กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 335-336
บทที่ 335 ทดสอบ
เช้าวันรุ่งขึ้นไป่เสี่ยวโหรได้จากไปอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรเขาเคยชินกับการกระทำของเธอแล้ว แต่วันนี้เขามีความสุขมากจริงๆ นี่เป็นเพราะเขาคิดถึงเสื้อคลุมตัวนั้นมาตลอดทั้งคืน
เมื่อฮวงเฟิงแน่ใจแล้วว่าไป่เสี่ยวโหรวได้จากไปแล้วเขาก็รีบไปดูเสื้อคลุม
หลังจากนั้นเขาก็สวมเสื้อคลุมอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ตระหนักด้วยว่าเสื้อคลุมนั้นสามารถล่องหนได้และสามารถสร้างสถานะได้สองสถานะคือมองไม่เห็นคนอื่นและคนอื่นมองไม่เห็น เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ฮวงเฟิงยังไม่คุ้นเคยกับมันเนื่องจากอุปกรณ์หลายอย่างในเกมมีการตั้งค่านี้ มันไม่มีประโยชน์ในเกม แต่มันมีประโยชน์มากสำหรับฮวงเฟิง ดังนั้นเมื่อเขาใช้เสื้อคลุมเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับที่จะถูกคนอื่นมองเห็นเลย
หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็เลือกที่จะใช้เทคนิคการลอยตัวและเขาก็ยังคงใช้อยู่เป็นเวลานานเขามองดูเท้าของเขาที่ลอยขึ้นเหนือพื้น ลอยขึ้นเรื่อยๆ อย่างช้าๆ อย่างไรก็ตามเพราะว่าเขากำลังอยู่ในห้องนอนดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเขาจะลอยขึ้นได้สูงสักเท่าไร
อย่างไรก็ตามเขาถึงแม้เขาจะไม่ค่อยมั่นใจเรื่องความสูงแต่ฮวงเฟิงก็ยังสามารถบังคับร่างกายของเขาที่ลอยอยู่บนอากาศได้ในตอนแรกเขายังไม่ชินกับความรู้สึกที่เท้าลอยอยู่เหนือพื้นดินแต่ในที่สุดเขาก็คุ้นเคยกับมัน และบินไปลักษณะคลาน ความรู้สึกเช่นนี้เทียบไม่ได้กับตอนที่กำลังวิ่งอยู่ แต่มันน่าเสียดายที่พื้นที่ในห้องนอนนั้นมีจำกัดเพราะเขาไม่สามารถที่จะบินไปได้เร็วและไกลสักเท่าไรนัก
ฮวงเฟิงที่กำลังค่อยๆลอยไปทีละนิดๆ หลังจากที่คุ้นชินกับมันแล้วสักพักเขาก็สามารถที่จะบินได้อย่างราบรื่น เขาสามารถที่จะตีลังกากลางอากาศ เปลี่ยนระดับความสูง ฯลฯ และรู้สึกสนุกมากๆ แม้แต่เสี่ยวไป่ที่รออยู่ด้านล่างก็ตื่นเต้นมาก
อย่างไรก็ตามในขณะที่บินอยู่นั้นฮวงเฟิงก็รู้สึกได้ถึงพลังงานพิเศษภายในร่างกายของเขาที่ถูกใช้อย่างต่อเนื่องโชคดีที่ปริมาณของพลังงานที่ใช้ไปนั้นไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงยังบินได้เป็นเวลานานโดยอาศัยพลังงานในร่างกายของเขา
เนื่องจากว่าฮวงเฟิงไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเขาจึงไม่รู้ว่าชั่วโมงบินของเขาอยู่ในเลเวลใดในเกมอย่างไรก็ตามเขาได้รับการฝึกฝนในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเท่านั้นและเขาก็ยังไม่มีความแข็งแกร่งภายในมากนัก
