กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 311-312
บทที่ 311 สนใจ
“อาจารย์งั้นเหรอ?”ฮวงเฟิงตกใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจ ไป่เสี่ยวโหรวคิดว่าอาจารย์ของเขาสอนพลังลมปราณให้เขา แต่ในความเป็นจริงแล้วเขานั้นไม่มี “อาจารย์”
”ใช่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องลึกลับสำหรับคนทั่วไป คนธรรมดาจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่สำหรับพวกเราไม่ใช่เรื่องใหญ่” ไป่เสี่ยวโหรวพูดต่อ
”พวกเรางั้นเหรอ?คุณหมายถึงคุณก็รู้จักเรื่องกำลังภายในด้วยงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงถาม
ไป่เสี่ยวโหรวพยักหน้าและกล่าวว่า:”อันที่จริง วันนี้คนที่ถูกเตะจนลอยไปเป็นคนแรกก็เป็นผู้นำกลุ่มของสิ่งคล้ายกับที่เรียกว่ากำลังภายใน เช่นเดียวกับในประเทศของพวกเขา สิ่งนั้นไม่ได้เรียกว่ากำลังภายใน แต่เรียกว่าแรงกำเนิด
ฮวงเฟิงพยักหน้าในเวลานั้นเขารู้สึกว่าคนๆนั้นไม่ใช่ธรรมดาเลยและแตกต่างจากคนอื่นๆ รอบตัวเขาอย่างชัดเจน
“อันที่จริงฉันเห็นได้ว่าคุณฝึกกำลังภายในมาเพียงไม่นาน แต่เนื่องจากการลอบโจมตีทำให้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมพร้อม นอกจากนี้กำลังภายในของคุณก็เกินที่จะต้านทานได้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้และถูกเตะจนลอยออกไป” ไป่เสี่ยวโหรวตอบ: “อ้อ ฉันเกือบลืมไปแล้ว คุณยังมีอาวุธลับอยู่ ไม่งั้นคุณก็คงจะชนะมันไม่ได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรอก”
เมื่อเธอพูดถึงอาวุธลับที่ซ่อนอยู่เธอก็เหลือบตามองฮวงเฟิงอย่างมีเลศนัยแต่ฮวงเฟิงก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น
แน่นอนว่าตอนนี้ฮวงเฟิงเข้าใจแล้วว่าเขาโชคดีแค่ไหนที่ชนะได้ในครั้งนั้น“ถ้าอย่างนั้นพวกนั้นมีพลังลมปราณมากกว่านี้ใช่หรือไม่?”
”ก็ไม่มากเท่าไรหรอก”ไป่เสี่ยวโหรวส่ายหัว “วันนี้หัวหน้าพวกนั้นเป็นเพียงคนเดียวในบรรดาผู้ที่ไล่ตามฉันมาที่นี่ และยังมีคนเช่นนี้อีกในหมู่ของผู้ไล่ตามมาด้วย เพียงแต่พวกเราไม่ได้พบกัน และนั่นคือสาเหตุที่ฉันรีบบอกให้คุณออกไปซะ”
ไป่เสี่ยวโหรวยังบอกได้ว่าฮวงเฟิงนั้นไม่ได้ฝึกฝนพลังงานภายในของเขามานานแล้วแม้ว่ากำลังภายในของฮวงเฟิงจะพิเศษอยู่สักหน่อยและพลังสังหารของเขาก็แข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอและประสบการณ์การต่อสู้ก็ไม่ได้มากนักเช่นกัน ดังนั้นหากเขาต้องเผชิญหน้ากับหลายคนในเวลาเดียวกัน โอกาสที่เขาจะชนะก็ไม่ได้สูงนัก
สำหรับสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไป่เสี่ยวโหรวไม่อยากพูดมากเกินไปและทำไมเธอถึงคุยกับฮวงเฟิงมากขนาดนี้มันไม่ใช่เพราะมีบางอย่างผิดปกติในหัวของเธอแต่เป็นเพราะเธอสนใจฮวงเฟิง ไม่ใช่ความสนใจระหว่างชายและหญิง แต่เป็นเพราะเธอสนใจฝีมือของฮวงเฟิงและต้องการที่จะรับเขาเข้ามาอยู่ในสำนักงานของเธอ
เพื่อที่จะค้นพบ“ของดี” ไป่เสี่ยวโหรวจึงสนใจเป็นอย่างมาก และยิ่งมี “อาวุธลับ” ของอีกฝ่ายด้วย แม้ว่าเธอจะอยู่ในสภาพที่แข็งแรงดี แต่หากเธอไม่ระมัดระวังแล้วล่ะก็ เธอก็คงจะได้รับผลกระทบจากอีกฝ่าย
