กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 237-238
บทที่ 237 ตัดสินใจ
”นายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินหรอกเพราะฉันเตรียมไว้แล้ว แม้ว่ามันจะไม่มากแต่ก็น่าจะพอสำหรับช่วงแรก” ฮวงเฟิงกล่าว
สำหรับธุรกิจของเขาตอนนี้เขามีเงินทั้งหมดสองล้านหยวนซึ่งถือว่าไม่มากนัก อย่างไรก็ตามเขาชอบทั้งโรงงานและอุปกรณ์บาอย่างที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้
ดังนั้นเขาจึงยังไม่ต้องการการตกแต่งใดๆ เพิ่ม นอกจากนี้แล้วตอนนี้เขาจะควรจะมีโรงงานเล็กๆ สักแห่งเสียก่อน
”สำหรับโปรเจ็กต์อะนี่!” ฮวงเฟิงหยิบหนังสือเล่มเล็กที่ได้มาจากระบบเครื่องบำบัดน้ำเสีย
กัวเหลียงหยิบมันขึ้นมาอย่างสงสัยและพบว่าหนังสือเป็นอักษรภาษาอังกฤษทั้งหมดเขาหันหน้าไปมองฮวงเฟิงอีกครั้ง
ฮวงเฟิงรู้ถึงประเด็นนี้เช่นกันพร้อมกล่าวว่า”นี่คือเอกสารการออกแบบโดยละเอียดเกี่ยวกับ ‘เครื่องบำบัดน้ำเสีย’ ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์การผลิตใด ๆ และต้นทุนการผลิตก็ไม่สูงด้วย”
ฮวงเฟิงได้อธิบายถึงข้อดีของอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียนี้โดยละเอียดให้กับกัวเหลียงฟัง
“มันจะดีจริงอย่างที่นายพูดหรอ?” กัวเหลียงถามอย่างสงสัย
”แน่นอนสิ!”ฮวงเฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจ เขายังคงเชื่อมั่นในกล่องจัดกรวาลอยู่มาก
”ไปได้ของดีขนาดนี้มาได้ยังไง?”สิ่งที่นายเพิ่งพูดเป็นความจริงทั้งหมด สิ่งนี้เป็นเหมือนของล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย!” กัวเหลียงกล่าว
สิ่งนี้มีข้อดีมากมายจากที่คิดว่าตราบใดที่มีการผลิต เรื่องยอดขายไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือฮวงเฟิงไปได้ของดีเช่นนี้มาได้อย่างไร?
”เอ่อถ้าให้พูดตอนนี้คงพูดยาก แต่มันไม่ใช่ปัญหาหรอก นอกจานี้แล้วสิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านั้นล้วนเป็นความจริง งั้นฉันจะถามนายตอนนี้ว่า อยากที่จะทำมันหรือเปล่า?” ฮวงเฟิงถาม
อย่างไรก็ตามเขาก็เพิ่งจบการศึกษา ในตอนนั้นเขามีพลังล้นเหลือและปราศจากแรงกดดันใด ๆ เขาอยากจะทำทุกอย่างที่ต้องการและทุ่มเทให้กับทุกสิ่ง
แต่เนื่องจากว่าตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องคิดมากกว่าเดิมและเมื่อมีแฟนแล้วสิ่งต่างๆหรือการตัดสินใจย่อมจะต่างออกไป ไม่เพียง เขาไม่เพียงต้องรับผิดชอบแค่ตัวเองเท่านั้น แต่เขายังต้องรับผิดชอบแฟนของเขาเองด้วย
อย่างไรก็ตามความรู้สึกลังเลใจนี้อยู่เพียงไม่นาน เขาเงยหน้าขึ้นอย่างแน่วแน่และมองไปที่ฮวงเฟิงพร้อมพูดว่า
”ทำ!”
“ต้องให้ได้อย่างนี้สิค่อยเป็นพี่เป็นน้องกันได้หน่อย มีอะไรบ้างที่พวกเราทำไม่ได้บ้างกัน” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างฮึกเหิม
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงรู้ว่าเวลานี้ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้นสูงมาก เหตุผลที่เรียกกัวเหลียงมานั้นไม่ใช่เพียงเพราะเขาไม่มีงานทำ แต่เป็นเพราะเขาเรียนอยู่มหาวิยาลัยแห่งเดียวกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แม้แต่ตอนที่มีเรื่องกับคนอื่นๆ ยังคงเป็นกัวเหลียงที่อยู่เคียงข้างฮวงเฟิง
ดังนั้นเมื่อตอนนี้เขามีโอกาสที่จะร่ำรวย แม้จะผ่านไปหลายปีแล้วเขาก็ย่อมไม่มีทางลืมเพื่อนดีๆ อย่างกัวเหลียงไปแน่นอน
เนื่องจากเขาได้ตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกับฮวงเฟิงแล้วเช่นนั้นเขาจึงจะนำเงินออมทั้งหมดของเขาไปฝากไว้กับฮวงเฟิง
กัวเหลียงทราบฐานะของฮวงเฟิงดีแม้ว่าเขาจะมีเงินแล้วในตอนนี้แต่กัวเหลียงรู้ดีว่าฮวงเฟิงคงมีไม่มากนัก แต่ถ้าให้เทียบกับไม่มีอะไรเลย ต่อให้มีเงินเพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่า
ฮวงเฟิงไม่ได้คัดค้านที่กัวเหลียงมาฝากไว้กับเขาเพราะเดิมทีเขามั่นใจกับโปรแจ็คนี้มากอยู่แล้วดังนั้น เขาจะไม่ทำให้กัวเหลียงต้องผิดหวังแน่นอน
อีกอย่างคือจากที่กัวเหลียงลงทุนร่วมกับเขาไปแล้วเขาก็สามารถให้หุ้นบางส่วนกับกัวเหลียงได้
พวกเขาทั้งสองคนอยู่ข้างเดียวกันตั้งแต่ที่พวกเขาได้ตัดสินใจทำโปรแจ็คร่วมกันจากนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป
ทั้งสองเริ่มหาโรงงาเหมาะๆสักที่ การหาโรงงานขนาดใหญ่อาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่มีเงินเพียงพอที่จะหาโรงงานขนาดใหญ่จึงทำได้เพียงมองหาโรงงานขนาดเล็กเท่านั้นซึ่งหาได้ง่ายกว่า
เมื่อพวกเขามาถึงเขตอุตสาหกรรมของเมืองที่นี่มีโรงงานหลายแห่งและยังมีโรงงานขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ดังนั้นในสองปีนี้การพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจึงชะลอตัวลงและอุตสาหกรรมด้านกายภาพนั้นยังได้รับผลกระทบมากที่สุดอีกด้วย ส่งผลให้โรงงานหลายแห่งไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้โดยเฉพาะโรงงานขนาดเล็กที่ขาดแคลนทุนสำรองด้านเทคโนโลยีและเงินทุน
”ดูเหมือนว่าการเริ่มต้นธุรกิจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด”ทั้งสองเดินไปรอบ ๆ เขตอุตสาหกรรม
พวกเขาเห็นว่าโรงงานหลายแห่งมีสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังจะขายหรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เมื่อเห็นเช่นนั้น กัวเหลียงจึงเริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาเล็กน้อย
ฮวงเฟิงเองยังรู้สึกกดดันก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตราบใดที่ผลิตภัณฑ์ของเขาดีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอื่น แต่เมื่อเขาเห็นโรงงานที่ถูกขายในตอนนี้แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าการแข่งขันนั้นก็เป็นปัญหาที่สำคัญเช่นกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้นฮวงเฟิงจึงชื่นชมซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะซูหยูโม่
ฮวงเฟิงคิดว่าในด้านความสามารถซูหยูโม่นั้นดีกว่าเซี่ยเมิ่งเจียวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองคนสามารถนำเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปมาถึงระดับนี้ได้ อีกทั้งยังเป็นที่จับตามองท่ามกลางธุรกิจมากมาย
สาเหตุที่เป็นแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะภูมิหลังทางครอบครัวของพวกเธอทั้งสองแต่ก็ไม่ควรประเมิณต่ำความสามารถของพวกเธอ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปในโรงงานทีละแห่งเพื่อสำรวจและเจรจากับเจ้าของ
เจ้าของที่กระตือรือร้นที่จะขายโรงงานได้ให้การต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่นแม้ว่าทั้งคู่จะดูเด็กมากแต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกพวกเขาเลย
เนื่องจากความกระตือรือร้นของเจ้าของทำให้ทั้งสองคนสามารถเข้าใจสถานการณ์ของแต่ละโรงงานได้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงงาน พนักงาน อุปกรณ์และอื่น ๆ พวกเขาสองคนเริ่มมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
พวกเขาสองคนมีไอเดียอยู่แล้วดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ภายในหนึ่งวันพวกเขาได้สำรวจโรงงานขนาดเล็กมากกว่าสิบแห่งซึ่งโรงงานเหล่านี้อยู่ไม่ไกลจากกัน มิเช่นนั้นพวกเขาทั้งสองคงไม่สามารถสำรวจโรงงานได้มากมายขนาดนี้
”เป็นยังไงบ้าง?ตัดสินใจแล้วหรือยัง? หรือจะมาดูพรุ่งนี้อีกรอบ?” กัวเหลียงถาม
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะทำงานร่วมกันเพื่อเริ่มทำธุรกิจด้วยกันแต่ฮวงเฟิงเป็นผู้ที่ลงทุนหลักและเป็นคนที่มีทักษะมากที่สุด ดังนั้นจึงดูเหมือนว่ากัวเหลียงเป็นผู้ถือหุ้นร่วมและมีฮวงเฟิงเป็นผู้ถือหุ้นหลัก
“พรุ่งนี้ฉันคงไม่มาดูอีกแล้วล่ะพอได้เห็นโรงงานมากมายในวันนี้ ฉันพอจะมีไอเดียคร่าวๆแล้ว เพราะโรงงานพวกนี้เหมือนกันหมด และราคาก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากด้วย”
ฮวงเฟิงพักดื่มน้ำจากนั้นก็พูดต่อ
“ไปทำที่โรงงานของบอสหลี่กันเถอะโรงงานของพวกเขาเคยผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียมาก่อน แม้ว่าจะดูง่ายและดูงานหยาบไปหน่อย แต่มันก็ยังคล้ายกับของที่เราต้องการจะผลิต พนักงานพวกนี้ก็น่าจะทำได้เร็วด้วย”
อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กและมันเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ไฮเทคมากนักแต่ก็ยังสามารถตอบสนองความต้องการในการผลิตได้เป็นอย่างดี
บทที่ 238 ซื้อโรงงาน
ตราบใดที่ฮวงเฟิงซื้อโรงงานอุปกรณ์และสามารถรักษาพนักงานเดิมไว้ได้ เขาก็จะสามารถเริ่มการผลิตได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และนี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ฮวงเฟิงให้ความสำคัญ
เมื่อพิจารณาจากที่ฮวงเฟิงพูดมากัวเหลียงก็ไม่ได้คัดค้านใดๆ ความจริง เขาเองก็ได้จับตาดูเจ้าของโรงงานเช่นกันจนสามารถบอกได้ว่าเจ้าของโรงงานดูเร่งให้พวกเขาซื้อ ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่าคงต้องมีาช่องว่างของการต่อรองราคา
”เอาล่ะเนื่องจากนายตัดสินใจได้แล้ว งั้นพวกเราค่อยมาคุยกันพรุ่งนี้” กัวเหลียงกล่าว
ฮวงเฟิงพยักหน้าเขาเองก็มีความคิดเช่นเดียวกัน ตราบใดที่เขายังไม่ได้ผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียสำเร็จรูป มันก็เป็นเหมือนเพียงกองกระดาษสีขาวที่ไร้ประโยชน์ หากผลิตกระดาษพวกนี้ให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ได้จริง กระดาษกองนี้จะกลายเป็นเงินได้หรือไม่
ดังนั้นในวันที่สองฮวงเฟิงจึงขอลางานอีกครั้งและซูหยูโม่ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
ทว่าเรื่องนี้กลับทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวรู้สึกไม่ดีนักแม้ซูหยูโม่จะเกลี้ยกล่อมเธอแล้วก็ตาม เพราะเธอไม่ต้องการให้น้องของเธอตามรังควานฮวงเฟิงอย่างบ้าคลั่งเหมือนแต่ก่อน
อย่างไรก็ตามการที่ฮวงเฟิงขอลาต่อเนื่องทำให้เธอไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เนื่องด้วยซูหยูโม่ตอบตกลงไปแล้ว เธอจึงไม่สามารถว่าอะไรชายหนุ่มได้
เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวจะเป็นประธานส่วนซูหยูโม่เป็นแค่รองประธาน แต่ในสถานกาณ์ปกติ ตราบใดที่ซูหยูโม่เป็นคนตัดสินใจ เธอไม่มีอำนาจคัดค้านอะไรได้ แม้ว่าเธอจะไม่พอใจฮวงเฟิงแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถที่จะคัดค้านอะไรได้
”ฉันว่านายจะลาออกเมื่อไหร่ดีล่ะ? ลางานบ่อยขนาดนี้เหมือนไม่ใช่ตัวนายเลยนะ” ระหว่างทางกัวเหลียงได้พูดกับฮวงเฟิง
จากนั้นพวกเขายังต้องขอสิทธิบัตรเพื่อยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจและอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ต้องทำและเมื่อสิ่งต่างๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง พวกเขาจึงเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจดำเนินไปด้วยดีพวกเขาก็อาจจะยุ่งมากขึ้น ดังนั้นการลางานจึงไม่ใช่แผนระยะยาวของฮวงเฟิงอีกต่อไป
”ขอฉันคิดก่อนนะ”ฮวงเฟิง หากบริษัทมีเพียงเซี่ยเมิ่งเจียวเป็นเจ้าของ ฮวงเฟิงจึงไม่ลังเลที่จะลาออก
แต่ความจริงยังมีซูหยูโม่อีกหนึ่งคนที่เป็นเจ้าของร่วมด้วยซึ่งเธอก็ปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี อีกทั้งทั้งสองยังเป็นเพื่อนกันอีกด้วย ซูหยูโม่สารภาพหลายครั้งว่าไม่อยากให้เขาลาออก ดังนั้นฮวงเฟิงจึงเกิดลังเลขึ้นมา
เมื่อทั้งสองคนไปถึงโรงงานของบอสหลี่บอสหลี่ที่ทราบข่าวก็รออยู่แล้ว
”ขอต้อนรับการมาเยือนของประธานฮวงและบอสกัวอีกครั้งนครับ”หลังจากที่ฮวงเฟิงและกัวเหลียงก็ได้เห็นโรงงานของบอสหลี่เมื่อวานนี้แล้ว ถ้าพวกเขากลับมาในวันนี้ ก็แสดงว่าพวกเขาสองคนสนใจโรงงานของเขาและต้องการเจรจากับเขา แน่นอนว่าพวกมาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร
เมื่อสองปีก่อนเขายังได้เห็นโอกาสทางธุรกิจภายใต้ระบบการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อม ท้ายที่สุดประเทศก็ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ
นี่เป็นเหตุผลที่เขาระดมเงินจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อโรงงานแห่งนี้ไว้ในตอนนั้นรวมไปถึงสายการผลิตอีกสองแห่งที่ไม่ไกลจากที่นี่นักเพื่อหวังได้รับส่วนแบ่ง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ได้มากนักเนื่องด้วยข้อกำหนดทางเทคนิคนั้นสูงมาก ถ้าเขาไม่มีเงินสำรองในการอัพเกรดสายการผลิต เขาก็ทำได้เพียงแค่ต้องตกที่นั่งลำบากในแต่ละวัน
สิ่งที่เขาสามารถผลิตได้ก็มีเพียงเครื่องบำบัดน้ำเสียขนาดเล็กเท่านั้นซึ่งประสิทธิภาพของอุปกรณ์พวกนี้ก็ไม่สูงนักนอกจากต้องแข่งขันกับโรงงานอื่นแล้วผลกำไรก็ต่ำมากเช่นกัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พวกเขาต้องประสบความสูญเสียมากมายและอุปกรณ์จำนวนมากที่พวกเขาผลิตก็ไม่สามารถขายได้หมด
นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมบอสหลี่ถึงต้องเข้ามาช่วยโรงงานที่กำลังตกต่ำด้วยเงินจำนวนหนึ่ง เขาสามารถเลือกลงทุนกับโครงการอื่นได้ แต่กับอุตสาหกรรมบำบัดน้ำเสียมีนักลงทุนที่ไหนบ้างที่จะเต็มใจทำธุรกิจนี้
”บอสหลี่ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากหรอกครับหลังจากที่เรากลับไปเมื่อคืน พวกเราได้คิดถึงเรื่องนี้กันแล้วรู้สึกว่าบอสหลี่เสนอราคาตรงไปตรงมาดี ดังนั้น เราจึงมาที่นี่เพื่อมาคุยกันเรื่องนี้ครับ บอสหลี่สามารถให้สัมปทานเกี่ยวกับราคาของโรงงานกับพวกเรายังไงบ้างครับ?” ฮวงเฟิงกล่าว
”ผมไม่สามารถลดราคาได้อีกแล้วครับอีกอย่างราคาของผมก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น พูดตามตรงนะครับ ถ้าผมไม่อยากช่วยจริงๆ ผมก็คงไม่เสนอราคาที่ต่ำขนาดนั้นไปถ้าผมต้องลดราคาอีก ผมคงเอาทุนคืนไม่ได้ด้วยซ้ำ” บอสหลี่ส่ายหัวเด็ดขาด
”แล้วถ้าแบบนี้ละครับเรามาเปลี่ยนวิธีกันดีกว่า ราคาของบอสหลี่เมื่อวานรวมอุปกรณ์ต่างๆ หมดแล้ว แต่ตอนนี้เราไม่ได้ต้องการอุปกรณ์พวกนั้นแล้ว ตราบที่คุณยังคงทำงานในโรงงานนี้ คุณจะไม่ลดราคาลงสักหน่อยหรือ?” ฮวงเฟิงกล่าว
”ยังไงอุปกรณพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์สำหรับพวกเราหลังจากที่พวกเราซื้อมาแล้วก็คงต้องกำจัดพวกมันทิ้งอยู่ดี นั้นเป็นเรื่องที่ลำบากมากสำหรับพวกเราเช่นกัน”
บอสหลี่ไม่รู้ว่าฮวงเฟิ่งและคนอื่นๆ ต้องการซื้อโรงงานแห่งนี้ไปทำอะไร หากมันแตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยผลิตมาก่อน เขาก็ต้องกำจัดอุปกรณ์นั้นออกไปก่อน
แต่การเสนอราคาของอุปกรณ์เหล่านั้นก็ไม่ง่ายเพราะมันมีสภาพเก่าและไม่ใช่อุปกรณ์ที่ไฮเทค และการจำกัดของเหล่านี้ต้องใช้เงินและความพยายามอย่างมากแน่นอน
บอสหลี่ไม่ได้วางแผนที่จะดำเนินธุรกิจนี้อีกต่อไปเนื่องจากลงทุนไปแล้วได้ผลประโยชน์ไม่คุ้มทุนดังนั้นสำหรับเขาอุปกรณ์เหล่านั้นจึงไม่มีประโยชน์เลย
เมื่อวานที่เขาเสนอราคาไปนั้นนั้นหมายความว่าเขาต้องการรวมอุปกรณ์เหล่านั้นด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงและคนที่เหลือต้องการกำจัดภาระพวกนี้เช่นกันหลังจากซื้อโรงงานไปพวกเขาคงไม่ใช้อุปกรณ์พวกนี้ในการผลิตต่อ
ด้วยเหตุนี้แทนที่จะเสียเวลาไปกับการกำจัดอุปกรณ์เหล่านี้ถ้าเป็นตัวเขาเองก็คงไม่อยากเอาด้วยเช่นกัน นี่คือความคิดทั้งหมดของบอสหลี่
”บอสทั้งสองแม้ว่าอุปกรณ์ของผมจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ยังขายเอากำไรนิดหน่อยได้ หากพวกคุณไม่ต้องการก็สามารถขายพวกมันต่อได้ และราคาที่ผมเสนอพวกคุณไปเมื่อวานก็ยังไม่นับว่าสูงเกินไป” บอสหลี่กล่าว