ในเกมนั้นแม้ว่าจะเป็นนักเวทย์ที่มีเวทย์มนตร์จำนวนมากพวกเขาจะบินได้เป็นเวลาประมาณสิบนาทีหรือมากกว่านั้นเมื่อใช้เสื้อคลุมนี้แต่ฮวงเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าปริมาณพลังงานในร่างกายของเขาจะน้อย แต่คุณภาพของเขานั้นก็ยังสูงมาก
หลังจากลองใช้เทคนิคการลอยตัวแล้วฮวงเฟิงก็ได้ลองใช้ทักษะการล่องหน เขาไม่สามารถหาคนนอกมาทดสอบได้เพราะด้วยวิธีนั้นเขาจะไม่สามารถเก็บความลับเอาไว้ได้ แต่ฮวงเฟิงก็มีวิธีจัดการ
ฮวงเฟิงเดินมาที่กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำและเริ่มใช้ทักษะการล่องหนหลังจากนั้นเขาก็เห็นว่าร่างของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยในกระจกเขามองไม่เห็นอะไรเลย หรือแม้แต่เสี่ยวไป่ที่อยู่ข้างๆ เขาก็เริ่มวนไปรอบๆ และเห่าเสียงดังเพราะว่ามันมองไม่เห็นเขาและหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ชนกัน ขาของเขารู้สึกได้ถึงพลังลมปราณที่ไหลเวียนอยู่
อย่างไรก็ตามแม้ว่าฮวงเฟิงจะถูกเสี่ยวไปชนแต่การล่องหนของเขาก็ยังไม่หายไป หลังจากที่เขาขยับเพียงเล็กน้อยร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นในกระจกเงาอีกครั้ง
”เป็นไปตามที่คาดไว้มันเหมือนกับกับที่กล่าวในคำแนะนำเลย” ฮวงเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข ทุกครั้งที่เขาได้ไอเท็มอะไรมาเขาจะรู้สึกมีความสุข
”อ้าวเฮ้ยฉันมีความสุขมากจนเกือบลืมไปเลย วันนี้ฉันต้องไปทำงานนี่หว่า” จู่ๆ ฮวงเฟิงก็จำได้ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์ ก่อนหน้านี้เขายุ่งอยู่กับการลองใช้ทักษะเสื้อคลุมของเขา ซึ่งก็ใช้เวลาไปพอสมควร
ฮวงเฟิงล้างหน้าและบ้วนปากทันทีโดยไม่สนใจเรื่องอาหารเช้าอีกต่อไปในขณะที่เขารีบไปที่บริษัทอย่างเร่งรีบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมาสายและสิ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อเขามาถึงที่ทำงาน เซี่ยเมิ่งเจียวก็อยู่ที่นั่นแล้วและเห็นได้ชัดว่ากำลังรอเขาอยู่
”เอาล่ะไหนฉันขอดูหน่อยสิ”เมื่อเซี่ยเมิ่งเจียวเห็นว่าฮวงเฟิงมาแล้ว เธอก็ก้มลงมองดูนาฬิกา: “คุณมาสายไปสิบห้านาที! ทัศนคติของคุณในฐานะผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”
“ก็ผมตื่นสายไปหน่อย” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามการที่มาทำงานสายก็ถือว่าเป็นเรื่องผิด และถ้าเซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวคำเหล่านี้กับเขาอย่างปกติ เขาก็คงไม่อารมณ์ดีขนาดนี้
“นี่ฉันไม่ได้เตือนคุณหรอกเหรอว่าคุณหลี่จะเข้ามาวันนี้น่ะ?นี่คุณลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” ถึงแม้ว่าทัศนคติของฮวงเฟิงจะไม่เลวนัก แต่เซี่ยเมิ่งเจียวก็ยังคงไม่พอใจเพราะว่าหลี่ปิงหยุนจะมาวันนี้เพื่อมาหารืองานสำคัญกับบริษัท แต่เพราะฮวงเฟิงลืมเรื่องนี้แล้วจะไม่ให้เธอโมโหได้อย่างไรกัน?