ฮวงเฟิงพยักหน้าตอบรับเขาเข้าใจสถานการณ์ของตัวเขาเอง ถ้าเขาไม่ใช้เวทมนตร์ต่อหน้าไป๋เสี่ยวโหรว ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจะต้องลดลงทีละระดับ และการรีบไปจากที่นี่เสียก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งผ่านมาและมีความสนใจอย่างมากในแวดวงศิลปะการต่อสู้พิเศษที่ไป่เสี่ยวโหรวพูดถึงแต่เขาก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง เขาเพียงต้องการใช้ชีวิตตามปกติและสัญชาตญาณของเขาก็บอกเขาว่าเขาไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับไป่เสี่ยวโหรวมากเกินไป มิฉะนั้นชีวิตที่สงบสุขในปัจจุบันของเขาก็จะเปลี่ยนไป
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่คิดที่จะถามอีกต่อไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันพรุ่งนี้ ไป่เสี่ยวโหรวก็จะจากไปและเรื่องนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเช่นกัน
เพียงแต่ว่าสิ่งที่ฮวงเฟิงไม่รู้ก็คือไป่เสี่ยวโหรวสนใจในตัวเขา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซาก
“คืนนี้นอนห้องข้างๆ ห้องนอนใหญ่ก็ได้นะ ข้างในมีผ้านวมและของอื่นๆ” ฮวงเฟิงกล่าวเมื่อเขาเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังคงไม่ดีนัก
นี่มันก็ดึกมากแล้วดังนั้นไป่เสี่ยวโหรวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอจึงต้องการพักผ่อนอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงในใจของฮวงเฟิงนั้นชื่นชมไป่เสี่ยวโหรวมาก เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนักโดยเฉพาะที่หน้าท้อง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นบาดแผลจากกระสุนปืน แต่เธอก็สามารถพูดอยู่ได้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
”ค่ะ”ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวเพราะเธอมี “ไอเดีย” ต่อฮวงเฟิง เธอเห็น ฮวงเฟิงเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมที่มีศักยภาพของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ทำตัวเย็นชากับเขาอีกต่อไป
”เป็นยังไงบ้าง?จับไอ้ลูกหมานั่นได้ไหม?”
ขณะที่หญิงสาวจากองกรณ์ลับและฮวงเฟิงกำลังจะเตรียมตัวพักผ่อนภายในห้องทำงานที่หรูหรามีคนอยู่สองสามคนพูดถึงเรื่องนี้และเนื้อหานั้นเกี่ยวข้องกับฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรว
“ไม่ได้พวกมันวิ่งหนีไปได้” ชายวัยกลางคนที่มีหนวดกล่าว
“เปรี้ยง!”ชายคนที่ถามตบลงบนโต๊ะอย่างแรง “นายท่านคาวาชิมะ พวกเราจับเธอไม่ได้ แล้วนี่เธอทำแผนของพวกเราพังหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอไม่ได้ยินอะไรมากจนเกินไปและก็ถูกคนของเราเจอตัวเข้า ทำให้เธอไม่ได้ยินอะไรที่เป็นประโยชน์เลย” คาวาชิมะพูดปลอบใจ
และคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับหัวหน้าใหญ่ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นถงเฉียนจุ้น
ถึงแม้ว่าคาวาชิมะจะกำลังพูดปลอบใจเขาแต่ถงเฉียนจุ้นเองก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ในใจ “ในเมื่อคนพวกนั้นได้จับตาดูฉัน พวกมันก็คงจะสงสัยฉัน หรือพวกเราควรจะหยุดไว้ชั่วคราวดีไหม?”
