กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 225 -226
บทที่ 225 ที่เดียวกัน
“นี่สุดหล่อ ปฏิเสธคำเชิญชวนจากสาวสวยแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลยนะ แถมยังปฏิเสธคำเชิญจากสาวสวยถึงสามคนในคราเดียวอีก ถ้าใครรู้ก็คงโมโหนายสุดๆไปเลยล่ะ” ถังมู่เสวี่ยหันไปมองซูหยูโม่พลางกล่าว
“ช่างเถอะถ้าเขาไม่อยากไปก็แล้วแต่เขา หรือเธอคิดว่าถ้าไม่มีเขาแล้วพวกเราจะไปกันไม่ได้จริงๆล่ะ?” เซี่ยเมิ่งเจียวเอ่ยถาม
อันที่จริงการที่เธอชวนฮวงเฟิงไปงานเลี้ยงในคืนนี้เป็นความต้องการของซูหยูโม่ แน่นอนว่าการใช้ให้เขาขับรถเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าซูหยูโม่ต้องการช่วยฮวงเฟิงรู้จักคนอื่นมากขึ้น แต่ดูท่าว่าฮวงเฟิงจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องดีต่อตัวเขาเลย
ฮวงเฟิงเข้าใจดีว่าซูหยูโม่หวังดีแต่ว่ามันจะแค่นั้นจริงๆเหรอ?
หลังจากนั้นเซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่ได้เรียกหาฮวงเฟิงเพื่อใช้งานอีก เป็นไปได้ว่า วันนี้ เธอไม่อยากเห็นหน้าฮวงเฟิงอีกแล้ว
เมื่อถึงเวลาเลิกงานหญิงสาวทั้งสามจึงออกไปจากบริษัทด้วยกัน และฮวงเฟิงเองก็กลับไปเช่นกัน
ในตอนนี้ฮวงเฟิงอยู่ในชุดเครื่องแบบของบริษัทโดยไม่ต้องถามให้มากความ เขาต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อน ส่วนซูหยูโม่กับสาวสวยอีกสองคนสวมชุดเดิม
”สูตรไวน์ขาวไม่ระบุชื่อ: สูตรการต้มไวน์ขั้นสูงที่เขาได้มาโดยโดยบังเอิญจากชายชราแปลกหน้า รสชาติดีจริงๆ!”
ทันทีที่ฮวงเฟิงกลับมาถึงบ้านเขาได้รับไอเทมใหม่จากกล่องจักรวาล ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันคือสูตรการต้มไวน์นั่นเอง!
ในขณะที่อยู่ที่ป้อมปราการฮวงเฟิงได้คัดลอกสูตรจำนวนมากใส่กล่องจักรวาล แต่สูตรพวกนั้นไม่ใช่ของดีเท่าไหร่นัก โชคดีที่ของเขาได้รับมาในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นของดีทีเดียว
“รสชาติล้ำเลิศ?!ไม่เกินจริงเลยสักนิด!” ฮวงเฟิงพึมพำในขณะที่ถือสูตรในมือ
เห็นๆอยู่ว่ามันคือของดีแต่ติดอยู่ที่ว่าเขายังไม่มีเงินทุน ไม่ต้องไปพูดถึงกรรมวิธีการทำไวน์ ขนาดอุปกรณ์ที่ใช้ต้มไวน์ เขายังไม่มีปัญญาซื้อเลย…
”อ่า..เงินเงิน… ถ้าเราไม่มีเงิน เราก็เริ่มต้นกิจการไม่ได้น่ะสิ…” จู่ๆฮวงเฟิงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่นึกถึงเรื่องเงิน
ฮวงเฟิงเคยคิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแต่ว่าตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่า จริงๆแล้วเขาขัดสนเรื่องเงินเหมือนกันนี่หว่า
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงยังคงเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เขามีเงินลงทุนแล้วเริ่มผลิตของที่เขาได้รับมาจากกล่องจักรวาล เมื่อนั้นการสร้างรายได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
