยนะ” พี่หวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”ผมไม่เห็นว่าเธอจะดีตรงไหน”ฮวงเฟิงตอบ
”ถึงอย่างนั้นคนที่ถูกส่งตัวไปที่โรงงานกลับมาได้แล้วนะ” จู่ๆฮวงเฟิงก็นึกถึงคนที่ถูกเขาส่งไปยังโรงงาน
ในตอนนั้นเขาตั้งใจจะส่งคนพวกนั้นไปที่นั่นเพราะต้องการสร้างอำนาจ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาต้องการให้คนมาสร้างความเดือดร้อนนั้นเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้ต่อต้าน
และตอนนี้อีกฝ่ายดูเหมือนจะตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ ถึงไม่ส่งคนมาก่อกวนพวกเขา ด้วยเหตุนี้ เขาถึงได้พาคนพวกนั้นกลับมาได้
”เอาล่ะฉันจะไปบอกพวกเขาให้ก็แล้วกัน พวกเขาคงมีความสุขน่าดู ยังไงซะ อยู่ที่นั่นก็ไม่ดีเท่าที่นี่อยู่แล้ว” พี่หวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”อืม..พี่ช่วยผมบันทึกเรื่องนี้ด้วยสิ เห็นสถานการณ์การทำงานของทุกคนในตอนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่อีกสองกลุ่มจะไม่มีผู้นำ” ฮวงเฟิงกล่าว คำพูดเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่มีต่อพี่หวัง
ในขณะเดียวกันนั้นเขาได้วางแผนที่จะลาออกเช่นกัน เนื่องจากเขาต้องจัดการเรื่องอยู่ที่นี่ แม้ว่าพี่หวังจะแนะนำคนสนิทให้ เขากลับรู้สึกเกรงใจ
พี่หวังไม่รู้ว่าฮวงเฟิงตั้งใจที่จะลาออกเมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง ในใจก็เต็มไปด้วยความอึดอัด ก่อนที่ฮวงเฟิงจะมาที่นี่ เขาเป็นได้แค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำหน้าที่ของตนในทุกๆวันเท่านั้น
โดยเฉพาะหลังจากที่ฮวงเฟิงได้กลายเป็นผู้จัดการตำแหน่งและเงินเดือนของเขาก็สูงขึ้นเช่นกัน
ในตอนที่ฮวงเฟิงบอกกับเขาแสดงว่าอีกฝ่ายไว้เนื้อเชื่อใจเขามาก แล้วพี่หวังคนนี้ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
”ผู้จัดการไม่ต้องห่วงครับ ผมจะตั้งใจจับตาดูการทำงานของพวกเขาแน่นอนครับ” พี่หวังสัญญาว่าเขาจะไม่ใช้โอกาสนี้ ใช้เพื่อนสนิทของตนขึ้นมาแทนที่และใช้ประโยชน์จากฮวงเฟิงเด็ดขาด
”อืม”ฮวงเฟิงพยักหน้า เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก
ในไม่ช้าโทรศัพท์ภายในห้องของฮวงเฟิงก็ดังขึ้น ฮวงเฟิงแทบไม่ต้องอ่านชื่อก็รู้ได้ในทันทีว่าเซี่ยเมิ่งเจียวเรียกหาเขาอยู่
ในตอนที่ฮวงเฟิงไปถึงห้องทำงานของเซี่ยเมิ่งเจียวนอกจากเซี่ยเมิ่งเจียวและถังมู่เสวี่ยแล้ว ซูหยูโม่เองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดวันนี้ถังมู่เสวี่ยก็อยู่ในห้องทำงานของเซี่ยเมิ่งเจียวและไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแต่ถึงอย่างนั้น ตอนที่เซี่ยเมิ่งเจียวสั่งให้ฮวงเฟิงทำนู่นทำนี่ให้ เธอกลับรู้สึกสนุกอย่างบอกไม่ถูก
”ผู้อำนวยการเซี่ยมีเรื่องอะไรเหรอครับ?” ฮวงเฟิงเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้
”ฮวงเฟิงคุณกำลังคิดอะไรอยู่? นี่คุณเป็นพูดกับเจ้านายด้วยยน้ำเสียงแบบนี้ได้ยังไง? ดูเหมือนว่าคุณไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่เลยนะ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวพลางมองไปทางฮวงเฟิงที่เพิ่งมาถึง
”ไม่จริงสักหน่อยว่าแต่คุณสั่งงานผมมาทั้งวันแล้ว คุณไม่พอใจผมรึป่าวครับ” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่นานๆฮวงเฟิงเลยไม่มีความคิดที่จะยั่วโมโหเซี่ยเมิ่งเจียวเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ วันนี้ผู้หญิงคนนี้ชักจะทำเกินไปหน่อยแล้ว
”คุณเป็นลูกน้องส่วนฉันเป็นเจ้านาย ฉันใช้งานคุณก็นับว่าถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่างพลางจ้องมองฮวงเฟิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้รู้สึกดีกับเขาเลยสักนิด
ฮวงเฟิงกำลังจะบอกว่าเขาไม่อยากสละตำแหน่งเพราะเขามีความตั้งใจอยู่แล้ว แต่จู่ๆซูหยูโม่ที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า
”เมิ่งเจียวฮวงเฟิงจะยอมช่วยเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ไม่ต้องสั่งให้เขาทำอะไรอีกล่ะ เธอไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้เขานะ”
”ฮึ่ม!”อันที่จริง เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผล จริงๆพอเธอได้ฟังคำจากปากของฮวงเฟิง เธอก็ได้คิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว เธอเข้าใจดีว่าตอนนั้น ฮวงเฟิงไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น ถึงเขาจะจับมือเธอ เธอก็แค่ทำเป็นไม่สนใจก็พอ
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำให้เธอโมโหขึ้นมาจริงๆคือ ฮวงเฟิงบอกเธอว่าเป็นยัยบ้าต่อหน้าฝูงชนเมื่อวานต่างหากล่ะ!