“ไม่จำเป็น!”คาวาชิมะโบกมือและกล่าวว่า “ครั้งนี้มันก็แค่เรื่องบังเอิญ คนของฉันไม่ใช่ว่าจะกินได้ง่ายๆ ถ้าเธอมาอีกล่ะก็ เธอคงไม่โชคดีที่จะได้กลับไปอย่างปลอดภัยหรอกนะ”
“อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้ เบื้องบนก็ได้เร่งให้พวกเรารีบขนย้ายของพวกนี้ไปให้เร็วที่สุด”
ถงเฉียนจุ้นเองยังคงลังเลและหวาดกลัวเพราะเกาะเสฉวนนั้นไม่ใช่ของจีน ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นมีอิทธิพลเพียงใด แต่เนื่องจากเขาอยู่แค่ในประเทศนี้มาตลอด เขาจึงรู้ว่าหากคนพวกนั้นต้องการที่จะจัดการกับเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองชิง แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้
“ไม่ต้องกังวลพวกเราจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ท่านก็แค่จัดเตรียมสินค้าไว้รอ” หลังจากที่พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนและจากไป ปล่อยให้ถงเฉียนจุ้นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“แล้วมัตซึดะเป็นไงบ้าง?”ในตอนนี้เขาไม่มีความสบายใจและความมั่นใจอีกต่อไป เขากลับมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธและกังวล
”มือขวาของเขาพิการชั่วคราวเขาจะฟื้นฟูได้ในภายหลัง แต่ผมก็ไม่แน่ใจ” คนข้างๆ กระซิบ
บทที่ 312 ไว้พบกันอีก
“ไอ้สวะพวกแกมันไอ้พวกสวะ พวกแกตั้งหลายคนไปจับตัวผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกแกก็ยังจับเธอมาไม่ได้ แล้วนี่จะมีพวกแกไว้ทำหอกอะไรวะ?!” คาวาชิมะพูดด้วยความโกรธ
คนที่อยู่ข้างกายเขาก้มหัวลงต่ำและไม่กล้าที่ตอบโต้อะไร
“แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นรู้ไหมว่ามันเป็นใคร?” มันเป็นพวกเดียวกันกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” คาวาชิมะตะคอกอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะหยุดและถามเกี่ยวกับฮวงเฟิง
“ในตอนนี้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ ถึงแม้ว่าเขาจะต่อสู้กับอีกฝ่าย ด้วยเวลาที่จำกัด ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แต่ยังไงเขาก็ต้องเป็นคนพาที่ผู้หญิงคนนั้นออกไป” คนข้างๆ รีบตอบ
นี่คือสิ่งที่คาวาชิมะสงสัยเนื่องจากอีกฝ่ายสงสัยอยู่แล้วจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนมาด้วยมากกว่าหนึ่งคน อย่างไรก็ตามพวกเขาประมาทเกินไปและต้องพ่ายแพ้
“เตรียมตัวไว้ให้ดีเรื่องมันยังไม่จบแค่นี้ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องกลับมาอีก” คาวาชิมะกล่าว
“ครับ!”