”สงสัยจังว่าภาพวาดของเราจะขายในงานประมูลคืนนี้ได้เท่าไหร่กันนะ”ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ฮวงเฟิงจะช่วยเขาได้มากที่สุดในตอนนี้คือภาพวาดผืนนั้น เขาหวังว่าคืนนี้เขาจะสามารถทำเงินได้สมปรารถนา
หลังจากเก็บสูตรไวน์ไว้ในแหวนจักรวาลแล้วฮวงเฟิงก็เดินออกจากห้องไป อีกไม่นาน การประมูลก็จะเริ่มแล้ว
อันที่จริงยังมีอีกเรื่องที่ฮวงเฟิงยังไม่รู้คือ หากเขาไม่ด่วนขายอัญมณีและภาพวาดไป เขาก็จะสามารถเทเลพอร์ตได้อีกครั้ง แต่ที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะไอเท็มไม่ได้ระบุว่าของพวกนี้มาจากที่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ทราบเรื่องนี้
น่าเสียดายที่ฮวงเฟิงไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนนี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรอจนกว่าการถ่ายทอดจะสิ้นสุดลง
ในอีกด้านหนึ่งซูหยูโม่กับสองสาวก็ออกไปแล้วเช่นกัน
”วันนี้มีของอะไรมาประมูลบ้างเหรอ?”ถังมู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ในรถเอ่ยถาม
”ฉันก็ไม่แน่ใจแต่ว่าเราไม่จะเป็นต้องสนใจของพรรนั้นสักหน่อย พอถึงเวลาก็ซื้อของที่คนอยากได้ไปสักชิ้นสองชิ้นก็พอแล้ว แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นของที่ไม่มีค่า ก็ช่างมัน ถือซะว่าพวกเรามาร่วมงานปาร์ตี้ก็พอ” เซี่ยเมิ่งเจียวตอบ
ในความเป็นจริงพวกเธอไม่ได้บอกฮวงเฟิงว่าพวกเธอมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูล แค่มีงานเลี้ยงก่อนงานประมูล ทั้งสามไม่ได้ให้ความสนใจกับการประมูลเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญในวันนี้เช่นกัน
สิ่งที่คนพวกนี้ไม่รู้ก็คือจุดหมายของพวกเขาในค่ำคืนนี้เป็นสถานที่เดียวกันเพียงแต่พวกเขาไม่รู้มาก่อน
“พอคิดแล้วก็โมโหชะมักพี่หยูโม่อุตส่าห์ชวนรปภ.ตัวเหม็นคนนั้นไปงานเลี้ยง แต่หมอนั่นกลับไม่ไว้หน้าพี่เลย” เซียเมิ่งเจียวว่า เห็นๆอยู่ว่าเธอได้เก็บงำความเคียดแค้นที่ฮวงเฟิงปฏิเสธเธอเอาไว้ในส่วนลึกของจิดใจ
”เขาก็มีเหตุผลของเขาน่าอีกอย่าง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” ซูหยูโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โธ่!พี่ยูโม่ แค่พี่อารมณ์ดีไม่ได้แปลว่าพี่ไม่กังวลสักหน่อย” เซียเมิ่งเจียวกล่าว
”ว่าแต่พี่สาวยูโม่ พี่คิดยังไงกับรปภ.คนนั้นเหรอ?” ในขณะเดียวกัน ถังมู่เสวี่ยก็หันไปถามซูหยูโม่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่นด้วยสายตาลึกซึ้ง
”ทำไมเหรอ?”หัวใจของซูหยูโม่แทบจะกระโดดออกมาทันทีที่อีกฝ่ายถามคำถามแบบนี้
“เปล่าไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่นะ ดูสิ ขนาดเขาอยู่ต่อหน้าสาวสวยอย่างพวกเราสามคน เขายังทำตัวเย็นชาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายธรรมดาจะทำได้เลยนะ พี่ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยว่า
“เขาต้องตาบอดแน่ๆ!”เซียเมิ่งเจียวพูดขัด
