กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 281-282
บทที่ 281 หลงกับแม่
สำหรับความปลอดภัยของเสี่ยวไป่ฮวงเฟิงไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป ด้วยการเคลื่อนไหวที่แสนจะเรียบง่าย ทำให้มันสามารถจัดการสุนัขตัวใหญ่ตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย
”เพราะยังไงๆมันก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิธิ์”ฮวงเฟิงพึมพำในใจ
เสี่ยวไป่ถือกำเนิดมาได้ไม่นานมันยังเป็นหมาเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสหายตัวโตเลยแม้แต่น้อย แถมมันยังถือไพ่เหนือกว่าศัตรูในศึกนี้
ลูกเตะของเสี่ยวไป่นั้นทรงพลังมากสุนัขตัวใหญ่บินได้สูงแต่กลับก็บินได้ไม่ไกล ดังนั้นเมื่อมันลงจอดมันก็ยังคงอยู่ใกล้อุ้งเท้าของเสี่ยวไป่
เสี่ยวไป่ที่ไร้ความเมตตากระโดดขึ้นไปบนร่างสุนัขตรงหน้าแล้วเหยียบย่ำมันและกัดมันไปด้วย
ตอนแรกสุนัขตัวใหญ่ต้องการดิ้นรน แต่ในไม่ช้ามันก็หมดความตั้งใจที่จะขัดขืนไป
เนื่องจากมันเห็นว่าไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนเพียงใดมันก็ไม่สามารถหลุดรอดจากอุ้งเท้านี้ไปได้
”ไอ้หมาโง่!แกมัวทำบ้าอะไรอยู่วะ!” ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่กำลังตกใจกลับมาได้สติ
เขาตระหนักว่าอีกไม่นานเข้าขุนพล หมาที่แสนสำคัญของเขากำลังจะหมดลมหายใจแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปมันตายแน่!
เสี่ยวไป่หันหน้าไปตามเสียงเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายที่กำลังมองมาที่ทางมัน มันอ้าปากเผยคมเขี้ยว และคำรามเสียงต่ำใส่เขา
ชายคนนั้นตกใจกับท่าทางและการกระทำของเสี่ยวไป่เลยถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
หลังจากตระหนักว่าเขาได้ทำเรื่องเสียหน้าไปใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ
แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่กล้าเข้าไปห้ามเสี่ยวไป่เนื่องจากเขาได้เห็นความดุร้ายของเสี่ยวไป๋กับตา
“เสี่ยวไป่พอแล้ว” ในตอนที่ฮวงเฟิงพูดขึ้น สุนัขตัวใหญ่ที่ถูกเสี่ยวไป๋กัดไปทั่วร่าง ดวงตาที่ดุร้ายจากก่อนหน้านี้ ถูกแทนที่มันแววตาที่น่าสงสาร ราวกับว่ามันกำลังขอร้องให้เสี่ยวไป่ปล่อยมันไป
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งจากฮวงเฟิงเสี่ยวไป่ก็จำใจลงจากร่างของอีกฝ่ายทันที
สุนัขตัวใหญ่ยันตัวขึ้นและกำลังจะวิ่งหนีแต่เสี่ยวไป่ส่งเสียงคำรามจนสุนัขตัวใหญ่หยุดวิ่งทันที มันนอนลงบนพื้นและมองเสี่ยวไป่ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
จากนั้นเสี่ยวไป่ก็เดินมาอยู่ใกล้ๆเท้าฮวงเฟิงอย่างพึงพอใจและยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ
”จำไว้ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้ขู่ วันหลัง ถ้าคุณพาหมาไปเดินเล่นก็อย่าลืมใช้เชือกล่ามมัน ไม่อย่างนั้นมันจะถูกคนอื่นตีจนตายจริงๆ!” ฮวงเฟิงบอกกับชายหนุ่ม
ชายหนุ่มต้องการที่จะตอบโต้แต่เมื่อเขาเห็นเสี่ยวไป่ที่อยู่ข้างๆ ฮวงเฟิง เขาก็กลืนคำพูดของตัวเองกลับไปทันที ขืนเขาทำแบบนั้น เสี่ยวไป่คงได้แสดงอิทธิฤทธิ์อีกรอบแน่!