จริงๆแล้ว ถ้าหากเขาฆ่าผู้หญิงคนนั้นซะ ตอนนี้เขาก็คงจะไม่เป็นอะไรแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่การขนส่งสินค้าเสร็จสิ้น เขาก็จะได้พักผ่อนสักพัก และในกรณีนั้นถ้าหากว่าอีกฝ่ายสงสัย ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แล้ว
อย่างไรก็ตามอยู่ๆ ก็มีคนโผล่มาช่วยผู้หญิงคนนั้นไป ถ้าเป็นเช่นนั้น เรื่องเขาก็จะต้องถูกเปิดโปง ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะอยู่ที่นี่สักพัก
อีกฝ่ายไม่ฟังคำแนะนำของเขาและไม่ดูแลความปลอดภัยของตัวเองเขาเองก็ไม่กล้าที่จะรุกคนเหล่านั้น และก็ทำอะไรกับพวกเขาไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงทำงานต่อไปก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามพวกเขาเต็มใจที่จะถูกควบคุมโดยถงเฉียนจุ้นได้อย่างไรกัน? แม้ว่าเขาจะมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มอำนาจของพวกเขา แต่ถงเฉียนจุ้นเชื่อว่าเขาได้ตอบแทนพวกเขาอย่างดีแล้ว และตอนนี้คนเหล่านี้ก็ได้พยายามที่จะดักให้เขาตกลงไปในหลุมแห่งความตายอย่างชัดเจน เขาจึงยอมจำนนต่อพวกเขาไม่ได้
เขารู้ด้วยว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆมันจะเท่ากับเป็นการทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองและอาจทำให้พวกเขาพลาดไปกับเขาด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามหากเขาสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง เขาอาจจะกล่าวโทษเรื่องนี้กับสำนักงานของหญิงสาวได้ และด้วยเหตุนี้เขาก็จะไม่เสี่ยงที่จะต้องถูกเปิดเผยอีกต่อไปและยังสามารถสอนบทเรียนให้กับคนที่อยู่เบื้องหลังได้อีกด้วย
คาวาชิมะวางแผนเรื่องนี้ไว้ในใจอย่างรอบคอบ
ในตอนเช้าของวันที่สองเมื่อฮวงเฟิงตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าไป่เสี่ยวโหรวได้จากไปแล้วเขาจึงรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อเขาคิดว่าเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายอีกแล้วเขาก็พบกระดาษใบเล็กที่ไป่เสี่ยวโหรวได้ทิ้งไว้
”แล้วเราจะได้พบกันอีก!”
”อะไรวะ”หลังจากที่ฮวงเฟิงอ่านข้อความนั้น เขาก็พึมพำว่าเขาตกอยู่ในอันตรายหลังจากที่พบเธอเมื่อคืนนี้ ถ้าเขามีปฏิสัมพันธ์กับเธออีกสักสองสามครั้ง เขาไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
ฮวงเฟิงหวังว่าอีกฝ่ายจะลืมเขาหลังจากนั้นไม่นานนักและไม่กลับมาหาเขาอีก จากนั้นฮวงเฟิงก็ไปทำงาน
และฮวงเฟิงก็ต้องเจอกับความเจ็บปวดอีกครั้งเพราะไม่มีรถซึ่งเป็นรถประจำทางข้ามเมือง อย่างไรก็ตามมันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และมีคนไม่มากบนรถบัส ดังนั้นมันจึงดีกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเพียงเท่านั้น
“ไม่นะเราต้องซื้อรถเมื่อเรามีเงินเพียงพอ นอกจากนี้เราก็ไม่สามารถที่จะไปโรงงานได้โดยไม่มีรถ” ขณะที่ร่างกายของฮวงเฟิงเหวี่ยงไปมาตามแรงของรถบัส เขาก็คิดกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ
ตอนนี้เขาต้องการรถเป็นของตัวเองและเขาก็ต้องการไปโรงงานด้วยมิฉะนั้นมันจะไม่สะดวกอย่างยิ่งที่คนในโรงงานจะหารือธุรกิจกับ บริษัท หรือโรงงานอื่นๆ เขาไม่สามารถโทรหาคนอื่นได้ทุกครั้ง มันจึงไม่สะดวก และบริษัทอื่นๆ จะดูถูกพวกเขา