ฉันไม่คิดอย่างนั้นดูสิ ถึงฐานะทางครอบครัวของเขาจะธรรมดามาก แถมเขายังเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยตัวเล็กๆอีก ในมุมของหน้าที่การงาน ถึงตอนนี้เขาจะเป็นผู้จัดการรักษาความปลอดภัย แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่
แต่เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับพวกเราโดยเฉพาะกับเมิ่งเจียวและพี่ยูโม่ เขากลับไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เธอสัมผัสได้ถึงความมั่นใจจากเขาได้ มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่เธอสัมผัสได้จากคุณชายแห่งเมืองหลวง
เหตุเพราะภูมิหลังตระกูลของพวกเขาแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเพราะอย่างนั้น พวกเขาถึงได้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่สำหรับฮวงเฟิงแล้ว เธอก็ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะถือตัวเลยสักนิด ถังมู่เสวี่ยคิดไม่ตก
เนื่องจากว่าเธอสงสัยในตัวฮวงเฟิงมากยิ่งเธอรู้ว่าคนที่จะกินข้าวกับเธอในคืนนั้นคือฮวงเฟิงแล้ว เธอก็ยิ่งอยากรู้จักมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอะไรบางอย่างระหว่างเซียเมิ่งเจียวกับเขาอีก ช่วงนี้ ถังมู่เสวี่ยจึงแอบจับตาดูฮวงเฟิงเป็นพิเศษ เพราะเธออยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนประเภทไหนถึงได้ทำให้คนอย่างพี่หยู่โม่สนใจได้
ซูหยูโม่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าถังมู่เสวี่ยกับฮวงเฟิงทีเพิ่งจะรู้จักกันจะมองอีกฝ่ายได้ทะลุปุโปร่งขนาดนี้ในด้านความสามารถ ถังมู่เสวี่ยเองไม่ได้เป็นคนอ่อนประสบการณ์ แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เธอสามารถจัดการกับผู้ชายมากหน้าหลายตาได้ในคราเดียว
”เขาทำอย่างนั้นเหรอ?ทำไมฉันไม่เคยเห็นล่ะ?” เซียเมิ่งเจียวถาม ในสายตาของเธอ ฮวงเฟิงเป็นได้แค่ผู้ชายที่น่ารังเกียจ เธอไม่เคยนึกถึงเขาเพราะในสายตาของเธอ ไม่ว่าฮวงเฟิงจะทำอะไร ก็ดูน่ารังเกียจไปหมด
”มู่เสวี่ยพูดถูกฮวงเฟิงเป็นคนดี ไม่งั้นข้าคงไม่ถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการหรอกนะ” ซูหยูโม่ว่า
ในทางกลับกันเธอมักจะให้ความสนใจกับฮวงเฟิงเพราะเธอคิดเหมือนเขา ผลก็คือเธอรู้และเห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้น
“หืมพี่หยูโม่คิดว่าเขาเป็นคนดีเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยถาม
”ใช่”ซูหยูโม่ยืนยัน
“แล้วพี่คิดยังไงถ้าเขาเป็นแฟนฉัน”ถังมู่เสวี่ยกล่าวด้วยท่าทางไม่ลดละ
บทที่ 226 ยอมรับ
”ห๊ะ!”คำถามของถังมู่เสวี่ยทำเอาซูหยูโม่ที่ขับรถอยู่ไม่ทันได้ตั้งตัวขับรถบิดไปมาบนถนน โชคดีที่ไม่มีรถคันอื่นตามหลัง ไม่งั้นคงเกิดอุบัติเหตุแหงๆ
“ถังมู่เสวี่ย! นี่ เธอบ้าไปแล้วเหรอ?!” เซียเมิ่งเจียวไม่สนใจว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ตวาดถังมู่เสวี่ยเสียงดังลั่น
”นี่เธอพูดว่าจะเอาผู้ชายคนนั้นเป็นแฟน ขอถามหน่อย สมองเธอมีปัญหาใช่ไหม?!”
