กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 263-264
บทที่ 263 ฉันเป็นแฟนของเธอ
”อ้อแกอยากจะพิสูจน์ยังไงล่ะ?” ฮวงเฟิงจ้องมองอย่างเย็นชา ดวงตาที่แหลมคมของเขามองตรงไปที่คู่ต่อสู้ของเขาและชายคนนั้นก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกหมาป่าจ้องมองในทันทีและเขาก็รู้สึกอึดอัด
ในเวลานี้ชิวหนิงช่วงซึ่งอยู่ด้านข้างจู่ๆ ก็คว้าแขนของฮวงเฟิงและจูบที่แก้มของเขาเบาๆ จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
ทุกคนในตอนนั้นพากันตกตะลึงแม้แต่ฮวงเฟิงเองก็เหมือนกัน
ในตอนแรกเขาคิดว่าหากอีกฝ่ายยังคงตอแยเขาต่อไปเขาก็อาจจะต้องใช้เวทมนตร์ของเขาเพื่อสอนบทเรียนให้อีกฝ่าย
แม้ว่ามันจะทำให้เกิดความปั่นป่วนแต่ก็ดีกว่าที่จะโจมตีพวกนั้นโดยตรง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าชิวหนิงช่วงจะทำให้เขาต้องตะลึงเช่นนี้
เขามองไปที่ชิวหนิงช่วงด้วยความไม่เชื่อ แต่ชิวหนิงช่วงกลับนั่งลงแล้วและดื่มเบียร์ของเธออย่างใจเย็น ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอเท่านั้นที่ทรยศต่อเธอ
ส่วนวัยรุ่นคนอื่นๆแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ต้องยอมแพ้
พวกเขามาที่นี่เพื่อมาหาสาวไม่ใช่มาเพื่อสร้างปัญหาและเนื่องจากสาวงามคนนี้มากับแฟนของเธอจริงๆ พวกเขาจึงได้ยอมแพ้
นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแต่หลังจากที่เขานั่งลงฮวงเฟิงยังคงมองไปที่ ชิวหนิงช่วงด้วยท่าทางที่ไม่เชื่อ เขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากฉากก่อนหน้านี้
บางทีอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกถึงการจ้องมองของฮวงเฟิงชิวหนิงช่วงจึงมัดผมของเธออย่างเก้ๆ กังๆ และพูดขณะที่มองไปที่ถ้วยไวน์ของเธอ: “อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันแค่กลัวว่าคุณจะผลีผลามและทำร้ายพวกเขา แม้ว่าสหายเหล่านั้นจะไม่สมควรตาย แต่มันก็จะเป็นความผิดพลาด ถ้าคุณทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น”
”อ้อฉันรู้น่า” แม้ว่าเขาจะเดาเหตุผลได้คร่าวๆ แต่ฮวงเฟิง ก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับว่าเขาชอบเธอหรือไม่แต่หลังจากที่ได้รับจูบจากสาวงามเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดมากในใจ
เธอเองก็หน้าแดงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะต้องทำเช่นนี้จนถึงจุดที่เธอดูไม่เหมือนตัวเอง
บอกได้เลยว่าในขณะที่เธออยู่ในทีมตำรวจจราจร มีคนจำนวนมากพยายามไล่ตามเธอ แต่เธอไม่ได้มีใจต่อพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และเธอก็ไม่เคยไว้หน้าใครด้วย
อย่างไรก็ตามการที่เริ่มจูบฮวงเฟิงก่อนี้ มันก็เหนือความคาดหมายยิ่งนัก ถ้าเพื่อนร่วมงานที่เป็นตำรวจจราจรมาเห็นเข้า พวกเขาต้องขากรรไกรค้างลากยาวถึงดินเชียวแหละ
ชิวหนิงช่วงรู้สึกว่าอาจเป็นเพราะว่าเธอดื่มมากเกินไปและเธอก็ค่อนข้างจะคออ่อน ดังนั้นเธอจึงทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อลงไป
นอกจากนี้ฮวงเฟิงก็ยังเป็นคนเริ่มก่อนที่บอกพวกนั้นว่าเธอเป็นแฟนของเขา
ในเวลาต่อมาเธอจึงได้ถือโอกาสทำเช่นนั้นอย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินว่าวัยรุ่นพวกนั้นสงสัยว่าเขาเป็นแฟนเธอจริงหรือเปล่า เธอจึงไม่ได้คิดทบทวนให้ดีและจูบเขาไปแล้ว
บางทีมันอาจจะเริ่มมีอะไรๆระหว่างทั้งสองคนที่ด้านนอกหน้าต่างชั้นสี่ก็เป็นได้
ในตอนนั้นฮวงเฟิงได้ทำให้เธอรู้สึกแตกต่างจากคนอื่นๆ และเขายังได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ในตอนที่เธอตกอยู่ในอันตราย
ซึ่งหญิงสาวที่ไม่เคยฝันถึงเทพบุตรขี่ม้าขาวที่เหาะลงมาจากท้องฟ้าเพื่อช่วยชีวิตเธอในยามที่ตกอยู่ในอันตรายงั้นหรอกหรือ?