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ไม่มีทางยินดีกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ ไม่แปลกที่เธอจะอยากดัดนิสัยฮวงเฟิง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบอกให้พี่หยูโม่ให้เกียรติฮวงเฟิงให้มากๆเซี่ยเมิ่งเจียวก็คงไม่รู้สึกโล่งใจได้ง่ายขนาดนี้
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นฮวงเฟิงเลยไม่ได้บอกว่าอีกฝ่ายว่าเขาต้องการลาออก หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารวันนั้น พวกเขาได้ฟังความต้องการของซูหยูโม่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้เขาไปจากที่นี่
นอกจากนี้เนื่องจากในตอนนั้น เขายังไม่มีงานทำและยังไม่มีแหล่งรายได้ บริษัทจึงจ้างเขาและให้โอกาสเขา
แน่นอนว่าฮวงเฟิงเองก็ต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ ถ้าสองสิ่งนี้ไม่ลงรอยกัน ในอนาคตเขาคงต้องลาออกแล้วจริงๆ
“ฮวงเฟิงคืนนี้ พวกเราจะไปร่วมงานเลี้ยง ถ้าคุณยินดี จะมาขับรถให้พวกเราก็ได้นะ” เซี่ยเมิ่งเจียวอธิบายความตั้งใจที่เรียกตัวฮวงเฟิงมาที่นี่
“ไม่ครับ!”ฮวงเฟิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด คืนนี้เขายังมีเรื่องต้องทำ “นั่นเป็นเวลาเลิกงานแล้ว ถึงคุณจะเป็นเจ้านาย แต่ตอนนั้น คุณคงใช้งานผมไม่ได้แล้ว ถูกไหมครับ?”
”คุณ!”เซี่ยเมิ่งเจียวมีน้ำโหขึ้นมาอีกรอบ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องโมโหขนาดนี้ทันทีที่ได้เห็นท่าทีของฮวงเฟิง
”น้องชายสุดหล่อจิตใจนายจะยอมมองพวกเราสามสาวสวยไปร่วมงานเลี้ยงตามลำพังจริงๆเหรอ? ถึงตอนนั้น พวกเราอาจจะเมาก็ได้นะ เมาแล้วขับเป็นเรื่องที่อันตรายมากเลยนะ ฉันรู้ว่านายเกลียดเมิ่งเจียว แต่นายไม่นึกถึงฉันกับพี่หยูโม่บ้างเลยเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยกล่าว
”ทำไมเธอต้องลากฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยเล่า?”ซูหยูโม่ถาม เธอหันกลับมาพูดกับฮวงเฟิงว่า “ถ้าคืนนี้คุณไม่มีธุระอะไร ก็ไปเป็นเพื่อนฉันนะ”
แน่นอนว่าใจจริงซูหยูโม่ไม่ได้ต้องการให้ฮวงเฟิงเป็นสารถีขับรถให้แต่ต้องการให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงกับพวกเธอทั้งสามคนต่างหาก
”ต้องขออภัยครับคืนนี้ผมมีเรื่องต้องทำจริงๆ ผมรับปากกับคนอื่นไว้แล้ว” ฮวงเฟิงตอบ
เป็นไปได้ว่าอาวุโสชิวจะไปงานประมูลในคืนนี้และเมื่อวาน เขาได้ผิดนัดอีกฝ่ายไป ขืนคืนนี้ เขาไม่ได้ปรากฏตัวที่นั่น ถึงจะไม่ได้ให้สัญญากับอาวุโสชิวไว้ แต่ถ้าอาวุโสชิวจับได้ อีกฝ่ายต้องคิดว่าเขาเป็นพวกกลับกลอกแน่
แม้ฮวงเฟิงกับอาวุโสชิวจะไม่ได้คุ้นเคยกันมากนักแต่อีกฝ่ายก็ยังคงให้ความช่วยเหลือแก่เขา นอกจากนี้ในอนาคตเขาอาจจะต้องติดต่อกับอีกฝ่ายอีก เขาจึงไม่อยากสร้างความประทับใจแย่ๆให้อีกฝ่ายเท่าไหร่นัก
”ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆนายก็ลืมไปที่ฉันพูดไปเถอะ” ซูหยูโม่ตอบ ในทางกลับกัน เธอเองก็เข้าใจฮวงเฟิงดี แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความผิดหวังไม่ให้แสดงออกมาผ่านสีหน้าได้เลย