ขนาดซูหยูโม่ที่หยุดรถแล้วยังหันมาจ้องถังมู่เสวี่ยที่ดูเหมือนปกติดี
ในทางกลับกันถังมู่เสวี่ยดูสนุกกับการที่ทั้งสองตกใจจึงตอบกลับไปด้วยท่าทางสบาย ๆ ว่า “เซียเมิ่งเจียวทำไมเธอต้องตะโกนเสียงดังด้วยเล่า? เขาไม่ใช่แฟนของคุณสักหน่อย ทำไมถึงได้ประหม่าขนาดนี้ด้วยล่ะ?”
”ฉ..ฉันไม่ได้ประหม่าเพราะเขาสักหน่อย!ฉันแค่คิดว่าเธอไม่มีสมองและสายตาไม่ดี เธอคิดว่าผู้ชายอย่างหมอนั่นเหมาะสมกับสาวสวยอย่างฉันเหรอ? ฉันจะไปคิดอะไรกับผู้ชายคนนั้นได้ยังไงกัน!?” เซียเมิ่งเจียวกรีดร้อง
”ฉันคิดว่าเขาเป็นคนดีมากขนาดพี่หยูโม่ยังคิดว่าเขาเป็นคนดีเลย ไม่ใช่เหรอ? งั้นแสดงว่า ถ้าเธอเกลียดเขา เธอก็จะเกลียดฉันด้วยละสิ ถ้าอย่างงั้น การที่ฉันได้คบกับเขา ก็เป็นคือสิ่งที่เธอต้องการน่ะสิ? “ถังมู่เสวี่ยกล่าว
“เอ๊ะก็…ใช่…” เซียเมิ่งเจียวถึงกับอึ้ง แต่จู่ๆก็ตระหนักถึงเรื่องบางเรื่อง
ก่อนหน้านี้เธอมักจะแย้งกลับทันทีที่ได้ยินคนอื่นบอกชอบฮวงเฟิง แต่นั่นก็เป็นเพียงสัญชาตญาณที่ทำให้เธอตกใจและยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ มาตอนนี้ เธอได้ยินว่าคนที่ชอบฮวงเฟิงก็คือยัยจิ้งจอกที่เธอเกลียดที่สุด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซียเมิ่งเจียวจึงตอบอีกฝ่ายด้วยความยินดีในทันที “ถังมู่เสวี่ย ฉันคิดว่าพวกเธอทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมาก ฉันยินดีสนับสนุนเธอเต็มที่เลย!”
”มู่เสวี่ยเธอพูดจริงเหรอ? เธอกับฮวงเฟิงรู้จักกันมานานแล้วเหรอ แต่ทำไมเธอถึงต้องทำตัวเหมือนไม่รู้จักเขาด้วย” ซู่หยูโม่กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
”ระยะเวลาที่พวกเรารู้จักกันไม่สำคัญหรอกสิ่งสำคัญคือตอนที่สบตากันต่างหาก” จริงๆแล้ว ตอนที่ ถังมู่เสวี่ยพูดคำนั้น เธอกลับสนใจแต่ท่าทางของซูหยูโม่ตลอดเวลา ขนาดตอนที่อีกฝ่ายเกือบขับรถออกนอกถนน เธอก็ยังผุดยิ้มบางๆที่มุมปากได้
ซูหยูโม่หมดคำพูดถึงเธอจะรู้สึกอึดอัดอยู่ลึกๆแล้วในใจก็ตาม
ก่อนหน้านี้ถึงเธอจะรู้ว่าตัวเองรู้สึกกับฮวงเฟิงแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวล ในความคิดของเธอ ฮวงเฟิงยืนอยู่ตรงนั้นเสมอ เธอถึงเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอทีละนิด
แต่ถึงอย่างไรคำพูดของถังมู่เสวี่ยทำให้ซูหยูโม่เข้าใจว่าฮวงเฟิงไม่ใช่สมบัติส่วนตัว และคนอื่น ๆ ก็มีสิทธิ์ตกหลุมรักเขาได้เช่นกัน ในทำนองเดียวกัน ถ้าเขาไม่ตกหลุมรักถังมู่เสวี่ยซะก่อน เขาต้องตกเป็นของฉันแน่
”ฮ่าฮ่า นี่ พวกเธอคงไม่ได้เชื่อฉันจริงๆใช่ไหม? ฉันแค่ล้อเล่นน่า” ถังมู่เสวี่ยมองหน้าทั้งสองคนที่สีหน้าเปลี่ยนสีแล้วหัวเราะเสียงดังลั่น
”ฉันเพิ่งจะรู้จักเขาเองนะฉันจะไปตกหลุมรักเขาได้ยังไงกัน? แถมฉันชอบผู้ชายหล่อๆ ฮวงเฟิงไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ฉันชอบสักหน่อย”
”ทำไมล่ะ?ฉันคิดว่าพวกเธอทั้งสองคนเหมือนกันจะตาย น่ารำคาญทั้งคู่ ทำไมเธอไม่เก็บเรื่องนี้ไปคิดดีๆอีกสักรอบล่ะ” เมื่อกี้ที่เธอได้ยินว่าถังมู่เสวี่ยสนใจฮวงเฟิง เธอเองก็รู้สึกดีใจมาก คนน่ารำคาญสองคนคบกัน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว!
“แหมถ้าฉันคิดอย่างนั้นจริงๆ เกรงว่าจะมีคนแถวนี้เสียใจน่ะสิ” ถังมู่เสวี่ยกล่าวพลางมองไปทางซูหยูโม่
ซูหยูโม่สัมผัสได้ถึงสายตาของถังมู่เสวี่ยเลยรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย แต่แล้วก็ถอดถอนใจเฮือกหนึ่งด้วยความโล่งอก
ซูหยูโม่ตระหนักได้ว่าฮวงเฟิงไม่ได้รอเธออยู่ที่นั่นตลอดไปเพราะยังมีคนอื่นที่ชอบเขา และเขาก็อาจตกหลุมรักคนอื่นได้เช่นกัน
นอกจากสิ่งที่ถังมู่เสวี่ยพูดออกมาซูหยูโม่ก็ตระหนักด้วยว่าตำแหน่งของฮวงเฟิงที่อยู่ในใจสูงกว่าที่ตัวเองคิดไว้เสียอีก
ที่สำคัญกว่านั้นคือครั้งแรกที่ได้ยินว่าถังมู่เสวี่ยพูดว่าเธอชอบฮวงเฟิง เธอกลับรู้สึกถึงความสูญเสียและกระวนกระวาย
นอกจากนี้คำพูดของถังมู่เสวี่ยยังช่วยให้ซูหยูโม่เข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงในใจของตัวเองด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ทั้งสามคนมาถึงที่หมายถังมู่เสวี่ยจึงค่อยๆก้าวเดินอย่างมีสติไปพร้อมๆกับซูหยูโม่ แต่เซียเมิ่งเจียวที่รู้สึกกังวลเล็กน้อย ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอมจึงเดินไปข้างหน้าเพียงลำพัง
”พี่หยูโม่นี่ พี่ชอบฮวงเฟิงคนนั้นจริงๆใช่ไหม?” ถังมู่เสวี่ยถามซูหยูโม่ด้วยเสียงเบา