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะทำไปโดยไม่ได้ตั้งใตแต่ก็ยังคงทิ้งความประทับใจไว้ในส่วนลึกของหัวใจของเธอ
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเธอจะจูบฮวงเฟิงด้วยเหตุผลใด จากนี้ไปเธอก็เข้าใจว่าในใจของเธอ ฮวงเฟิงนั้นแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ อย่างแน่นอน แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับว่าเธอชอบเขา แต่เขาก็ยังคงเป็นคนพิเศษสำหรับเธอ
”ลุงหลี่มาแล้ว!”
เธอตื่นขึ้นจากโลกของตัวเองทันทีจากนั้นก็มองไปทางประตู แน่นอนว่าเธอเห็นร่างของลุงหลี่และชิวฮ่าวก็ตามมาข้างๆ เขา
ชิวหนิงช่วงรีบหันหน้าไปทางอื่นและแสร้งทำเป็นว่าจะดื่มต่อแต่ในความเป็นจริงเธอกำลังให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของลุงหลี่และคนอื่นๆ อยู่
“ไปตามดูสิว่าเขายังอยู่ในห้องเมื่อวานหรือเปล่า?”ฮวงเฟิงแนะนำ แม้ว่าความเป็นไปได้ที่ลุงหลี่จะยังคงอยู่ในห้องเมื่อวานนี้นั้นมีอยู่มาก แต่ฮวงเฟิงก็ยังคงรู้สึกว่าดูให้แน่ใจคงจะดีกว่า
”ได้เลย!”ชิวหนิงช่วงเห็นด้วยกับคำแนะนำของฮวงเฟิงโดยไม่ลังเล สิ่งนี้ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ติดตามกลุ่มของลุงหลี่จากระยะไกลแน่นอนว่าพวกเขาเห็นว่าพวกนั้นยังคงเข้าไปในห้องนั้นตั้งแต่เมื่อวานและได้ทิ้งพวกเขาสองคนไว้ที่ทางเข้าเช่นเคย
ในขณะที่พวกเขากำลังจะจากไปพวกเขาก็เห็นหนึ่งในสองคนที่ประตูมองไปรอบๆ ก่อนที่จะฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายเผลอ เอามือปิดปาก จากนั้นเขาแทงใบมีดเข้าที่หลังของอีกฝ่าย
แม้ว่าคนๆนั้นจะดิ้นรน แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดเคลื่อนไหว
ฮวงเฟิงและชิวหนิงช่วงมองดูฉากตรงหน้าด้วยความตกใจพวกเขามองหน้ากันและเห็นความสงสัยในดวงตาของกันและกันโดยไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทะเลาะกันเอง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็รวดเร็วเกินไปพวกเขาสองคนไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับอะไรเลยและทุกอย่างก็จบลงเสียแล้ว
พวกเขาเดินไปที่ด้านข้างของชายทั้งสองคนและช่วยคนที่โจมตีหามศพไปที่ห้องข้างๆ
หลังจากนั้นชายทั้งสองก็จัดการเช็ดเลือดที่ประตูจากนั้นทั้งสองก็ยืนอยู่ที่นั่นโดยแสดงท่าทางทำหน้าที่เฝ้าประตูต่อไป
ฮวงเฟิงสั่งให้ชิวหนิงช่วงออกไปหลังจากที่ทั้งสองคนเดินลงไปที่ชั้นสี่ ฮวงเฟิงก็พูดกับชิวหนิงช่วงว่า: “ดูเหมือนว่าคืนนี้จะไม่ง่ายซะแล้วนะ”
“อืมบางทีลุงหลี่และชิวฮ่าวคงคิดผิด ว่าแต่อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่?” ชิวหนิงช่วงกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
เห็นได้ชัดว่าคนที่โจมตีไม่ได้อยู่ฝ่ายของลุงหลี่และคนอื่นๆแต่ฮวงเฟิงและชิวหนิงช่วงไม่สามารถเข้าใจได้ว่าคนที่โจมตีคือใคร
“ไปด้านหลังกันก่อนเถอะ”ฮวงเฟิงกล่าว ที่นี่ไม่มีประโยชน์ในการเดาและเขาก็จะไม่ได้รับคำตอบใดๆ เขาจะแอบไปที่ด้านหลังและแอบฟัง
”อืม”ชิวหนิงช่วงพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ออกไปแต่บังเอิญเมื่อพวกเขาเดินออกจากคลับ
ทั้งสองคนก็เห็นเด็กวัยรุ่นสองสามคนที่คอยหาเรื่องกับพวกเขาเมื่อเห็นร่างของพวกเขา ดวงตาของชิวหนิงช่วงก็สว่างวาบขึ้นด้วยความโกรธก่อนหน้านี้
ตอนที่เธออยู่ข้างในเธอกลัวว่าจะก่อปัญหาให้เสียแผน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ แต่ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกแล้วจึงไม่จำเป็นต้องรั้งตัวเองไว้
บทที่ 264 จื่อเฉิงปรากฏตัว
“อย่าทำอะไรนะเดี๋ยวฉันจะจัดการเอง!” ชิวหนิงช่วงกล่าวกับฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงยักไหล่และไม่ได้พูดอะไรเขาไม่ได้รู้สึกถึงรัศมีความน่ากลัวจากคนพวกนั้นเลย ดังนั้นถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะมีคนมากกว่า แต่ฮวงเฟิงก็ไม่ได้คิดว่าชิวหนิงช่วงจะอยู่ในอันตราย
ชิวหนิงช่วงเดินเข้าไปหาพวกนั้นในทันทีและในตอนนี้ข้างกายของวัยรุ่นหนุ่มพวกนั้นก็มีหญิงสาวอีกสองคนมาด้วยแต่สภาพของสาวทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะตอนนี้พวกเธอเมามากและกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง ซึ่งฟังไม่รู้เรื่อง
“ฟิ้วฟิ้ว ฟิ้ว!”
ชิวหนิงช่วงเดินไปที่ด้านหลังของเจ้าคนแรกที่พูดกับเธอและทุบเข้าที่ไหล่ของเขาอย่างจัง
คนๆนั้นหันหน้ามาด้วยความสับสน เมื่อเขาเห็นร่างสีดำพุ่งเข้ามาหาเขา
”แม่งเอ้ยแกนั่นเอง นังผู้หญิงตัวเหม็น! นี่มึงเป็นบ้าหรือไง!?” ชายคนนั้นปิดตาของตัวเองและคำรามใส่ชิวหนิงช่วง
ในตอนนี้เขาได้ผละออกจากผู้หญิงในอ้อมกอดของเขาจากนั้นเขาก็วาดหมัดเข้าใส่ชิวหนิงช่วง
อย่างไรก็ตามชิวหนิงช่วงไม่แม้แต่จะพยายามหลบและจับกำปั้นของเขาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวจากนั้นก็บิดมัน
”ปล่อยปล่อยนะ มันจะหักแล้ว มันจะหักแล้ว!” ชายคนนั้นทนไม่ได้อีกต่อไปและเริ่มร้องขอชีวิต
”คราวหน้า!”อย่างไรก็ตามขาของชิวหนิงช่วงก็เตะเข้าที่ท้องของเขาอย่างจังจนตัวลอย
คนที่เหลืออีกสองสามคนก็พร้อมที่จะเข้าโจมตีชิวหนิงช่วงแต่หลังจากเห็นสภาพที่น่าสังเวชของเพื่อนแล้ว พวกเขาก็ลังเล
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวสวยคนนี้จะมีพลังมากขนาดนี้
“ทำไมไม่ลองดูมั่งล่ะ?””งั้นก็รีบไปซะสิ ลังเลกันอยู่ทำไม?” ชิวหนิงช่วงมองไปที่วัยรุ่นเหล่านี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชอบกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า
ในตอนแรกพวกเขาก็ยังลังเลอยู่บ้างแต่หลังจากที่ถูกชิวหนิงช่วงปั่นหัว
พวกเขาก็ไม่คิดอะไรอีกต่อไปแล้วและเริ่มตะโกนใส่ชิวหนิงช่วง ดวงตาของชิวหนิงช่วงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและไม่ได้ถอยหนี
แต่กลับใช้โอกาสนี้เข้าโจมตีแทนและด้วยการชกและเตะเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถเอาชนะพวกนั้นได้ จนถึงจุดที่เธอไม่ได้โดนพวกนั้นทำร้ายเลยแม้แต่หมัดเดียว
เมื่อเห็นว่าพรรคพวกอีกสองสามคนกำลังนอนร้องไห้ไม่หยุดชิวหนิงช่วงรู้สึกเหมือนว่าเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าเธอยังมีงานต้องทำดังนั้นเธอจึงทำได้แค่สั่งสอนบทเรียนให้คนพวกนี้
“เร็วเข้าสิรีบไสหัวไปซะ!” ชิวหนิงช่วงตะโกน
คนพวกนั้นรีบดิ้นรนช่วยกันตะเกียกตะกายลุกขึ้นและหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะต้องการพาผู้หญิงเมาทั้งสองคนออกไปด้วย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายอมแพ้กับเหยื่อของพวกเขาแบบนั้นพวกเขาไม่ได้เต็มใจนัก แต่ชิวหนิงช่วงก็เดินเข้าไปเตะเขาอีกครั้งและส่งให้เขาลอยออกไป
“แล้วพวกเธอสองคนนั้นล่ะ?”จากนั้นฮวงเฟิงก็เดินไปและพูดขณะที่มองดูผู้หญิงที่หมดสติทั้งสองคนที่อยู่บนพื้น
”ช่างมันเถอะถ้าพวกเธอดื่มแบบนี้ในสถานที่เช่นนี้ พวกเธอก็คงจะต้องการเป็นเหยื่อซะเอง” ชิวหนิงช่วงกล่าว
เธอยังมีสิ่งที่ต้องทำดังนั้นเธอจึงไม่สามารถดูแลเด็กผู้หญิงสองคนนี้ได้โดยปริยาย
และเธอสามารถช่วยพวกเขาได้เพียงครั้งเดียวและไม่เสมอไป
ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นอย่างที่เธอพูดบางทีคนสองคนนี้อาจไม่ต้องการให้เธอเข้าไปยุ่งในเรื่องของพวกเธอก็เป็นได้
ฮวงเฟิงยักไหล่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาไม่ได้มีความคิดที่ดีกว่านี้ แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยให้พวกเธออยู่แบบนี้เช่นกัน
เขาและชิวหนิงช่วงจึงลากพวกเธอไปที่มุมหนึ่งแล้ววางลงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนจะทำอะไรได้
”ไปกันเถอะ”ฮวงเฟิงกล่าว
”ค่ะ!”