แต่สายตาที่เขามองไปที่เสี่ยวไป่นั้นต่างออกไปถ้าเขาได้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่งอย่างเสี่ยวไป่ เขาก็จะมีหน้ามีตาในหมู่เพื่อนๆไม่น้อย
เจ้าขุนพลที่เขาเคยเห็นในสายตาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน กับสุนัขตัวอื่น มันก็เป็นฝ่ายที่อ่อนแอกว่า!
ตอนนี้เขากำลังจ้องมองเสี่ยวไป่ และเริ่มคิดว่าจะขโมยเสี่ยวไป่ไปเป็นของตัวเองได้ยังไง โดยไม่ทันได้สังเกตว่าสุนัขของเขาเดินมาอยู่ข้างกายเขา จนกระทั่งอีกฝ่ายลูบขาเขา เขาถึงได้เห็นมัน
“แม่งเอ้ย!”ไอ้หมาไร้ประโยชน์!” ชายหนุ่มเตะสุนัขตัวใหญ่ออกไปให้พ้นทาง แต่ก่อนสุนัขตัวนี้เป็นดั่งสมบัติของเขา แต่บัดนี้มันกลับกลายเป็นขยะไร้ประโยชน์
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองมันด้วยซ้ำตอนนี้จิตใจของเขาอยู่ที่เสี่ยวไป่เท่านั้น
สุนัขตัวใหญ่เห็นท่าทางของเจ้านายมันเลยไม่กล้าก้าวเท้าหนีไปไหนและนอนลงไม่ไกล มันเลียบาดแผลและร้องสะอื้นอย่างน่าสงสาร
แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่หันมามองมันราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของมันเลยแม้แต่น้อย
”เด็กน้อยบ้านของเธออยู่ที่ไหนล่ะ ฉันจะไปส่งเธอเองนะ” อีกด้านหนึ่ง ฮวงเฟิงพาเด็กผู้หญิงตัวเล็กออกไปจากมุมตึก
ตอนนี้เด็กน้อยกำลังอุ้มเสี่ยวไป่ไว้ในอ้อมแขน ก่อนหน้านี้เธอกลัวสุนัขตัวใหญ่มาก ส่วนเสี่ยวไป่ ทั้งๆที่มันดุร้ายยิ่งกว่าสุนัขตัวใหญ่ แต่เธอกลับไม่กลัวมันแม้แต่น้อยและยังชอบมันมากอีกด้วย
ในตอนที่กำลังเดินไปจากตรงนี้เธอก็ถามฮวงเฟิงทันทีว่าเธอสามารถอุ้มเสี่ยวไป่ได้ไหม
แน่นอนว่าฮวงเฟิงไม่ขัดอะไรนอกจากนี้เขายังสั่งให้เสี่ยวไป่เชื่อฟังเธออีกด้วย แต่ในตอนที่ฮวงเฟิงกำลังใช้ความคิด เสี่ยวไป่ก็ส่งเสียงร้องอย่างสบายใจในอ้อมกอดของเด็กน้อย
เสี่ยวไป่ถูกเด็กน้อยกอดรัดหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้มซะขนาดนี้ มันจะไม่เชื่อฟังได้ยังไงล่ะ?
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะชอบอุ้มเสี่ยวไป่แต่เขาก็ไม่เคยลูบขนมันตอนที่กอดมันเหมือนเด็กน้อยคนนี้
เสี่ยวไป่ไม่ค่อยถูกกระทำแบบนี้เท่าไหร่นักมันจึงไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่ออีกฝ่าย
”บ้านของหนูไม่ได้อยู่แถมนี้ค่ะ”เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูดเสียงดังฟังชัด จากนั้นก็หันไปถามฮวงเฟิงว่า “คุณลุง หมาน้อยน่ารักตัวนี้มีชื่อไหมคะ”
”คุณลุง…?”ใบหน้าของฮวงเฟิงถึงกับตึง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าลุง นี่เขา…เขาแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ? เขายังไม่เคยมีแฟนหรือแต่งงานเลยนะ…
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงไม่สามารถระบายความโกรธออกมาต่อเด็กที่ไร้เดียงสาและน่ารักคนนี้ได้เขาเลยฝืนยิ้มแล้วตอบว่า “มันชื่อเสี่ยวไป่”
”โอ้เสี่ยวไป่นี่เอง! แล้วฉันจะเอาขนมมาให้กินนะ” เด็กน้อยก้มศีรษะแล้วพูดกับเสี่ยวไป่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นเสี่ยวไป่ก็ถูหน้าที่อกของเธอสองครั้งรวมถึงเลียมือของเธอโดยไม่ได้คำนึงศักดิ์ศรีในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย
เด็กน้อยหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสุข
ส่วนฮวงเฟิงนั้นจู่ๆเขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ออกมากับใคร และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ปกครองของเธอประมาทขนาดนี้ได้อย่างไร
”นี่เด็กน้อย พ่อแม่ของหนูอยู่ที่ไหนล่ะ” ฮวงเฟิงพยายามอดทนและถามเธออีกครั้ง
“หนูไม่มีพ่อค่ะ”จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดกับฮวงเฟิงว่า “หนูมาที่นี่กับแม่ เมื่อกี้ แม่อยู่ตรงนั้นค่ะ”
ฮวงเฟิงดีใจไม่น้อยที่ได้รู้ข่าวของสมาชิกในครอบครัวของเธอแม้ว่าเขาจะสงสัยที่เด็กน้อยบอกเขาว่าเธอไม่มีพ่อ แต่ฮวงเฟิงก็พาเธอไปตามทางที่เธอชี้ทันที
อย่างไรก็ตามเมื่อฮวงเฟิงพาเด็กน้อยไปตรงนั้นแม่ของเธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว
ฮวงเฟิงเดาว่าแม่ของเธอคงรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้จึงออกไปตามหาเธอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจรอที่นี่สักหน่อย บางทีหลังจากที่อีกฝ่ายหาเธอไม่ เธออาจจะกลับมาตรงนี้
ที่นี่เป็นลานกว้างห่างออกไปไม่ไกลเป็นสถานที่ที่คุณย่าและคุณปู่กำลังเต้นรำกัน ฮวงเฟิงเห็นม้านั่งตัวหนึ่ง เลยพาเด็กน้อยไปนั่งรอให้แม่ของเธอกลับมา
เด็กน้อยคนนี้เชื่อฟังมากและไม่ส่งเสียงที่ชวนอึดอัดเธอไม่ได้ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ เพราะเธอกำลังเล่นกับเสี่ยวไป่
ฮวงเฟิงกำลังคิดว่าโชคดีที่อีกฝ่ายอยู่กับเขา ขืนเขาออกไปตามหาแม่ของเธอคนเดียว มีหวังเด็กน้อยคนนี้ได้ขโมยสัตว์เลี้ยงของเขาแน่
บทที่ 282 เจอแม่ของเด็กน้อย
”หนูน้อยเธอชื่ออะไรล่ะ?” หวงเฟิงรู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอย จึงเริ่มพูดคุยกับเด็กสาวที่อยู่ข้างๆ
”หนูชื่อเสวี่ยเมิ่งจูค่ะอายุสี่ขวบ เข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้วด้วย!” เด็กสาวไม่เพียงแค่บอกชื่อให้ฮวงเฟิงรู้ แต่เธอยังบอกเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับตัวเองอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเธอประทับใจในตัวฮวงเฟิงและยินดีที่จะพูดคุยกับอีกฝ่าย
”เด็กดี”ฮวงเฟิงลูบหัวของเธอและพูดว่า “แต่ว่าเด็กดีอย่างเสี่ยวเมิ่งจูแอบออกไปเที่ยวเล่นตามลำพังได้ยังไงกันนะ?”
เด็กน้อยรู้สึกผิดในสิ่งที่ฮวงเฟิงพูดเธอจึงก้มศีรษะแล้วตอบกลับไปว่า “หนูรู้ว่าหนูทำผิด…”
“ไม่เป็นไรนะเด็กดีเดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะช่วยเธอตามหาคุณแม่เอง” ฮวงเฟิงพูดปลอบอีกฝ่าย แม้ว่าเด็กคนนี้จะเรียกเขาว่าลุง แต่ฮวงเฟิงก็ยังมั่นใจว่าตนยังไม่ได้แก่ขนาดนั้น
ฮวงเฟิงกำลังคิดว่าถ้าภายในอีกห้านาทีแม่ของเสี่ยวเมิ่งจูยังไม่กลับมาเขาจะพาเธอไปออกไปตามอีกฝ่ายแทน
“คุณแม่!นั่นไง คุณแม่ของเมิ่งจู คุณแม่ คุณแม่คะ หนูอยู่ทางนี้ค่ะ!” หลังจากที่ได้ยินเสียงตะโกน ทันใดนั้นเด็กน้อยก็ลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจแล้วพูดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานฮวงเฟิงก็เห็นเงาคนวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่าคนๆนี้สวมรองเท้าส้นสูง ในขณะที่วิ่งเธอเกือบหกล้ม แต่เธอกลับไม่สนและยังคงวิ่งต่อไป
”เมิ่งจู!ลูกแม่ หนูไปไหนมาคะ? รู้ไหม แม่ตกใจแทบตาย สัญญากับแม่นะคะว่าจะไม่วิ่งไปไหนโดยไม่บอกแม่แล้วนะคะ?” หลังจากที่ร่างนั้นรีบวิ่งตรงมา เธอก็กอดเสวี่ยเมิ่งจูแล้วพูดกับเธอพลางสะอื้นไห้
”คุณแม่คะหนูสัญญา หนูจะไม่วิ่งเล่นโดยไม่บอกคุณแม่อีกแล้ว” เด็กน้อยสัญญาขณะตบหลังผู้เป็นแม่เพื่อปลอบประโลม
แม่ของเด็กน้อยยังคงเป็นห่วงอีกฝ่ายเธอกอดลูกสาวตัวน้อยอยู่นานกว่าจะยอมคลายอ้อมกอด
จากนั้นเด็กน้อยก็ชี้ไปทางฮวงเฟิงแล้วพูดว่า”คุณแม่คะ ก่อนหน้านี้ มีหมาตัวใหญ่จ้องจะกัดเมิ่งจูด้วยค่ะ แต่พี่ชายคนนี้กับเสี่ยวไป่เข้ามาช่วยเมิ่งจูไว้”
เพราะความพยายามของฮวงเฟิงในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมเรียกเขาว่าพี่แล้ว เรื่องนี้ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกตื้นตันมาก
“หนูต้องเรียกเขาว่าคุณลุงสิคะ”ผู้หญิงคนนั้นรีบแก้สรรพนามที่ลูกสาวสาวของตนพูดผิดไป จากนั้นเธอก็หันไปบอกฮวงเฟิงว่า “ขอบคุณคุณจริงๆนะคะที่ช่วยลูกสาวของฉันไว้”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นกับตาว่าฮวงเฟิงช่วยลูกสาวของเธอแต่จากคำพูดของลูกสาวรวมถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพาลูกสาวของเธอมารอเธอที่นี่ ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณฮวงเฟิงอย่างมาก
ฮวงเฟิงถึงกับพูดไม่ออกนี่เขา…แก่ขนาดนั้นจริงเหรอ?
อย่างไรก็ตามถ้าเด็กผู้หญิงคนนั้นเรียกเขาว่าพี่ แสดงว่าเขาจะต้องอายุน้อยกว่าผู้หญิงสวยๆตรงหน้าสิ มีอะไรไม่ถูกต้องตรงไหนกัน?
ในตอนนี้ฮวงเฟิงก็ได้เข้าใจว่าทำไมเด็กน้อยเสวี่ยเมิ่งจูถึงได้หน้าตาน่ารักขนาดนี้ เป็นเพราะเธอได้รับยีนเด่นของแม่เธอมานี่เอง
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาที่เสวี่ยเมิ่งจูเรียกว่าแม่หน้าเด็กมากอีกฝ่ายน่าจะอายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้า ผมยาวประมาณไหล่และแสงอ่อนๆทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายดูงดงามไม่น้อย ”ไม่เป็นไรครับผมบังเอิญเดินผ่านไปแถวนั้นพอดี เอาเป็นว่าคุณกลับมาแล้ว ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ฮวงเฟิงตอบแล้วนั่งยองๆพูดกับเด็กน้อยว่า “คราวหน้าคราวหลัง หนูต้องเชื่อฟังแม่แล้วไม่วิ่งไปทั่วแล้วนะ เข้าใจไหมคะ?”
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยมากแต่ฮวงเฟิงกลับคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ชมก็ส่วนชม ถึงยังไงเขาไม่ใช่คนที่พอเห็นผู้หญิงสวยๆแล้วจะก้าวไม่ออกสักหน่อย
“หนูเข้าใจแล้วค่ะคุณลุง”ภายใต้การแก้ไขของแม่เธอเรียกอีกครั้งว่าลุงฮวงเฟิง “แต่ว่าคุณลุงคะ หนูอยากเล่นกับเสี่ยวไป่อีก…”
หลังจากพูดออกไปเด็กน้อยก็หันไปมองแม่ของตัวเองด้วยแววตาที่น่าสงสาร
แม่ของเธอลูบหัวเธอแล้วหันไปพูดกับฮวงเฟิง”ดูเหมือนเสวี่ยเมิ่งจูจะชอบมันเข้าแล้ว เอาเป็นว่าฉันขอเลี้ยงข้าวคุณก็แล้วกันนะคะ ฉันก็ยังไม่ได้ขอบคุณคุณแบบจริงๆจังๆเลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ทันใดนั้นดวงตาของเด็กหญิงก็หรี่ลงพลางหันไปมองฮวงเฟิง
ฮวงเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเขาเห็นว่ากลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรทำ จึงตอบตกลงทันที
เมื่อได้เห็นท่าทางของเด็กน้อยที่น่ารักคนนี้แล้วฮวงเฟิงถึงกับปฏิเสธอีกฝ่ายไม่ลง
ทั้งสามคนออกไปจากอำเภอเล็กๆ และพบร้านอาหารเล็ก ๆ เพื่อรับประทานอาหารซึ่งดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า ฮวงเฟิงไม่ได้มีส่วนร่วมในด้านนี้มากนัก แต่ต้องขอบคุณแม่และลูกสาวที่สวยงามอยู่เคียงข้างเธอและหน้าที่ของ ฮวงเฟิงคือดึงดูดสายตาที่เกลียดชังและอิจฉา
ทั้งสามทานอาหารและพูดคุยกันเสี่ยวเมิ่งจู้กินได้ไม่เยอะก็เอาแต่หยอกล้อเสี่ยวไป่และให้อาหารมัน เธอจำได้ว่าเธอสัญญากับเสี่ยวไป่ว่าเธอจะให้อาหารแสนอร่อยเป็นการตอบแทน
เมื่อได้พูดคุยกันฮวงเฟิงก็ได้ทราบชื่อของอีกฝ่าย แม่ของเด็กคนนี้ชื่อเสวี่ยหลิ่งหลิน ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะจริงๆ
เธอปล่อยเช่าห้องชุดที่นี่วันนี้เป็นวันที่เธอมาเก็บค่าเช่า เธอเห็นผู้คนที่ลานแห่งหนึ่งจึงพูดคุยกับอีกฝ่ายเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ ในตอนที่แม่เผลอ เด็กน้อยคนนี้ก็แอบวิ่งออกไปเที่ยวเล่นโดยพละการและได้พบกับสุนัขตัวใหญ่
ฮวงเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่าสาวงามตรงหน้าจะเป็นเจ้าของที่ดินแถวนี้ที่นี่มีบ้านพักไม่ต่ำกว่าสิบหลัง และแต่ละหลังมีราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้าน!
“ฉันต้องขอบคุณจริงๆสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นะคะ”ได้ฟังฮวงเฟิงพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เสวี่ยหลิ่งหลินก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าหากฮวงเฟิงไปถึงที่เกิดเหตุช้ากว่านั้นเธอไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวสุดที่รัก
”ไม่เป็นไรครับเธอยังเด็กอยู่ อย่าถือสาเลย” ฮวงเฟิงหันไปตอบเสวี่ยเมิ่งจู ส่วนเด็กน้อยที่ได้ยิน ฮวงเฟิงพูดถึงตัวเองจึงหันมาแลบลิ้นใส่แล้วส่งยิ้มหวาน
หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสองจึงบอกลากัน เห็นได้ชัดว่าเสวี่ยเมิ่งจูชอบเสี่ยวไป่มาก ในตอนที่ต้องบอกลา เธอจึงไม่อยากจากมันไป น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากตาทำให้เด็กน้อยดูน่าสงสารมาก
หากเสี่ยวไป่ไม่ใช่สัตว์สวรรคที่ฮวงเฟิงต้องใช่เพื่อเทเลพอร์ตและเด็กน้อยที่ชอบมันมากแล้วล่ะก็ฮวงเฟิงก็จะยกมันให้กับเธอ
สุดท้ายฮวงเฟิงก็ทำได้เพียงแค่พูดปลอบและบอกเธอว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหนและให้เบอร์ติดต่อกับอีกฝ่าย
”ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ”ฮวงเฟิงพึมพำกับตัวเองขณะที่เดินกลับบ้าน