”ใครบอกเธอ?”ซูหยูโม่ถามด้วยความตระหนก เธอคิดว่าตัวเองได้เก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้อย่างดีและมั่นใจมากว่าไม่ใครจับผิดเธอได้แน่นอน
“หึฉันเห็นเองเต็มสองตาเลย” ถังมู่เสวี่ยไหวไหล่แล้วพูดต่อ
”ก็คืนที่ฉันเพิ่งมาถึงฉันเห็นพี่กินข้าวกับเขาที่ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่งตามลำพัง และทั้งชีวิตนี้ ฉันไม่เคยเห็นพี่กินข้าวกับผู้ชายสองต่อสองมาก่อน…”
ซูหยูโม่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะจับได้เพราะเธออยู่กับฮวงเฟิงในวันที่เธอมาที่นี่
”แถมพี่ก็ปฏิบัติต่อฮวงเฟิงดีมากก่อนหน้านี้ที่ฉันพูดแบบนั้นในรถ เพราะฉันอยากเห็นปฏิกิริยากับสีหน้าของพี่หยูโม่ยังไงล่ะ เมื่อกี้สีหน้าของพี่มีแต่ความผิดหวังกับความกังวลใจ อืม..พี่จะไม่ดุฉันที่แกล้งพี่ใช่ไหม?” ถังมู่เสวี่ยพูดต่อ
ซูหยูโม่เงียบไปชั่วขณะแล้วตอบว่า”อันที่จริง ฉันควรขอบคุณเธอนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้เธอแกล้งฉัน ฉันก็คงไม่รู้ว่าเขาสำคัญกับฉันมากขนาดไหน อืม.. จริงๆแล้วฉันชอบเขา”
เมื่อเห็นว่าซูหยูโม่เอ่ยปากยอมรับถึงก่อนหน้านี้เธอพอจะดูออกอยู่บ้าง ถังมู่เสวี่ยก็ยังคงตกใจมากอยู่ดี
”พี่หยูโม่ทำไมพี่ถึงมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ? อ๋า ฉันยังไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนไม่ดีเลยนะ แต่พวกพี่ทั้งสองต่างมาจากโลกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ที่เมืองหลวงมีชายหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นตั้งเยอะที่อยากได้ความสนใจจากพี่ ฉันไม่เห็นว่าฮวงเฟิงจะดีกว่าผู้ชายพวกนั้นเลยนะ”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ถังมู่เสวี่ยจะชื่นชมในความดีของฮวงเฟิง แต่เพราะฮวงเฟิงเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่สามารถนำมาเปรียบกับคุณชายแห่งเมืองหลวงได้เลยสักนิด
”บางทีสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้ก็อาจจะใช่…”ซูหยูโม่ยิ้มแล้วพูดต่อ
”แต่เธอรู้อะไรไหมครั้งแรกที่ฉันเจอกับเขา ฉันเห็นเขากำลังไล่จับขโมยอยู่ล่ะ ตอนนั้นเขาวิ่งเร็วมากเลย ผู้คนที่เดินอยู่ตามท้องถนนต่างพากันมองเขาด้วยความตกใจ ตอนนั้นฉันเองก็คงทำหน้าแบบนั้นอยู่เหมือนกัน…”
”หลังจากนั้นฉันก็รู้ว่าจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานของบริษัทเรา หัวใจของฉันก็เริ่มรู้สึกเปลี่ยนไป จากนั้นฉันก็เริ่มติดต่อกับเขา ฉันรู้ว่าเขาแตกต่างกับฉันมาก แต่ฉันกลับตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเขาต่างจากฉันตรงไหน… ” ซูหยูโม่เหม่อมองไปข้างหน้าแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ
”พี่หยูโม่พี่รู้ไหมว่าพี่เสร็จเขาแล้ว! ฉันว่าพี่ต้องถูกเขาวางยาแล้วแน่ๆ” ถังมู่เสวี่ยกล่าว ถึงเธอจะไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อน แต่รอบกายของเธอก็มีผู้ชายเข้ามาอยู่บ้าง เธอถึงได้เข้าใจความรู้สึกของซูหยูโม่เป็นอย่างดี