กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 253-254
บทที่ 253 แท้จริงแล้วคุณเป็นใคร
”อะไรกัน”นายเองก็ไม่อยากทำหรอ? “ถงเฉียนจุนพูดขณะที่เขามองไปที่ลุงหลี่ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
สถานะตอนนี้ของเฉียนจุนไม่สามารถทำให้เขากลับมาสู่ตำแหน่งเดิมได้นับตั้งแต่ที่เขาวางมือ เขาก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทุจริต เขาก็ยิ่งไม่เคยนึกถึงลุงหลี่และคนอื่นๆอีกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลุงหลี่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทุจริตและต้องการควบคุมโลกมืด คิดจริงๆ หรือว่าคนที่สถานีตำรวจจะเป็นพวกที่รู้แต่วิธีหากินเพียงทางเดียว?
เขารู้สึกว่าวิสัยทัศน์ของเขาแคบเกินไปและนั้นมันก็ทำให้เขาต่อสู้กับคนอื่นได้ยากเขาเป็นแค่นักเลงมาตลอดชีวิตและไม่มีทางเทียบกับถงเฉียนจุนได้ เขาจึงคิดว่าเป็นคงเป็นการดีแล้วที่เขาช่วยดูแลถงเฉียนจุน
“เราใช้วิธีอื่นได้ไหม?”ลุงหลี่กล่าวอย่างไม่เต็มใจนัก ถ้าเขาส่งหลินจื้อเฉิงไปก็เท่ากับว่าเขาจะสูญเสียแขนไปเช่นกัน
”พวกมันเป็นแค่พวกอันธพาลถ้านายส่งคนพวกนี้ไป นายก็จะได้ฝึกเพิ่มอีกสองคน มีอะไรไม่เต็มใจที่จะทำอีกไหม?” ถงเฉียนจุนพูดอย่างเหลืออด
จริงๆแล้วมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ลุงหลี่ไม่เต็มใจที่จะส่งหลินจื้อเฉิงไปตอนนี้หลินจื้อเฉิงได้ออกจากไห่โจวไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นหัวหน้า จื้อเฉิงก็อาจไม่ฟังเขาและอาจมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหลินจื้อเฉิงและชิวฮ่าวต่างต้องทำเพื่อตัวเองซึ่งทั้งสองต่างรู้กันดี แม้ว่าการคาดเดาที่เป็นไปไม่ได้นี้อาจเป็นจริงได้เล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เกิดขึ้น แค่เรื่องพวกเขาทั้งสองคนก็ทำให้ความโกรธของลุงหลี่และเฉียนจุนสงบลงได้ยากแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้นหลินจื้อเฉิงได้เปิดเผยตัวเองอีก และตำรวจหรือที่ทำการรัฐ ก็กำลังประกาศข้อมูลนี้ด้วย “นายจะไม่สามารถปกป้องเขาได้ ฉันเองก็เหมือนกัน! ถ้ากับนักโทษคนอื่น ฉันอาจให้เขายอมจำนน ในตอนนั้นฉันคงพยายามอย่างเต็มที่มากกว่านี้เพื่อลดโทษให้กับเขา”
ถงเฉียนจุนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยเขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นเขาจึงต้องจับตัวหลินจื้อเฉิงและบังคับให้ยอมจำนนโดยสมัครใจหรือยอมอยู่เฉื่อยๆให้เข้าจับกุม ถ้าเขายังคงหนีต่อไป เฉียนจุนเองที่อาจจะต้องตกที่นั่งลำบาก
”ขอฉันคิดเรื่องนี้ก่อน”ลุงหลี่เริ่มคิดหาวิธี อาจเป็นเพราะเขารู้ว่าถงเฉียนจุนไม่ได้อะไรผิด แต่เรื่องนี้ดันว่าเกี่ยวข้องกับท่านชิวและแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลอกฝ่ายนั้น หากเขาประมาทเพียงนิดเดียว เขากลายเป็ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยทันที
”เอาล่ะงั้นก็คิดเรื่องนี้ดีๆ ล่ะ แต่ยังไงก็เร็วเข้าเถอะ!” ถงเฉียนจุนกล่าวว่า“ ฉันมีแผนที่จะออกไปก่อน ถ้านายตัดสินใจได้เมื่อไหร่ ก็บอกฉันด้วยแล้วกัน”
ถงเฉียนจุนลุกขึ้นยืนและจากไปแต่ลุงหลี่ก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่ยุ่งเหยิง เขายังคงไม่ขยับไปไหนและยังตัดสินใจเรื่องที่ถงเฉียนจุนพูดไม่ได้
”ใจเสาะ!”ณ ทางเดินนอกห้อง ถงเฉียนจุนพูดออกมาเบา ๆ เขาดูถูกที่ลุงหลี่ลังเลที่จะตัดสินใจ และคิดว่าคนประเภทนี้คงจะไม่เคยทำการใหญ่มาก่อน
ลุงหลี่ไม่รู้ว่าถงเฉียนจุนคิดอย่างไรกับเขาและตอนนี้เขากำลังพิจารณาสิ่งที่ควรจะทำ
”ถึงเวลาเลิกงานหรือยัง?”ฉันอยู่ที่เลอคองคอร์ด เลิกงานแล้วคุณก็มาที่นี่หน่อยสิ “เมื่อฮวงเฟิงกำลังเตรียมตัวเลิกงานในช่วงบ่าย เขาก็ได้รับโทรศัพท์จาก ชิวหนิงซวง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับ ฮวงเฟิง
”ได้เลยครับผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” เมื่อฮวงเฟิงวางสายไปเขาก็พบว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วเขาจะไม่ทำงานล่วงเวลาหากไม่จำเป็นจริงๆ
”ดูนายจะค่อนข้างมั่นใจนะว่าตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วไม่มีใครในที่ทำงานคิดแบบนายหรอกนะ” ขณะที่ ฮวงเฟิงเดินออกจากห้องทำงานไป เขาก็ชนเข้ากับเซี่ยเมิ่งเจียวอีกครั้ง ในครั้งนี้ซูหยูโม่ไม่ได้อยู่ข้างเธอ
”ผู้อำนวยการเซี่ยตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ดังนั้นก็ถือว่าไม่เลิกงานเร็วไปใช่ไหมครับ?” ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขาเดิน
”หื้ม”เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงไม่มีทีท่าที่จะหยุดเดิน เซี่ยเมิ่งเจียวจึงตะโกนออกไปด้วยความไม่พอใจว่า “นายจะรีบไปตายรึไง!”
น่าเสียดายที่ฮวงเฟิงเดินไปไกลแล้วจึงทำให้ไม่ได้ยินสิ่งที่เซี่ยเมิ่งเจียวพูดแต่อย่างไรเสียแม้ว่าเขาจะยินเสียงเธอก็ตาม เขาก็ไม่ได้จะสนใจอยู่แล้ว และนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขามีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำในตอนนี้จนไม่มีอยากเสียเวลามาทะเลาะกับเซี่ยเมิ่งเจียว
”เจ้าหน้าที่ชิวผมอยู่ตรงนี้ครับ” เมื่อฮวงเฟิงมาถึงใกล้เล่อกังเขาจึงเห็นชิวหนิงซวงแต่ไกล
ชิวหนิงซวงวันนี้เห็นได้ชัดว่าเจตนาอัมพลางตัวนิดหน่อยเพื่อมาพบเขาหรือให้บอกอีกอย่างนึงก็คือวันนี้เธอปลอมตัวมาตอนนี้เธอไม่สวมชุดเครื่องแบบตำรวจจราจรแล้วแต่กลับสวมชุดกีฬาที่ดูสบายๆแทน เสื้อผ้าแนวนี้เห็นได้ชัดว่าเหมาะกับเธอมากบวกกับสีหน้าที่เธอตั้งใจปั้นขึ้นมาให้เข้ากับบุคลิกนั้นอีก
แน่นอนว่าในสถานที่อย่างไนท์คลับมักจะมีแสงไฟสลัวๆ ดังนั้นคนอื่น ๆ จึงไม่สามารถมองกันเห็นได้โดยง่าย อีกทั้งด้วยรูปลักษณของเธอในตอนนี้จึงทำให้ไม่เป็นที่ดึงดูดจากสายตาคนอื่น การปลอมตัวของเธอในครั้งนี้จึงถือได้ว่าไม่ได้เป็นวิธีที่แย่นัก
”ไปกันเถอะ.”ชิวหนิงซวงกล่าวขณะที่เขามองฮวงเฟิง ด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฮวงเฟิงต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ดังนั้น เขาจึงจัดชุดของตัวเองไว้ในแหวนมิติเสมอดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่กลับบ้านไปในตอนนี้ เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ทุกที่
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไปในไนต์คลับบรรยากาศกลับดูไม่คึกครื้นเพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่แท้จริงจะยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น
“คุณมาที่นี่ทำไม?คุณลุงหลี่หรือถงเฉียนจุนอยู่ที่นี่หรอครับ?” ทั้งสองคนเลือกโต๊ะมุมที่ใกล้ประตูและนั่งลงคุยกัน ไม่นานฮวงเฟิงก็ถามชิวหนิงซวงขึ้นมา
”ที่นี่เป็นเป็นไนท์คลับของลุงหลี่และคนที่มักจะช่วยเขาดูแลสถานที่นี้ก็คือคนของหลินจื้อเฉิง”ชิวหนิงซวงมองไปที่ฝูงชนโดยรอบโดยที่ปากของเธอก็ตอบคำถามของฮวงเฟิงไปด้วย
ฮวงเฟิงพยักหน้าตามเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ชิวหนิงซวงกำลังตามสืบเรื่องของลุงหลี่ แต่ตอนนี้ถงเฉียนจุนดูน่าสงสัยมากกว่าลุงหลี่ กับชายที่ร่ำรวยที่สุดอย่างถงเฉียนจุนแล้ว เมื่อเทียบกับลุงหลี่แล้วกลับดูตรวจสอบได้ง่ายกว่าโดยไม่ต้องสงสัย
“คืนนี้เขาจะมาที่นี่หรือเปล่า?”ฮวงเฟิงถาม
”อ้อฉันสืบมาเรียบร้อยแล้วนะ ในสัปดาห์นี้เขาจะมาในเวลานี้ของทุกคืนเพื่อมาประชุมไม่ก็ตรวจสอบบัญชี” ชิวหนิงซวงกล่าว
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมลุงลี่ถึงมาที่นี่ทุกสัปดาห์แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาจะมาหาเธอนั้นก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับในตอนนี้
“คืนนี้เขาจะอยู่ที่นี่ไหม”ฮวงเฟิงถาม
”ฉันรู้แล้วเขามาตามเวลานี้ของสัปดาห์ในตอนกลางคืนไม่ว่าจะเพื่อประชุมหรือตรวจสอบบัญชีของเขา”ชิวหนิงซวงกล่าว แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมลุงลี่ถึงมาที่นี่ทุกสัปดาห์ แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาจะมาหาเธอ ตอนนี้เธอรู้เรื่องนี้ก็เพียงพอแล้ว
”คุณนี่ข้อมูลแน่นดีนะครับไม่ว่าผมจะมองคุณกี่ครั้ง คุณก็ดูไม่เหมือนตำรวจจราจรทั่วไปอยู่ดี” เพราะตอนนี้ถือว่ายังไม่สายเกินไปถ้าลุงหลี่ยังไม่มา ฮวงเฟิงจึงตอกกลับชิวหนิงซวงไปอย่างง่ายดาย
”งั้นแล้วฉันดูเหมือนอะไรล่ะ?” ชิวหนิงซวงถาม
”ผมก็ไม่แน่ใจครับผมคิดว่าคุณจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับสถานะของคุณเองเพราะคุณเคยพูดว่าจะเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ และมันยิ่งทำให้สถานะของคุณดูไม่ปกติ เพราะถ้าคุณมีความลับเกี่ยวกับเรื่องสถานะจริง คุณจะมาเป็นตำรวจจราจรทำไมกัน? ดังนั้น ตอนนี้ผมก็ยังเดาไม่ออกเหมือนกันครับ “ฮวงเฟิงกล่าว
”คุณเป็นตำรวจจราจรไม่ได้ถ้าคุณมีประวัติเนี่ยนะ?ตรรกะอะไรกันเนี่ย? “ชิวหนิงซวง กล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
”แน่นอนว่าแม้การเป็นตำรวจจราจรจะไม่เสี่ยงอันตรายเท่าตำรวจอื่นๆแต่ก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดี ดูสิ เศรษฐีรุ่นที่สองหรือข้าราชการรุ่นสองจะมาเป็นตำรวจจราจรได้ได้สักกี่คนเชียว?” ฮวงเฟิงกล่าว
บทที่ 254 ลอบสังเกต
”สิ่งที่นายพูดดูมีอคตินะแต่ว่านะ พวกคนรุ่นสองก็ไม่ได้ทำแบบนั้นทั้งหมดหรอกนะ” ชิวหนิงซวงกล่าว
”ในกรณีนี้คุณนี้ช่างหยาบคายจริง” ฮวงเฟิงหัวเราะพร้อมพูด แต่ก็ไม่ได้ถามเกี่ยวกับตัวตนของเธอต่อ
ชิวหนิงซวงเพียงยิ้มตอบเท่านั้นและไม่พูดอะไรต่ออีก
ฮวงเฟิงยังไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของสถานที่นี้มากนั้นแม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะไปบาร์กับกัวเหลียงมาแล้วก็ตาม
ส่วนอีกคนอีกด้านนึงเขาสามารถบอกได้ว่าชิวหนิงซวงเองก็คงไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมนี้ไม่ต่างกัน
”นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาสถานที่แบบนี้หรอครับ?”ฮวงเฟิงถาม
”ใช่”ชิวหนิงซวงตอบ
มุมปากของฮวงเฟิงยกขึ้นบ่งบอกถึงไม่เชื่อที่ชิวหนิงซวงจะเป็นหนึ่งในพวกคนรวยรุ่นที่สองหรือเรียกอีกอย่างว่าพวกทายาทเศรษฐีหรือแม้แต่ข้าราชการที่รุ่นสองคนพวกนี้ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็คงต้องเคยมาในสถานที่แบบนี้อยู่หลายครั้งแน่
บาร์ที่ฮวงเฟิงไปมาก่อนหน้านี้เขาก็เห็นพวกทายาทเศรษฐีสู้กันเพื่อแย่งผู้หญิงคนเดียวแน่นอนว่านี่ไม่ได้รวมถึงความจริงที่ว่าชิงหนิงซวงที่ดูทั้งดูบริสุทธิ์และดูเหมาะสมเป็นพวกทายาทมหาเศรษฐี แม้เธอจะมีทีท่าไม่ชอบสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่ยังเขาก็ยังคงคิดว่าเธอคงต้องเคยมีโอกาสมาในสถานที่แบบนี้แน่
ฮวงเฟิงได้ยินคำพูดของชิวหนิงซวงในขณะที่ยังคงมองไปที่กลุ่มชนที่กำลังพลุกพล่าน”ลุงหลี่อยู่ที่นี่แล้ว!” แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นลุงหลี่มาก่อน แต่ก็ไม่ยากที่จะหาภาพของเขามา
เมื่อได้ยินคำพูดของชิวหนิงซวงใจของฮวงเฟิงก็กระตุกฮวบและมองไปที่ประตูทันที
“เอ๊ะ ทำไมถึงเป็นเขา” ฮวงเฟิงอุทาน หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็ก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัวและไม่มองไปที่ประตูอีกต่อ
”ใคร?”เห็นได้ชัดว่าชิวหนิงซวงได้ยินสิ่งที่เขาพูด
”ไม่มีอะไร”ฮวงเฟิงตอบกลับทันที
ชิวหนิงซวงหันไปมองฮวงเฟิงก่อนหน้านี้เขาเองก็สงสัยว่าถงเฉียนจุนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ รวมไปถึงที่ชิวหนิงซวงเองก็สงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่อย่างไรตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้ลุงหลี่เดินไปแล้ว ที่พวกเขาทั้งสองเลือกที่จะนั่งโต๊ะมุมใกล้ประตูนั้นก็เพื่อเวลาที่ลุงหลี่ปรากฏตัวนั้นจะง่ายต่อการตำแหน่งของอีกฝ่าย
ฮวงเฟิงคิดว่าตัวเขาเองไม่น่าเป็นที่รู้จักจนถูกอีกฝ่ายจับได้ตอนนี้ชิวหนิงซวงก็ยังคงหันหลังและมองไปที่ลุงหลี่และผู้ติดตามคนอื่น ๆ จนกระทั่งพวกเขาเดินจากไป
ลุงหลี่ยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมกับผู้ติดตามสองสามคนหนึ่งในผู้ติดตามของเขาดูเหมือนเดินขากะเผลก เมื่อพวกเขาเดินผ่านฮวงเฟิงไปพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรและผู้ติดตามอีกสองคนก็ไม่ได้มองไปทางฮวงเฟิงด้วย เพียงแต่เดินตรงไปอย่างเดียว
“คุณมีอะไรจะบอกฉันไหม?” เมื่อลุงหลี่และผู้ติดตามของเขาเดินผ่านไป ชิวหนิงซวงมองหลังของลุงหลี่ขณะพูดกับฮวงเฟิง
”ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วเร็วเข้า เดี๋ยวก็ตามพวกเขาไม่ทันหรอก ไม่งั้นเราจะเสียเวลาในภายหลัง” ฮวงเฟิงกล่าวขึ้นทันที
”ฉันไม่ต้องคนที่ไม่รู้จักมาอยู่ข้างๆฉันหรอกนะ”อย่างไรก็ตามชิวหนิงซวงยังคงไม่ขยับไปไหน เหตุผลที่เธอตกลงให้ฮวงเฟิงตามเธอมาได้ ข้อแรกเพราะเธอรู้สึกว่าทักษะของฮวงเฟิงไม่แย่นักและนั้นมันทำให้เหมือนเธอมีผู้ช่วยเพิ่ม ข้อสองเพราะเธอได้ตรวจสอบภูมิหลังของฮวงเฟิงมาแล้วและคิดว่าเขาดูไม่น่าสร้างปัญหาให้กับเธอภายหลังได้
“หึ” ฮวงเฟิงยิ้มเจื้อน: “รอดูต่อไปแล้วกัน ว่าผมจะทำอะไรคุณรึเปล่า?”
ชิวหนิงซวงพยักหน้าในเรื่องนี้เธอมั่นใจว่าเขาคงไม่ทำอะไรเธอแน่ เพราะล่าสุดฮวงเฟิงก็เพิ่งจะช่วยชีวิตเธอและแม้ว่าฮวงเฟิงจะปิดบังอะไรไว้ มันก็คงไม่เป็นอันตรายต่อเธอ
”เอาล่ะรีบตามพวกเขาไปก่อนดีกว่า ค่อยมาพูดเรื่องพวกนี้ทีหลัง” ชิวหนิงซวงกล่าว เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางยอมแพ้ที่จะสงสัยและตั้งคำถามกับฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงได้แต่ยิ้มเจื้อนโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะอธิบายให้เธอฟังในครั้งหน้าได้อย่างไรแต่อย่างไรเสียก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือ ติดตามลุงหลี่และดูว่าพวกเขาจะพบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
เมื่อชิวหนิงซวงบอกว่าถงเฉียนจุนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เนื่องจากเขาไม่ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างละเอียดมากนักครั้นเมื่อเห็นชิวฮ่าวเดินตามหลังลุงหลี่มันแสดงให้เห็นว่าเขาคิดผิดอีกครั้งและมันก็ทำให้ประหลาดใจมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงตอนนี้ดูเหมือนว่ามันคงไม่น่าตกใจเท่าไหร่แล้วเพราะชิวฮ่าวเคยช่วยถงเจี้ยนมาตั้งแต่แรกและเป็นไปได้ที่ลุงหลี่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการตายของพี่เปียว ดังนั้นจึงน่าจะเกี่ยวข้องกับถงเจี้ยนหรือถงเฉียนจุนด้วย
ใช่แล้วคนที่ตามหลังลุงหลี่มาเมื่อกี้คือชิวฮ่าว ฮวงเฟิงดีกว่าใครว่าทำไมเขาถึงเดินไม่ค่อยคล่องแคล่ว ตอนนี้ฮวงเฟิงลดศีรษะลงเพื่อหลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็นเพราะเขาเคยต่อสู้กับอีกฝ่ายมาก่อน หากพวกเขาถูกพบเข้า ทั้งเขาและชิงหนิงซวงจะถูกเปิดโปง
ชิวหนิงซวงตัดสินใจที่จะไม่ซักถามฮวงเฟิงในตอนนี้นี้ทั้งสองลุกขึ้นยืนและเดินตามหลังลุงหลี่และคนอื่น ๆไป จากนั้นพวกเขาก็เดินขึ้นไปยังชั้นสี่ ทั้งชั้นเต็มไปด้วยห้องหลากหลายประเภท
“เราจะทำยังไงดี?” เขาเห็นลุงหลี่และคนติดตามอื่น ๆ เข้าไปในห้องส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีคนเฝ้าอยู่หน้าประตูอยู่สองคนด้วยกันซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่ง
คำถามของฮวงเฟิงทำให้ชิวหนิงซวงต้องขมวดคิ้วเธอมาที่นี่เพื่อมาสืบอย่างลับๆ โดยปกติแล้วเธอจึงไม่สามารถให้อีกฝ่ายเห็นตัวเธอได้ ดังนั้น เธอจึงไม่สามารถบังคับให้เขาเข้าไปในห้องนั้นได้ อีกอย่างหากยังดันทุรังฝืนเข้าไปก็ดูเหมือยจะไม่เจอเบาะแสอะไรเพิ่มเติม
เมื่อเห็นชิวหนิงซวงขมวดคิ้วฮวงเฟิงก็รู้ในตอนนี้คงหวังที่จะพึ่งเธอไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ท้ายที่สุดชิวหนิงซวงเป็นได้เพียงตำรวจจราจรเพราะเห็นได้ว่าในการจัดการปัญหากับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้เธอดูไม่ค่อยถนัดนัก
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฮวงเฟิงมองไปที่ห้องส่วนตัวนั้นอีกครั้งเพื่อจดจำตำแหน่งของห้องจากนั้นเขาจึงพูดกับชิวหนิงซวงว่า”ตามฉันมา!”
แม้ว่าชิวหนิงซวงจะไม่รู้ว่าฮวงเฟิงกำลังวางแผนอะไรแต่เธอก็ยังคงทำตามโดยไม่รู้ตัวบางทีเรื่องที่ฮวงเฟิงช่วยเธอเมื่อครั้งล่าสุดมันทำให้เธอมีความมั่นใจในตัวเขามาก อย่างไรก็ดี ในขณะที่เดินอยู่บนถนน ชิวหนิงซวงเผลอถามออกไปว่า: “นายกำลังทำอะไรอยู่?”
”แน่นอนว่าเพื่อแอบฟังพวกเขาคุยกันยังไงล่ะ”ฮวงเฟิงกล่าวราวกับว่าจะต้องทำเช่นนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จากนั้นเขาก็มองชิวหนิงซวงและพูดว่า”เจ้าหน้าที่ชิว ผมมาที่นี่เพื่อช่วยคุณไขคดีและผมก็เป็นคนช่วยชีวิตครั้งก่อนด้วยใช่ไหม?”
”ใช่!”ชิวหนิงซวงกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แม้ว่าเธอจะสงสัยว่าฮวงเฟิงแต่เธอก็ไม่มีวันลืมพระคุณของฮวงเฟิงและครั้งนี้ก็เป็นฮวงเฟิงอีกที่จะช่วยเธอไขคดี