ตอนที่เขาเรียนมหาวิทยาลัยเขาใช้เวลาว่างเพื่อไปสอบใบขับขี่ ในเวลานั้นถ้าเขาลงทะเบียนกับโรงเรียนมันจะถูกกว่าเล็กน้อย ดังนั้นฮวงเฟิงและกัวเหลียงจึงลงทะเบียนและได้รับใบขับขี่มา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือหลังจากผ่านการสอบแล้ว ฮวงเฟิงยังไม่มีโอกาสได้ฝึกฝนการขับรถอย่างถูกต้อง แต่เขาได้ช่วย ซูหยูโม่ขับรถเพียงไม่กี่ครั้ง ในขณะที่กัวเหลียงนั้นกลับไปที่บ้านและนำรถของพ่อไปขับเล่นได้
เมื่อฮวงเฟิงมาถึงโรงงานมีหลายคนที่ผ่านการสัมภาษณ์เบื้องต้นเมื่อวานนี้ แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อฮวงเฟิงสั่งให้คนเหล่านี้รายงานการทำงานในวันนี้ แต่ก็ไม่มีใครคัดค้าน สำหรับพวกเขามันจะดีกว่าถ้าวันนี้พวกเขาไปทำงานเร็วขึ้นสักหน่อย
หลังจากนั้นไม่นานกัวเหลียงก็เข้ามาหลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างในโรงงานตามปกติ ฮวงเฟิงได้คัดเลือกพนักงานขายจำนวนมาก เขาคงจะอยากเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาในอนาคต
พนักงานของโรงงานมาทีละคนแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา แน่นอนว่ามีการจ่ายค่าล่วงเวลาเนื่องจากอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียเพิ่งเริ่มต้นไม่ว่าจะเป็นฮวงเฟิงหรือกัวเหลียงทั้งคู่ต้องการซื้อสินค้าและผลิตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาจึงจัดให้คนทำงานล่วงเวลาและเมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น
ผู้เชี่ยวชาญเขาก็อยู่ที่นี่เช่นกันเขามาดูการประชุมเชิงปฏิบัติการและยังได้อธิบายลักษณะของอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียของรุ่ยเจี๋ยให้กับพนักงานขาย ถ้าพนักงานขายไม่เข้าใจสิ่งที่เขาขาย แล้วเขาจะแนะนำให้ลูกค้าของเขาเองได้อย่างไร?
ทุกคนเข้าใจในประเด็นนี้ดังนั้นเมื่อผู้เชี่ยวชาญอธิบายทุกคนจึงตั้งใจฟัง
”นายคิดว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?พวกเขาจะช่วยผลักดันสินค้าของเราออกไปได้ไหม?” ที่ด้านนอกห้อง ฮวงเฟิงถามกัวเหลียง
“มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะเพราะว่าของๆ เราดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าความสามารถของพวกเขาไม่เพียงพอเราก็แค่เปลี่ยนคนเพียงไม่กี่คน” กัวเหลียงกล่าว สำหรับพนักงานขายไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษใดๆ และการเปลี่ยนแปลงนั้นก็สะดวกมาก
ฮวงเฟิงพยักหน้าเขาเองก็กำลังคิดแบบเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะไม่ให้พวกนั้นรายงานให้เขาทราบหลังจากที่จบการสัมภาษณ์ง่ายๆ เมื่อวานนี้
ขณะนี้เหล่าพนักงานขายพากันตื่นเต้นมาก เดิมทีแล้วมีหลายคนที่หางานไม่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และต้องการงาน พวกเขาจึงพากันมาที่โรงงานเล็กๆ แห่งนี้ พวกเขาจะทำงานที่นี่ไปก่อนจากนั้นค่อยมองหางานใหม่ทำ
เดิมทีพวกเขาไม่คาดหวังอะไรมากนักที่จะรายงานเรื่องนี้เพราะท้ายที่สุดแล้วโรงงานเล็กๆ จะสามารถผลิตอะไรได้บ้างเล่า? หากขายสินค้าไม่ได้พวกเขาก็จะไม่ได้รับค่านายหน้า หากไม่เป็นเช่นนั้นเงินเดือนของพวกเขาก็จะน้อยมาก
แต่หลังจากที่ได้ยินคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเหอโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นการปฏิบัติงานจริงของผู้เชี่ยวชาญเหอด้วยตาของพวกเขาเองแล้วความคิดที่เคยมีก่อนหน้านี้ของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก