กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 259-260
บทที่ 259 ร่วมมือกัน
”มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!”ชิวหนิงซวงตอบ
อันที่จริงตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเสียใจที่นำหัวข้อนี้ขึ้นมาพูด ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หัวข้อนี้ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเธอเลย
หลังจากนั้นทั้งสองก็เลือกทานอาหารง่ายๆแล้วค่อยแยกย้าย ทั้งสองนัดพบกันตอนบ่ายของวันพรุ่งนี้ที่ประตูเล่อกังหลังเลิกงาน
ในขณะเดียวกันหลังจากที่ฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงแยกทางกัน ที่ไฮเอนด์คลับเฮาส์มีคนสองสามคนกำลังรับประทานอาหารและดื่มอย่างมีความสุข บรรยากาศโดยรอบนับว่าดีทีเดียว
”มาผู้จัดการถง ดื่มครับ ผมได้ยินชื่อเสียงของผู้จัดการถงมานานแล้ว ในที่สุดวันนี้ผมก็มีโอกาสได้เห็นความกล้าหาญของคุณกับตา จริงๆแล้วคุณดูมีสง่าราศีมากกว่าที่ผมเคยได้ยินมากเสียอีก อ่า ฮ่าฮ่า” ผู้จัดการหยวนหยิบแก้วไวน์ของตัวเอง เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับถงเฉียนจุนที่นั่งอยู่ข้างๆ
อาหารมื้อนี้จัดโดยผู้จัดการหยวนเองหลังจากมาถึงมณฑลชิงเขาได้ไปเยี่ยมผู้คนมากมายและวันนี้ก็สามารถติดต่อกับถงเฉียนจุนได้อย่างแม่นยำ
ไม่ใช่เพราะผู้จัดการหยวนไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับถงเฉียนจุนให้เร็วขึ้นแต่เพราะถงเฉียนจุนมีเรื่องที่ต้องทำมากมาย และมีเรื่องเกิดขึ้นกับลูกชายของเขา หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้มาพบพวกเขาอีกจนถึงวันนี้
การพยักหน้าของถงเฉียนจุนทำให้ผู้จัดการหยวนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
ถงเฉียนจุนเป็นอสรพิษที่มีทรงพลังมากอีกทั้งยังเป็นอสรพิษที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย หากเขาไม่สามารถบูชาวิหารภูเขานี้ได้อย่างถูกต้อง การที่เขาจะประสบความสำเร็จในเมืองชิงถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
”ผู้จัดการหยวนชมกันเกินไปแล้วครับ” ถงเฉียนจุนคิดว่าจะดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผู้จัดการหยวนที่อยู่ข้างๆก็ได้รินไวน์ให้เขาจนเต็มแก้วไปแล้ว
หลังจากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารปละพูดคุยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายผู้จัดการหยวนที่เริ่มต้นการสนทนา แต่คนช่างเจรจาอย่างผู้จัดการหยวนนั้นมีฝีปากดี ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองนั้นดูดีไร้ที่ติ
“ตั้งแต่ผู้จัดการหยวนมาที่เมืองชิงผมคิดว่าคุณกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างที่เมืองชิง ใช่ไหมครับ?” ไม่มีใครรู้ว่าเขายังคงกังวลเรื่องลูกชายและพี่เปี่ยว แต่สีหน้าของเขากลับดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
”พวกเขาต้องการขยายธุรกิจไปยังเมืองชิง”ผู้จัดการหยวนไม่ปฏิเสธ
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่ทุกคนก็จะรู้ หลังจากมาถึงเมืองชิง เขาก็ไม่มีเวลาว่างอีกและเห็นได้ชัดว่าถงเฉียนจุนไม่ใช่คนขาดสติ
“ถ้าอย่างนั้นผมว่าคุณควรเตรียมรับมือให้ดี บริษัทเครื่องสำอางของเราที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงมีอยู่ไม่น้อย” ถงเฉียนจุนกล่าว
”ผมทราบเรื่องนี้ดีก่อนที่ผมจะมาที่เมืองชิง ผมได้ทำการตรวจสอบมาก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็มั่นใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทของผมมาก” ผู้จัดการหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
”บางครั้งแค่สินค้าดีไม่ได้หมายความว่าจะทำสำเร็จนะครับ” ถงเฉียนจุนว่า
เขาเองก็เคยคิดแบบนั้นแต่เขามีอะไรดีไปกว่าคนอื่นล่ะ? บริษัทของเขาดีกว่าของคนอื่นหรือไง? เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ แต่เขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองชิง แสดงว่าต้องมีปัญหาตามมาแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหยวนไม่ใช่มือใหม่ในพื้นที่นี้และเข้าใจหลักการต่างๆเป็นอย่างดี
ผู้จัดการหยวนหัวเราะแล้วพูดกับถงเฉียนจุนว่า”แต่ว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าอย่างคุณสักหน่อย”
ถงเฉียนจุนโบกมือและตอบกลับไปว่า”คุณคิดว่าผมเป็นพระพุทธเจ้าได้ยังไงละครับ?” ถึงเขาจะตอบไปกลับแบบนั้น แต่กลับไม่สามารถปกปิดความหยิ่งทนงบนใบหน้าได้
“ผมได้ยินมาว่าคุณชายถงตามจีนซีอีโอซูหยูโมคนสวยอยู่เรื่องจริงเหรอครับ?” ผู้จัดการหยวนเอ่ยถาม
“ผู้จัดการหยวนเองก็ทราบเรื่องนี้ด้วยเหรอครับ”คิ้วของถงเฉียนจุนกระตุก โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
”เฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปคือคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราการรู้จักตัวเองและรู้จักศัตรูก็เพียงพอให้ผมทำศึกร้อยครั้งชนะร้อยครั้งแล้ว ผมต้องให้ความสำคัญกับคนที่เกี่ยวข้องกับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปอยู่แล้วครับ” ผู้จัดการหยวนกล่าว
”นอกจากนี้ผมคิดว่าถ้าคุณชายถงจับซูหยูโม่คนนั้นได้จริงๆ ผมอาจจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทนิดหน่อย ผมจะต้องเห็นแก่หน้าตาของคุณชายถงด้วย”
”ไม่จำเป็น!”ถงเฉียนจุนโบกมือ “มันก็แค่ความปรารถนาของเจ้าลูกชายแค่ฝ่ายเดียว”
”เป็นไปได้ยังไงคุณชายตงมีฐานะดีขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าซูหยูโม่มีมาตรฐานสูงหรือ เธอไม่ได้ชอบคุณชายถงเหรอ?” ความจริงแล้ว เขาได้ตามสืบเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว ท้ายที่สุด ทั้งเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป
และตระกูลถงเป็นสิ่งที่เขาต้องให้ความสนใจ
”เหอะ!”ถงเฉียนจุนสบถอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในความเป็นจริงถงเฉียนจุนเองก็รู้สึกโกรธที่ซูหยูโม่ ‘ไม่รู้ว่าอะไรคือของดี’ แม้ว่าตระกูลของเธอจะมีอิทธิพลต่อเมืองนี้ แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลถงของเขาก็ไม่ต่างจากอีกฝ่าย
ลูกชายของเขาบริสุทธิ์ใจต่อเธอมาโดยตลอดเขาตามจีบเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เธอไม่สามารถแม้แต่จะหันมามองเขา เรื่องนี้ทำให้ถงเฉียนจุนผู้เคยทำตัวหยิ่งผยอง กลับต้องมานั่งรู้สึกเสียใจ
“ผู้จัดการถงผมทราบข่าวที่คุณและลูกชายอาจจะสนใจมาด้วยละครับ” ผู้จัดการหยวนกล่าว
”ข่าวอะไร?”
“ผมทราบมาว่าตระกูลซูของซูหยูโม่มีอิทธิพลในเมืองหลวงแต่คนในตระกูลของเธอไม่อนุญาติให้เธอก่อตั้ง บริษัท แต่เพราะเธอยังดั้นด้นที่จะทำมันให้สำเร็จ เป้าหมายของเธอคือการทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง และปราถนาที่จะไม่ถูกตระกูลจับคลุมถุงชน” ผู้จัดการหยวนกล่าว
”โอ้?เป็นอย่างนี้นี่เอง” ถงเฉียนจุนพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยบนใบหน้า
อันที่จริงไม่นานมานี้ ถงเฉียนจุนเองก็ทราบข่าวนี้แล้วเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ได้ยืนยันความถูกต้องของข่าวเท่านั้น ตอนที่เขาได้ยิน ผู้จัดการหยวนพูดเรื่องเดียวกันนี้ ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าข่าวนี้คงจะเป็นเรื่องจริง
“เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงสิครับผมมั่นใจ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เลือกโจมตีเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปหรอกครับ จริงไหม?” ผู้จัดการหยวนไม่ได้ปิดบัง
นอกจากนี้ผู้จัดการหยวนเขายังเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถของถงเฉียนจุน ไม่มีทางที่เขาจะสามารถปิดบังอีกฝ่ายได้ และที่มากกว่านั้นคือเขาไม่คิดตัวเองจำเป็นต้องปิดบังอีกฝ่าย
”คุณหมายถึงอะไร?”ถงเฉียนจุนถามกลับ เขาไม่เชื่อว่านี่จะเป็นการสนทนากันแบบสบาย ๆเหมือนที่ผู้จัดการหยวนกำลังทำอยู่
เนื่องจากพวกเขากำลังพูดถึงหัวข้อนี้แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องมีเหตุผลบางอย่างถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อนึกถึงวิธีที่ผู้จัดการหยวนจะจัดการกับสู่เฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดูท่าว่าเขาจะเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
”ผมจะไม่พูดอ้อมค้อมนะครัยผู้จัดการถง ผมต้องการร่วมมือกับผู้จัดการถงทำลายเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปครับ!” ในที่สุดผู้จัดการหยวนก็ได้บอกจุดประสงค์ของตน
”แล้วทำไมผมต้องร่วมมือกับคุณด้วยละครับ?ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปสักหน่อย อีกอย่าง ลูกชายของผมก็ชอบซูหยูโม่”
ถงเฉียนจุนแอบคิดว่าที่อีกฝ่ายพูดมานั้นเป็นความจริงแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ผ่านบนใบหน้า
“เพราะว่ามันมีประโยชน์ยังไงละครับ!”ผู้จัดการหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจ “แถมยังวินวินกันทั้งสองฝ่ายอีกด้วย”
บทที่ 260 ตกลง
“ต่างคนต่างได้อย่างนั้นเหรอ?คุณหยวนควรจะพูดให้ชัดเจนนะว่าจะพูดอะไร?” ถงเฉียนจุ้นยังคงมีท่าทางสงบและสุขุม แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะรู้สึกสะเทือนใจอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้แสดงมันออกมาและต้องการที่จะได้เปรียบมากขึ้นในความร่วมมือต่อไปนี้
”ต่างคนต่างได้แน่นอนอยู่แล้ว”ผู้จัดการหยวนกล่าว: “ถ้าเราสามารถเอาชนะเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปได้ บริษัทของเราจะสามารถรวมเข้ากับจังหวัดชิงได้ดีขึ้น และลดคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งลง ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวของพวกเรา”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งผู้จัดการหยวนยังคงพูดต่อไปว่า “และถ้าคุณทำลายเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปได้ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อำนวยการถงเช่นกัน ที่ซูหยูโม่ไม่ได้สนใจนายน้อยถงในตอนนี้ก็เพราะว่ามันเป็นเพราะตัวตนของเธอ แต่หากปราศจากเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป เธอจะสูญเสียผู้สนับสนุนและความภาคภูมิใจส่วนหนึ่งของเธอ เมื่อถึงเวลานั้นหากนายน้อยถงตามจีบเธอด้วยท่าทีแห่งชัยชนะ ก็จะประสบความสำเร็จได้ง่ายมาก ”
“แม้ว่าตระกูลซูและตระกูลเซี่ยจะมีอิทธิพลมากมายในเมืองหลวง แต่ครอบครัวของพวกเธอก็ไม่ได้ปรารถนาให้พวกเธอออกมาก่อตั้งบริษัท เพื่อที่จะแยกตัวออกจากการควบคุมของพวกเขา แม้ว่าเราจะต้องโจมตีพวกเธอก็ตาม การสนับสนุนพวกเธอจะไม่เข้ามาแทรกแซงและยินดีที่ได้เห็นครอบครัวของพวกเธอตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับการแต่งงานของพวกเธอในเวลานั้น แม้ว่านายน้อยถงจะยังไม่ได้รับความโปรดปรานจากซูหยูโม่ แต่พวกเขาก็สามารถใช้ประโยชน์ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังของเธอได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ผู้จัดการหยวนพูดคุยค่อนข้างน้อยแต่ถงเฉียนจุ้นไม่ได้มีการแสดงออกใดๆ ตั้งแต่ต้นจนจบทำให้ผู้จัดการหยวนที่แอบสังเกตเขาอยู่นั้น รู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย
ในขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งแน่ใจว่าถงเฉียนจุ้นคนนี้เป็นจิ้งจอกเฒ่า และจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการจัดการกับเขาในอนาคต
“ฉันต้องขอบอกว่าคำพูดของผู้จัดการหยวนค่อนข้างสมเหตุสมผล”
หลังจากที่ผู้จัดการหยวนพูดจบถงเฉียนจุ้นก็กล่าวขึ้นมาช้าๆ:”อย่างไรก็ตามผู้จัดการหยวน เคยคิดหรือไม่ว่าเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปได้ให้ผลลัพธ์บางอย่าง แล้วนอกจากนี้พวกเขาก็ยังแสดงศักยภาพบางอย่างของพวกเขาและเป็นการยากที่จะปกป้อง ครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาไม่ให้ทิ้งเนื้อชิ้นนี้ไป”
เมื่อเทียบกับวิธีที่ผู้จัดการหยวนจินตนาการถึงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว
การพิจารณาของถงเฉียนจุ้นนั้นครอบคลุมมากกว่ามากตระกูลซูและตระกูลเซี่ยไม่เห็นด้วยกับซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวที่เริ่มต้น บริษัทที่อยู่ภายนอก
แต่ตอนนี้ทั้งสองคนได้ประสบความสำเร็จบางอย่างแล้วและอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนใจพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวจะพูดอะไร พวกเธอก็ยังคงเป็นตัวแทนของตระกูลซูที่อยู่ข้างนอก และพวกเขาไม่อาจที่จะทนดูลูกหลานของตัวเองถูกรังแกได้
“ผู้อำนวยการถงไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้หรอก”ผู้จัดการหยวนค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง: “พูดตามตรง กลุ่มออคิดบีนของเรา ยังคงมีความแข็งแกร่งในเมืองหลวงแห่งนี้ ดังนั้นเราจึงสามารถหาข้อมูลได้เช่นกัน ตระกูลซูนี้ไม่ใช่ถังเหล็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นเก่า พวกเขาค่อนข้างที่จะเบื่อหน่ายกับการกระทำที่ดื้อรั้นของทั้งสองสาวนั้น และในตอนนั้นเมื่อทั้งสองคนออกมา พวกเขาก็ได้ตั้งกฎที่จะไม่ใช้ความแข็งแกร่งของครอบครัวของตัวเอง แต่ในขณะที่พวกเขาหันไปหาครอบครัวเพื่อขอความช่วยเหลือ นั่นก็หมายความว่า พวกเขายอมทิ้งโอกาสนี้ไป นอกจากนี้เมื่อบริษัทของพวกเธอถูกกดดันจากบริษัทอื่น ครอบครัวของพวกเธอก็จะไม่ตั้งคำถามกับพวกเธอด้วย”
”พวกเราได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้จัดการหยวนแล้วคุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” ถงเฉียนจุ้นกล่าวด้วยความประหลาดใจ คราวนี้เขารู้สึกตกใจจริงๆ แต่ไม่ได้แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง เพราะข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่เขาเองก็ไม่รู้
หากสิ่งที่ผู้จัดการหยวนพูดนั้นเป็นความจริงครอบครัวของเขาและลูกชายของเขาก็จะมีโอกาส ถ้าเขาสามารถเอาชนะเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปได้ด้วยวิธีนั้น
เมื่อเซี่ยเมิ่งเจียวและซูหยูโม่แพ้การเดิมพันกับครอบครัวของพวกเธอเขาก็จะสามารถบอกให้สมาชิกในครอบครัวของเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้
ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็จะต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ช่วยสอนบทเรียนให้เด็กสาวที่ดื้อรั้นสองคนนี้
และหลังจากนั้นเมื่อเขาเสนอการแต่งงานแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาเองจะด้อยกว่าตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลวง แต่เขาก็ยังร่ำรวยที่สุดในมณฑลชิง นี่เป็นสิ่งที่เขาได้แต่หวังเอาไว้
“ผู้อำนวยการถงต้องล้อเล่นแน่ๆผมเพิ่งจะรู้ข่าวนี้เองนะ” เมื่อเห็นสีหน้าที่ประหลาดใจของถงเฉียนจุ้น เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง
”เอาล่ะฉันคิดว่าเรามีพื้นฐานสำหรับความร่วมมือแล้ว พรุ่งนี้คุณพาเขาไปที่ทำงานของฉัน แล้วเราจะคุยเรื่องนี้กันโดยละเอียดอีกที” ถงเฉียนจุ้นตกหลุมพรางเข้าให้แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุยในรายละเอียด ดังนั้นเขาจึงจะรอจนถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น
”ได้เลยพรุ่งนี้จะไปที่นั่นแน่นอน!” เมื่อเห็นว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ผู้จัดการหยวนก็ดีใจมากที่เขาได้รับความช่วยเหลือมากมายจากจังหวัดชิง
หลังจากนั้นเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นและพูดกับถงเฉียนจุ้นว่า:”ถ้าอย่างนั้น ซีอีโอถงฉันหวังว่พวกาเราจะได้ร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”
“ร่วมมือกันอย่างมีความสุข!”
“กริ๊ง!”ด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ คนทั้งสองได้ชนแก้วไวน์กันและดื่มในรวดเดียว
“ฟู่ฉันเหนื่อยจังเลย!”
ในอีกด้านหนึ่งนั้นถังมู่เสวี่ยที่กำลังทำงานอยู่ข้างนอกตลอดทั้งวัน ได้กลับไปยังที่พักที่ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวพักอยู่
“ทนไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?ฉันแนะนำให้เธอรีบกลับเมืองหลวงไปซะเถอะ นั่น ผู้ชายพวกนั้นรอล้อมหน้าล้อมหลังเธออยู่ เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไงล่ะ” เซี่ยเมิ่งเจียวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งกล่าว
“ยัยงูพิษฝันไปเถอะ ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ความลำบากเล็กน้อยแค่นี้ไม่ได้กินฉันหรอก” ถังมู่เสวี่ยกล่าว
ถึงแม้ว่าเธอจะได้ตัดสินใจว่าเธออยากเป็นอย่างซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวการเริ่มต้นธุรกิจของเธอเองนั้นเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร
เธอรู้แค่ว่ามันไม่เหมือนกับสิ่งที่เธอเคยทำเมื่อก่อนนี้ซึ่งเธอแค่เล่นสนุกไปเรื่อยตามที่เธอต้องการ เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความสุขของเธอไปตลอดชีวิต
“ไม่ต้องห่วงนะไม่ต้องรีบร้อนเกินไปหรอก” เธอรู้ว่าไม่จำเป็นต้องสงสัยในความมุ่งมั่นที่ถังมู่เสวี่ยมีในตอนนี้ แต่เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เธอกลัวว่าถังมู่เสวี่ยจะกังวลเกินไปและทำให้เธอเบื่อหน่าย
“ฉันรู้พี่หยูโม่” ถังมู่เสวี่ยกล่าว แม้ว่าหัวใจของเธอจะเหนื่อยล้ามาก แต่เธอก็เต็มไปด้วยจิตใจและรู้สึกว่าเธอเต็มไปด้วยแรงจูงใจ
ไม่ว่าเธอจะขมขื่นและเหนื่อยแค่ไหนเธอก็รู้สึกว่ายังอดทนต่อไปได้