ทั้งสองคนมาที่ด้านหลังของเล่อคังอีกครั้งในเวลานี้ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแม้แต่ไฟถนนในสถานที่แห่งนี้และมืดมาก
ฮวงเฟิงหยิบถุงมือวิเศษออกมาอีกครั้งและคว้าเอาตัวชิวหนิงช่วงและลอยขึ้นไป
เป็นอีกครั้งที่เธอถูกฮวงเฟิงกอดเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นของ ฮวงเฟิง ใบหน้าของชิวหนิงช่วงจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
”แม้ว่าเราจะเลื่อนเวลามาสักพักแต่ก็ยังไม่ถือว่ามาสายหรอกนะ” ฮวงเฟิงยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างเล็กน้อยและมองดูสถานการณ์ในห้อง
ชิวหนิงช่วงสงบสติอารมณ์ในทันทีและมองเข้าไปในห้อง
ภายในห้องนั้นลุงหลี่และชิวฮ่าวนั่งอยู่บนโซฟากำลังดื่มและพูดคุยกัน
แต่พวกเขาไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ในขณะที่ชายในชุดดำคนอื่นๆ ยืนอยู่ใกล้ประตูไม่ต่างจากเมื่อคืนนี้
ชิวหนิงช่วงหยิบกล้องตัวเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อทันทีเธอเตรียมตัวมาอย่างดีในวันนี้ และต้องการที่จะบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่
“คุณคิดว่าหลินจื่อเฉิงจะมาหรือเปล่า?”ชิวหนิงช่วงพูดเบาๆ กับ ฮวงเฟิง ขณะที่เธอตั้งค่ากล้องวิดีโอ
“เขาควรจะอยู่ที่นี่เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าลุงหลี่คนนี้พร้อมที่จะสละเขา” เพราะว่านี่เป็นสถานที่ที่หลินจื่อเฉิงได้ดิ้นรนมาเป็นเวลานาน ในใจของเขาก็คงจะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้แต่ในเมืองอื่นๆ เขาก็ยังสามารถมีชีวิตที่ร่ำรวยได้ แต่หากไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใดๆ เขาอาจจะรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างใน เมื่อเขาได้ยินจากลุงหลี่ว่าเรื่องต่างๆ ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาก็ควรที่จะกลับมา
ไม่นานหลังจากที่ฮวงเฟิงพูดจบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นลุงหลี่และชิวฮ่าวที่อยู่ในห้องต่างมองหน้ากัน แล้วพูดว่า “เข้ามา!”
ประตูได้ถูกเปิดออกและมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อหนาวสวมหัวส่วนหัวของเขาก้มต่ำด้วยหมวกที่สวมอยู่และกดลงต่ำและบังไปกว่าครึ่งหน้า
”จื่อเฉิงมาแล้วงั้นเหรอ?!” ลุงหลี่มองไปที่บุคคลนั้นและกล่าว
ที่ด้านนอกหน้าต่างชิวหนิวช่วงและฮวงเฟิงมองหน้ากันและกระซิบในเวลาเดียวกัน:”พวกเขามาแล้ว!”
หลังจากที่คนๆนั้นได้ยินคำพูดของลุงหลี่ เขาก็เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคน แม้ว่าจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เคราของเขาไม่ยาวนัก แต่ก็ไม่สั้นเช่นกัน
”ลุงหลี่ฉันกลับมาแล้ว!” ชายคนนั้นพูดกับลุงหลี่
”ดีแล้วแกกลับมาก็ดีแล้ว!” ลุงหลี่กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันต้องเดือดร้อนลุงหลี่ให้จัดการเรื่องพวกนั้นให้ฉันด้วย”หลินจื่อเฉิงกล่าวกับลุงหลี่
เมื่อลุงหลี่ซึ่งก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มได้ยินคำพูดของหลินจื่อเฉิงรอยยิ้มของเขาก็กระด้างขึ้น และเขาก็พูดออกมาอย่างละอายเล็กน้อยว่า: “จื่อเฉิง มีบางอย่างผิดพลาดนิดหน่อย”
”ผิดพลาดงั้นเหรอ?ผิดพลาดอะไรกัน? ลุงหลี่พูดเองทางโทรศัพท์ไม่ใช่เหรอว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว และกรมตำรวจก็ได้ปิดคดีนี้แล้ว?” หลินจื่อเฉิงกล่าวด้วยความสงสัย
”มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก”ลุงหลี่ส่ายหัว: “จื่อเฉิง แกคงจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด”