กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 235 -236
บทที่ 235 ลาออก
”อ่า?ผู้จัดการหยวนคงไม่เข้าใจความหมายที่ฉันกำลังจะสื่อสินะคะ สิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อก็คือฉันยอมแพ้การประมูลในครั้งนี้ ฉันไม่กล้าพอที่จะเสียเงินถึงสองล้านให้เพียงแค่ภาพวาดรูปนี้หรอกค่ะ” ซูหยูโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้ชมตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ในห้องนี้ไม่มีใครโง่เง่าเกินกว่าจะคิดไม่ออกเพียงแต่พวกเขาต้องใช้เวลาในการคิดเพื่อทำความเข้าใจความหมายที่ซูหยูโม่ต้องการจะสื่อ
อันที่จริงซูหยูโม่ไม่ได้ต้องการภาพวาดนั้น แต่เธอแค่ต้องการล่นเกมส์กับผู้จัดการหยวน และตั้งใจทำให้เขาเลือดตกยางออกเท่านั้น
ในตอนนี้ผู้จัดการหยวนเหมือนเริ่มเข้าใจขึ้นมา เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของคนรอบข้างที่กำลังมองมาที่ตัวเอง
สายตาพวกนั้นไม่ต่างกับสายตาที่กำลังมองคนโง่เลยแม้แต่น้อยภายในใจของเขาจึงถูกเติมเต็มด้วยความโกรธทันที
เดิมทีผู้จัดการหยวนต้องการเปิดเผยความมั่งคั่งและความแข็งแกร่งของตนเองแต่ตอนนี้เขาในสายตาของคนอื่นกลับมองเขาเป็นแค่คนงี่เง่าที่มีเงินเยอะที่ยอมใช้เงินสองล้านหยวนเพื่อซื้อภาพวาด
จริงๆแล้วเขาควรหยุดประมูลตั้งแต่ราคาเจ็ดหรือแปดแสนหยวนแล้ว แล้วแบบนี้คนอื่นจะมองเขาเป็นอะไรไปได้อีกนอกเสียจากไม่ใช่ไอ้หน้าโง่
แม้ว่าผู้จัดการหยวนจะรู้สึกเสียใจอยู่ในใจแต่ต่อหน้าผู้คนมากมายเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเขาไม่ต้องการประมูลต่อแล้ว ไหนจะเรื่องราคาประมูลที่เขาเสนอในตอนนี้อีก หากเขาพูดออกมาแบบนั้นจริง ๆ ไม่เพียงแต่เขาจะทำผิดกฎบริษัทประมูลชั้นนำแห่งยุค แต่เรื่องวันนี้จะกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งวงการ แถมยังเป็นเรื่องตลกที่ไม่มีวันหายไปเสียด้วย!
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าเขาจะเกลียดซูหยูโม่แทบขาดใจแค่ไหน เขายังคงต้องฝืนปั้นยิ้มออกมาและบอกกับซูหยูโม่ว่า
”ขอบคุณครับผู้อำนวยการซูที่รัก”
“ผู้จัดการหยวนสุภาพเกินไปแล้วค่ะพวกเราทุกคนต่างเป็นพวกเดียวกัน เราควรต้องดูแลซึ่งกันและกันอยู่แล้ว” ซูหยูโมม่กล่าวอย่างไม่แยแส
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครกล้าที่จะดูถูก ซูหยูโม่ เพราะเธอไม่เพียงแต่จะสวยเท่านั้น แต่เธอยังเป็นเหมือนจิ้งจอกแก่เจ้าเล่ห์เช่นเดียวกับผู้จัดการหยวน ในอนาคตหากใครประมาทคนอย่างเธอแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นจะต้องพ่ายแพ้ต่อเธอแน่นอน
”พี่หยูโม่พี่ดูเหมือนผู้มีอำนาจมาก ผู้ชายพวกนั้นดูเหมือนจะร้องไห้กันใหญ่เลย” เซี่ยเมิ่งเจียวพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ อยู่ข้างๆ เห็นๆอยู่ว่าหญิงสาวอารมณ์ดีมาก
แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ผู้จัดการหยวนไม่พอใจแต่เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงแอบคิดในใจว่าซูหยูโม่น่าจะเป็นคนวางแผนหลอกลวงผู้จัดการหยวน ก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงเองก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแผนการหลอกผู้จัดการหยวนจะล้ำลึกถึงเพียงนี้
แน่นอนว่าในฐานะเจ้าของภาพวาดนั้นฮวงเฟิงนั้นพึงพอใจเป็นอย่างมากเนื่องยิ่งราคาสูงเท่าไหร่เขาก็จะได้เงินมากขึ้นเท่านั้น
จากนั้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่ประมูลถามถึงสามครั้งก็ไม่มีใครเสนอราคาอีก ในท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ประมูลได้เคาะประมูลราคาสุดท้ายลงเพื่อยืนยัน
ผู้จัดการหยวนซึ่งเดิมทีหวังว่าจะมีคนมาประมูลอีกครั้งทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มและแสร้งยอมรับการแสดงความยินดีของคนรอบข้างแต่ในความเป็นจริงทุกคนอาจกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่ในใจก็เป็นได้
ผู้จัดการหยวนรู้ว่าเขาพ่ายแพ้ในวันนี้ไม่เพียงแต่เขาต้องใช้เงินจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์แต่เขายังถูกคนอื่นล้อเลียนว่ารวยแต่โง่อีกด้วย
หลังจากนั้นการประมูลก็ดำเนินต่อไปฮวงเฟิงก็ดูการประมูลต่อไปด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายและสบอารามณ์ แม้ว่าภาพวาดของฮวงเฟิงจะถูกประมูลด้วยเงินมูลค่ากว่าสองล้านเหรียญ แต่ก็ยังมีหลายรายการที่ประมูลได้ในราคาที่สูงกว่าเขา
เมื่อการประมูลสิ้นสุดลงในกลุ่มสี่คนของฮวงเฟิงมีเพียงถังมู่เสวี่ยเท่านั้นที่สามารถประมูลชนะได้หนึ่งรายการ ส่วนอีกสามคนประมูลไม่ชนะสักรายการ
เนื่องจากการแข่งขันประมูลภาพวาดระหว่างซูหยูโม่และผู้จัดการหยวนแม้ว่าซูหยูโม่จะไม่ชนะการประมูล แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเธอ
แม้ว่าเบื้องหน้าฮวงเฟิงดูเหมือนจะไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ แต่ในใจของเขาตอนนี้กลับนึกอารมณ์ดี
ครู่ต่อมาซูหยูโม่ก็ถามฮวงเฟิงว่าเขาชอบหรือยากได้ของชิ้นไหนไหมซึ่งคำถามพวกนั้น ฮวงเฟิงก็ได้ตอบครบทุกคำถามแล้ว ซูโยโม่จึงไม่ถามอะไรเพิ่มอีก
”นายอยากให้พวกเราไปส่งรึเปล่า?”ซูหยูโม่พูดกับฮวงเฟิง เมื่อถึงทางเข้างานประมูล
ใบหน้าของเซี่ยเมิ่งเจียวก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันทีที่ได้ยินคำถามของซูหยูโม่แม้ว่าปกติแล้วฮวงเฟิงไม่ทำอะไรให้เธอรำคาญใจก็ตาม
”ไม่ต้องหรอกผมนั่งแท็กซี่กลับเองได้” ฮวงเฟิงกล่าว
“อ่อโอเค” ซูหยูโม่ไม่บังคับเขา
เมื่อมองไปที่ซูหยูโม่กับอีกสองที่กำลังขึ้นรถไปฮวงเฟิงถอนหายใจออกมา: “ดีจังที่มีรถ!”
แม้ว่าเงินที่เขาหามาได้วันนี้จะสามารถซื้อรถได้แต่ฮวงเฟิงก็ต้องใช้กับสิ่งที่สำคัญกว่า
สุดท้ายฮวงเฟิงก็ยังไม่ได้กลับบ้านเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากกัวเหลียงเพื่อนสนิทของเขา
“เป็นอะไรรึเปล่า?” ฮวงเฟิงนั่งลงข้างทั้งคู่และถาม เขาพอเดาได้รางๆว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับงานของเขา ท้ายที่สุดกัวเหลียงก็บอกกับเขาเกี่ยวกับเรื่องงานเมื่อสองวันก่อน
“อย่าพูดถึงเรื่องน่ารำคาญนั้นก่อนเลยมาดื่มกับฉันดีกว่า” กัวเหลียงกล่าว เมื่อก่อน หากกัวเหลียงหรือฮวงเฟิงอารมณ์ไม่ดีหรือเมื่อพวกเขาเครียด ทั้งสองคนมักจะโทรหาเพื่อนัดมาดื่มและพูดคุยกัน แม้ว่าพวกเขาจะเมากันจนเละแต่ในวันที่สองพวกเขาก็จะกลับไปใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติ
ฮวงเฟิงได้ดื่มกับกัวเหลียงไปหนึ่งแก้วก่อนจะมองไปที่โจวหรูหรานซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการถามโจวหรูหรานว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเขา
โจวหรูหรานไม่ได้ปิดบังอะไรเพราะเธอรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัวเหลียงกับฮวงเฟิงนั้นดีมาก
จากคำอธิบายของโจวหรูหรานฮวงเฟิงจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมกัวเหลียงถึงโทรเรียกเขามา
ความจริงวันนี้กัวเหลียงได้ลาออกจากงาน และนอกจากเขาแล้วก็ยังมีโจวหรูหรานเองก็ลาออกด้วย แต่ทั้งสองคนไม่ได้ต้องการลาออกจริงๆ การที่กัวเหลียงจะได้รับเลื่อนตำแหน่งเพียงช่วงสั้น ๆ มันก็ถือได้ว่าอนาคตของเขานั้นดูไม่เลวร้ายสักเท่าใด
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ลาออกมาแล้วสาเหตุก็คือหัวหน้าคนใหม่ที่กัวเหลียงพูดถึงเมื่อครั้งที่แล้ว
หัวหน้าคนนั้นเป็นคนนิสัยเสียและชอบยุ่งกับพนักงานหญิงในบริษัทเช่นนั้นโจวหรูหรานคนสวยจึงไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของชายผู้นี้ได้ แม้ว่าเขาจะได้รับคำเตือนจากกัวเหลียงก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาก็ดูไม่สนใจกับคำเตือนนั้นสักเท่าไหร่
ที่เลวร้ายไปกว่านั้นสำหรับเขาในวันนี้ก็คือหัวหน้าคนใหม่ต้องการเอาเปรียบโจวหรูหรานจนทำให้เธอถึงกับต้องตบหน้าเขาเลยทีเดียว
เนื่องจากโจวหรูหรานไม่ใช่คนประเภทที่ต้องเก็บความรู้สึกและอดทนเวลาถูกเอาเปรียบโดยที่ไม่เต็มใจอย่างแน่นอน
อีกอย่างคือเจ้านายของกัวเหลียงคนนี้ไม่ได้คิดว่าโจวหรูหรานจะตบเขาต่อหน้าทุกคนจริง ๆ ซึ่งนั้นทำให้เขารู้สึกอับอาย เขาโกรธและอับอายจนอยากจะตบโจวหรูหรานคืน ทว่าความคิดนั้นกลับทำให้เขาชะงัก
เนื่องจากกัวเหลียงได้ผลักเขาล้มลงพื้นไปก่อนไม่เพียงเท่านั้นกัวเหลียงกลับตบไปที่หน้าของเขาไปอีกหนึ่งฉาด
ในฐานะที่ชอบโน้มตัวเข้าหาแฟนเขาอยู่บ่อยๆและต้องการที่จะเอาเปรียบแฟนของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเกินกว่าที่จะคาดถึงเพื่อนของเขาคนนี้ได้กระหน่ำตบหัวหน้าใหม่คนนี้อย่างต่อเนื่องเพราะโดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนจะปล่อยเรื่องแบบนี้ไปได้ง่ายๆ
นี่มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่มีพื้นเพอย่างกัวเหลียงที่อยู่ภายใต้การดูแลของเยว่หยาง
ในสถานการณ์เช่นนี้ทั้งกัวเหลียงและโจวหรูหรานจึงคิดเป็นฝ่ายที่ขอลาออกก่อน
บทที่ 236 เริ่มต้นธุรกิจ
”แล้วนายตัดสินใจรึยังว่าจะทำยังไงต่อ?”ก่อนหน้านี้เขาก็เคยได้ยินกัวเหลียงพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงมีลางสังหรณ์ว่ากัวเหลียงคงคิดจะลาออก
”ยังเลยตอนนี้ก็เหมือนได้พักสมองบ้าง” กัวเหลียงกล่าว
แม้ว่าฐานะครอบครัวของกัวเหลียงจะดีแค่ไหนแต่ความอดทนของพวกเขาก็ย่อมมีขีดจำกัดเช่นกัน
เนื่องจากงานปัจจุบันของกัวเหลียงนั้นเป็นสิ่งที่ครอบครัวของเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้เขาได้เข้าไปทำงาน
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะไม่ทำงานเลยยิ่งกว่านั้นความตั้งใจเดิมของกัวเหลียงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าต้องการสร้างอนาคตร่วมกันกับโจวหรูหรานซึ่งจำนวนเงินสำหรับใช้ร่วมกันก็ไม่ได้มากมายนัก
ดังนั้นคงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาทั้งสองคนจะต้องดิ้นรนเพื่ออนาคต
ฮวงเฟิงมองไปที่โจวหรูหรานและแน่นอนว่าเขาเห็นสีหน้าที่กังวลของเธอแต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกผิดเช่นกันสุดแล้วเหตุที่ต้องลากออกก็เกี่ยวข้องกับเธอเช่นกัน
เมื่อมองไปที่พวกเขาทั้งสองคนฮวงเฟิงก็นึกออกว่าคืนนี้เขาเองมีรายได้ถึงสองล้าน แม้ว่าเขาจะหักค่าคอมมิชชั่นจากบ้านประมูลแล้ว แต่เขาก็ยังมีเงินเหลืออยู่กว่าหนึ่งล้านหยวน บวกกับเงินที่เขาได้จากการขายมุกราตรีก่อนหน้านั้นอีก ตอนนี้เขาจึงมีเงินมากพอสำหรับสร้างโรงงานเล็กๆ ได้
นอกจากนี้ฮวงเฟิงยังมั่นใจในเครื่องบำบัดน้ำเสียจากกล่องจักวาลว่ามันคงไม่แย่นัก
แม้ว่าเขาจะยังมีสูตรบ่มไวน์ขาวแต่สำหรับไวน์ขาวแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปิดตลาดได้ในทันทีเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฮวงเฟิงจึงรู้สึกว่าควรทำเครื่องบำบัดน้ำเสียให้สำเร็จก่อนที่จะเริ่มทำธุรกิจอื่น
อย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆยังคงไม่ได้รับการตัดสิน เงินจากภาพวาดยังไม่เข้าบัญชีเขาในวันนี้ เช่นนั้นฮวงเฟิงจึงยังไม่ได้คุยกับกัวเหลียง เขาทำได้เพียงปลอบใจพวกเขาทั้งสองเล็กน้อย จากนั้นก็ดื่มกับกัวเหลียงต่อ
กัวเหลียงไม่เคยคิดว่าฮวงเฟิงจะสามารถช่วยอะไรเขาได้เลยเพราะสุดท้ายเขาก็รู้ว่าตอนนี้ฮวงเฟิงกำลังเผชิญอยู่ในสถานการณ์เช่นไร เขาโทรเรียกฮวงเฟิงมาเพื่อระบายอารมณ์และเพื่อหาเพื่อนดื่มด้วยก็เท่านั้น
”โอ้ใช่จากที่ฉันได้ยินมา เหมิงหานเขาก็กำลังจะลาออกเหมือนกันนะ” จู่ๆ โจวหรูหรานก็พูดกับฮวงเฟิง แม้กระนั้นในใจของเธอนั้นต้องการให้ฮวงเฟิงและกัวเหมิงหานอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด
กัวเหมิงหานนั้นสวยกว่าโจวหรูหรานมากดังนั้นเธอจึงถูกเจ้านายของกัวเหลียงกลั่นแกล้งด้วยแน่นอน
นอกจากนี้ในบริษัทเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัวเหลียงและโจวหรูหรานดีที่สุดอีกในเมื่อเพื่อนดีๆทั้งสองต้องลาออกไป เธอย่อมต้องคิดลาออกบ้างเช่นกัน
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงยังคงลังเล แต่โจวหรูหรานมั่นใจว่ากัวเหมิงหานจะต้องลาออกในไม่ช้าเพราะเจ้านายของกัวเหลียงจะไม่ปล่อยกัวเหมิงหานไปอย่างแน่นอน แม้ว่าบุคลิกของกัวเหมิงหานจะดูนุ่มนวลแต่เธอคงไม่เต็มใจงานร่วมกับคนประเภทนี้แน่ ตามความเข้าใจของเธอเธอจะไม่ยอมรับกฎที่ไม่ได้เขียนขึ้นไว้แบบนี้
ฮวงเฟิงพยักหน้าตามแม้ว่าเขาจะรู้สึกได้ว่ากัวเหลียงและโจวหรูหรานดูเหมือนตั้งใจที่จะจับคู่เขากับเธอแต่เขารู้สึกกับกัวเหมิงฮานเป็นเพียงเพื่อนธรรมดาๆคนหนึ่งและเขาทำได้เพียงเป็นห่วงในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากที่กลับบ้านมาฮวงเฟิงก็ไม่ได้พบอะไรใหม่เพิ่มในกล่องจักรวาล
เนื่องจากเขาได้รับเงินกว่าล้านเหรียญจากภาพวาดในคืนนี้ฮวงเฟิงจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
สองวันถัดมาหลังจากที่ฮวงเฟิงกลับมายังออฟฟิศได้ไม่นานเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการเหวินแห่งบริษัทประมูลเจียเฉิง
ผู้จัดการเหวินได้โทรมาบอกฮวงเฟิงว่าเขาจัดการเรื่องโอนเงินให้เรียบร้อยแล้วเขาสามารถตรวจสอบเงินในตอนนี้ได้แล้ว
ในใจฮวงเฟิงหยุดคิดเรื่องงานทันทีเขาขอลางานจากซูหยูโม่และออกจากบริษัท หลังจากตรวจสอบยอดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ฮวงเฟิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นฮวงเฟิงจึงไม่รีรอที่จะโทรหากัวเหลียงทันที เมื่อคืนเพื่อนเขาคนนี้ไม่ได้เมามากนักเพียงแค่มึนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้อารมณ์ดี ดังนั้นเมื่อฮวงเฟิงโทรมา เขาจึงสามารถตื่นมารับโทรศัพท์ได้อย่างสบายๆ
”โทรมามีอะไร?”ยี่สิบนาทีถัดมา กัวเหลียงที่ถูกฮวงเฟิงก็ได้นัดเจอ เอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความสงสัย
”เพื่อนทำไมนายถึงได้โทรมแบบนี้ล่ะ” เมื่อมองไปที่กัวเหลียงตรงหน้า ฮวงเฟิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยขณะที่ถาม
”พูดเกินไปล่ะฉันดูเป็นพวกพ่ายแพ้ต่อความยากลำบากง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?” เมื่อคืนฉันไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหางานทำ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าด้วยความสามารถของฉันแล้วจะหางานที่ดีกว่าที่เคยไม่ได้! “กัวเหลียงกล่าวอย่างมั่นใจ
ฮวงเฟิงไม่เคยสงสัยในความสามารถของเพื่อนเขาคนนี้เลยหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาคงไม่เลื่อนตำแหน่งโดยปราศจากคนหนุนหลัง
ได้เร็วขนาดนี้อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้ก็ดูไม่สู้ดีนัก การหางานดีๆทำไม่ใช่เรื่องยากซึ่งฮวงเฟิงรู้เรื่องนี้ดี กัวเหลียงเองก็ทราบดีเช่นกัน
หลังจากที่เขามีแฟนแล้วเขายิ่งไม่มีทางไม่ดิ้นรน ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหนก็ต้องอดทนสู้
”ดีแล้วฉันคิดว่านายจะยอมแพ้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไปซะแล้ว”
ฮวงเฟิงกล่าวว่า”นายยังต้องการให้พี่ชายคนนี้ดูแลไหมล่ะ?”
”ไปเป็นรปภ.ที่บริษัทของนายน่ะหรอ?”กัวเหลียงกล่าว
เขาไม่เคยคิดยกย่องอาชีพนี้เท่าไหร่และคิดว่าฮวงเฟิงทำอาชีพแบบนี้ไปได้อย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็เคยแนะนำให้ฮวงเฟิงเปลี่ยนงานนี้ด้วย
”ไม่แน่นอนแต่ถ้านายอยากไปฉันก็คงไม่รับนายอยู่ดี” ดูที่ร่างกายของนายสิ นายแย่กว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่บริษัทของฉันเสียอีก” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น
กัวเหลียงหมดความมั่นใจจึงคิดจะอวดกล้ามโชว์แต่ฮวงเฟิงก็ขัดจังหวะและพูดขึ้นว่า: “ฉันกำลังมีโปรแจ็คดีๆ ตอนนี้เพียงแค่ขาดกำลังคน ถ้านายยินดีร่วมด้วย งั้นเราก็มาขยันทำงานกันเถอะ”
“โปรแจ็คดีๆ?” โปรแจ็คอะไร? นายต้องการเริ่มทำธุรกิจเองหรอ?” กัวเหลียงรัวคำถามาเป็นชุด
”ใช่!”ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจ นับตั้งแต่ที่เขารู้จักความมหัศจรรย์ของกล่องจักรวาล เขาก็คิดเช่นนี้มาตลอด ก่อนหน้านี้ไม่มีทั้งเงินทั้งโปรแจ็ค
“นายไปเอาเงินกับโปรแจ็คนี่มาจากไหนล่ะนายรู้ไหมว่าการเริ่มต้นธุรกิจทุกวันนี้มันยากแค่ไหน?” กัวเหลียงถาม เขาต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง แต่มันคงยากสำหรับเขาที่จะทำมากกว่าการหางานในตอนนี้
เขารู้เกี่ยวกับฐานะของฮวงเฟิงดีซึ่งแย่กว่าครอบครัวของเขาเล็กน้อยเขาไปได้เงินมาเริ่มธุรกิจมาจากไหนกัน?
นี่นายไปหาเงินทำธุรกิจมาจากที่ไหนล่ะนั่น?