ในเวลานี้เซี่ยเมิ่งเจียวยังไม่รู้ว่าถงเฉียนจุ้นนั้นได้สูญเสียตำแหน่งของเขาไปแล้วเธอคิดว่าบริษัทของเธอกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่และด้วยการมาถึงของหลี่ปิงหยุน พวกเธอจะสามารถแก้ไขวิกฤตที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่ฮวงเฟิงกลับลืมเรื่องนี้ไปซะแล้ว
“ผมไม่ได้ลืม”ฮวงเฟิงกล่าว เขาไม่ได้ลืมจริงๆ เขารู้เพียงแค่ว่าวันนี้หลี่ปิงหยุนกำลังจะมา แต่เขาไม่รู้เวลาที่แน่นอน เมื่อมองไปที่ท่าทางของเซี่ยเมิ่งเจียว อาจเป็นไปได้ว่าหลี่ปิงหยุนได้มาถึงแล้วหรือเปล่า? นั่นก็เท่ากับว่าเขาได้ละทิ้งหน้าที่
โชคดีที่คำพูดต่อมาของเซี่ยเมิ่งเจียวทำให้เขารู้สึกสบายใจหลี่ปิงหยุนยังไม่มาที่นี่หรืออาจกล่าวได้ว่าเธอยังมาไม่ถึงบริษัท
”คุณไม่ได้ลืมงั้นเหรอว่านี่มันสายมากแล้ว?เครื่องบินของคุณหลี่กำลังจะลงแล้ว คุณคงจะไม่กล้าปล่อยให้เธอต้องรออยู่ที่สนามบินหรอก จริงไหม?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว
”เดี๋ยวก่อนนี่คุณหมายความว่าผมต้องไปที่สนามบินเพื่อไปรับคุณหลี่ปิงหยุนยังงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปที่เซี่ยเมิ่งเจียวด้วยความตกใจ
”พูดจาไร้สาระถ้าไม่ใช่คุณที่ต้องไปรับ แล้วจะให้ฉันกับพี่หยูโม่ไปรับอย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวอย่างรวดเร็ว: “เช้านี้ฉันยังมีเรื่องต้องทำกับพี่หยูโม่อีกนะ ดังนั้นหลังจากที่คุณรับตัวคุณหลี่มาแล้วก็ให้ไปส่งเธอที่โรงแรมก่อน แล้วตอนกลางคืนค่อยพาเธอมาที่บริษัท พวกเราจะไปเยี่ยมชมบริษัทในตอนบ่าย แล้วก็เตรียมอาหารค่ำสำหรับพวกเราด้วยนะ” เซี่ยเมิ่งเจียวบอกฮวงเฟิง อย่างคร่าวๆ เกี่ยวกับการต้อนรับหลี่ปิงหยุนในวันนี้
“งั้นคุณไม่ต้องเรียกผมมาก็ได้”ฮวงเฟิงพึมพำ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจอาหารประเภทนี้จริงๆ เพราะมันไม่สบายใจเหมือนกินคนเดียว นอกจากนี้ทักษะการทำอาหารของเชฟจะสามารถเทียบเขาได้หรือไม่? อันนี้ยังไม่ชัดเจน
”ตกลงผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปรับเธอที่สนามบินตอนนี้เลย” ฮวงเฟิงกล่าว
บทที่ 336 มารับที่สนามบิน
ในตอนที่ฮวงเฟิงไปถึงสนามบินนั้นก็เป็นเวลาเกือบสิบโมงแล้วยังพอมีเวลาอีกประมาณ 10 นาทีกว่าที่จะถึงเวลาที่เครื่องบินของหลี่ปิงหยุนจะลงจอด
ฮวงเฟิงพบความผิดปกติอย่างรวดเร็วที่สนามบินไม่ใช่เพราะว่าเขาเจอกับอันตรายเข้ากับตัวเอง แต่มีชายหญิงจำนวนมากกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ทางออกของสนามบิน พวกเขาต่างก็พากันชูตะเกียง แผ่นเสียง และแม้กระทั่งโปสเตอร์หนัง และมองไปที่ประตูทางเข้าผู้โดยสารขาเข้า
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะรู้จักถึงอิทธิพลและความมีชื่อเสียงที่ยาวนานแต่ฮวงเฟิงก็ยังคงตกใจและประหลาดใจอยู่ลึกๆ ที่มีผู้คนมหาศาลมารวมตัวกันที่สนามบินเพื่อพบเธอ เพราะว่ามีคนที่มารอพบเธอที่สนามบินประมาณเกือบหนึ่งร้อยคน และฮวงเฟิงก็ยังเห็นแฟนคลับของหลี่ปิงหยุนอยู่ที่บริเวณร้านค้าด้านนอกสนามบินอีกส่วนหนึ่งด้วย
ในตอนนี้ฮวงเฟิงรู้แล้วว่าทำไมเซี่ยเมิ่งเจียวถึงได้ย้ำแล้วย้ำอีกก่อนที่เธอจะออกมารับหลี่ปิงหยุนให้มารับเธออย่างปลอดภัยเพราะว่ามีแฟนคลับจำนวนมากเช่นนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอก็น่าจะเป็นอันตรายต่อหลี่ปิงหยุน ยิ่งไปกว่านั้นฮวงเฟิงเองก็ไม่กล้าที่จะรับประกันว่าเธอสามารถพาหลี่ปิงหยุนหลบแฟนคลับได้สำเร็จหรือไม่
เดิมทีแล้วเที่ยวบินที่หลี่ปิงหยุนมานั้นไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการแต่อย่างไรก็ตามแฟนคลับของเธอก็ต้องติดตามกำหนดการของไอดอลของพวกเขาอยู่แล้ว และก็คงจะมีบางคนที่รู้เป็นการภายในดังนั้นการที่พวกแฟนคลับจะรู้เที่ยวบินของหลี่ปิงหยุนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“นี่พี่ชาย คุณก็มารับคนเหมือนกันงั้นเหรอ?” ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังอยู่ที่ด้านนอกของฝูงชนเหล่านั้นและกำลังคิดหาวิธีทางที่จะแหวกเข้าไป ก็มีใครบางคนตบที่บ่าของเขา ฮวงเฟิงจึงได้หันไปดูและเห็นว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก
“ใช่แล้วล่ะแต่คนเยอะเหลือเกินกว่าจะแหวกเข้าไปได้” ฮวงเฟิงกล่าว
“แน่นอนครับปิงหยุนเธอมีแฟนคลับเยอะมาก ถ้าคุณมาเวลานี้คุณก็คงจะแหวกเข้าไปอยู่ข้างหน้าไม่ได้หรอก” เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้ทำเหมือนว่าฮวงเฟิงเองเป็นแฟนคลับธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มารอรับปิงหยุน
“นี่นายก็มารับปิงหยุนเหมือนกันงั้นเหรอ?”ฮวงเฟิงมองดูที่แผ่นเสียงที่อยู่ในมือของเขาที่มีรูปภาพของปิงหยุนอยู่บนนั้นและกล่าวว่า “นายก็มาสายเหมือนกัน นี่นายไม่ได้เพิ่งจะพูดเองเหรอว่าไปอยู่ด้านหน้าไม่ได้?”
“ใครบอกกันล่ะ?ก็คุณวิ่งมาหาผมเอง คุณต้องบอกว่าตัวเองโชคดีแล้วล่ะ คอยดูผมนะ” ชายหนุ่มกล่าว
จากนั้นฮวงเฟิงก็เห็นอีกฝ่ายก้มหัวลงต่ำและเริ่มที่จะแหวกฝูงชนไปทางด้านหน้าการเคลื่อนไหวและการควบคุมความแข็งแกร่งของเขานั้นกำลังต่อสู้กับคนนับร้อย ขณะที่ตาของฮวงเฟิงเป็นประกาและรีบแทรกตัวตามหลังชายหนุ่มไปติดๆ
ตลอดทางฮวงเฟิงที่เดินไปนั้นฮวงเฟิงได้ค้นพบว่าท่ามกลางแฟนคลับมากมายนั้นชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักมีแฟนคลับหลายคนที่รู้จักเขา เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นแฟนตัวยงของหลี่ปิงหยุนและมีอิทธิพลต่อบรรดาแฟนคลับดังนั้นการที่เขาแทรกตัวเดินไปที่ด้านหน้านั้นจึงค่อนข้างราบรื่น
เมื่อชายหนุ่มหยุดเดินเขาก็เพิ่งจะเห็นว่าฮวงเฟิงนั้นอยู่ข้างๆ เขา และประหลาดใจอยู่ชั่วขณะ “พี่ชาย นี่คุณก็เคยทำแบบนี้มาก่อนงั้นเหรอ?”
เขาถามเช่นนี้ก็เพราะว่าเขานั้นต้องฝึกฝนที่จะแหวกผ่านฝูงชนแบบนี้มาก่อนเป็นเพราะว่าตอนที่เขาไปที่สนามบินเพื่อไปรับไอดอล เขาก็เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้บ่อยครั้ง ดังนั้นเพื่อที่จะไปให้ถึงด้านหน้าให้ใกล้ไอดอลของเขามากที่สุดเขาจึงได้ฝึกฝนอย่างหนักสำหรับทักษะลับๆ นี้
“ใช่แล้วไล่ตามดาราไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ” ฮวงเฟิงกล่าวเรียบๆ ขณะที่เขามองดูอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าฮวงเฟิงนั้นได้ตามหลังเขามาติดๆ
“นั่นก็เป็นเพราะว่าปิงหยุนน่ะมีชื่อเสียงมากและมีแฟนคลับมากมายถ้าคุณต้องไปไล่ตามดาราธรรมดาคุณก็ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนหนักขนาดนี้ก็ได้” ชายหนุ่มกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ฮวงเฟิงพยักหน้าเห็นด้วยกับที่เขาเล่ามาวันนี้เขาได้ประจักษ์แก่สายตาตัวเองแล้วถึงพลังแห่งแฟนคลับของหลี่ปิงหยุนและทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เปิดเผยกำหนดการเดินทางเลย ซึ่งถ้ามันเปิดเผยต่อสาธารณะจริงๆ ก็คงจะเป็นไปได้ว่าต้องมีผู้คนมารับเขาที่สนามบินมากกว่านี้อย่างแน่นอนไอรีนโนเวล
ในเวลานี้เสียงประกาศในสนามบินได้ดังขึ้นเที่ยวบินของหลี่ปิงหยุนได้ลงจอดอย่างราบรื่นแล้วและในตอนนี้บรรดาแฟนคลับทั้งหลายก็พากันส่งเสียงเชียร์ดังขึ้น พวกเขาพากันเขย่งเท้ามองผู้โดยสายคนแล้วคนเล่าและป้ายไฟในมือของพวกเขาก็ยิ่งส่องสว่างมากขึ้น ชายหนุ่มที่อยู่ข้างฮวงเฟิงก็เช่นกันเขาไม่มีเวลาที่จะสนใจฮวงเฟิง เขามองดูผู้โดยสารที่ทะยอยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ฮวงเฟิงเองคิดว่าเธอคงจะไม่ออกมาที่ทางออกวีไอพีอย่างแน่นอนเพราะว่าเธอคงจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีผู้คนมากมายมารอเธออยู่ที่นี่ และถ้าเธอไม่อยากที่จะมีปัญหาเธอก็ต้องหลีกเลี่ยงคนพวกนั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฮวงเฟิงกำลังคิดอยู่ก็หายไปเมื่อเขาได้เห็นร่างที่สวยงามร่างหนึ่งปรากฎตัวขึ้นมาซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่คนอยู่ล้อมรอบและเห็นได้ช้ดว่าพวกเขาก็รู้สถานการณ์ที่นี่ดีเช่นกัน
“ปิงหยุนผมรักคุณ!”
“ปิงหยุนผมอยากมีลูกกับคุณ!”
“พี่ปิงหยุนขอลายเซ็นหน่อย!”
จากการปรากฏตัวของปิงหยุนสิ่งที่เห็นจึงถึงจุดอิ่มตัวในทันที ทั้งเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกน เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกกับว่าหลังคาของสนามแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้โดยสารหลายคนถึงกับหยุดมอง
หลี่ปิงหยุนสวมแว่นกันแดดอยู่บนใบหน้าขณะที่กำลังก้าวเดินเธอก็โบกมือให้กับบรรดาแฟนคลับเป็นเหตุให้แฟนคลับที่อยู่โดยรอบยิ่งตื่นเต้น แม้แต่ฮวงเฟิงเองยังแอบกลัวว่าจะต้องมีใครสักคนเป็นลมไปจากท่าทางของเธอ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ฮวงเฟิงไม่ได้สนใจอะไรมากนักเขาชูป้ายในมือขึ้นเขาโชคดีที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ได้ช่วยเขาเอาไว้ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงจะต้องไปยืนอยู่ด้านหลัง และหลี่ปิงหยุนก็คงจะมองไม่เห็นป้ายในมือของเขา
เป็นเพราะว่าตำแหน่งที่ฮวงเฟิงยืนอยู่นั้นค่อนข้างดีหลี่ปิงหยุนจึงมองเห็นป้ายในมือของฮวงเฟิงอย่างรวดเร็วเพราะว่ามันเขียนชื่อของหลี่ปิงหยุนเอาไว้พร้อมทั้งมีชื่อของบริษัทเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะบอกหลี่ปิงหยุนว่าเขาอยู่ที่นี่ในนามของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป
เมื่อหลี่ปิงหยุนเห็นป้ายในมือของฮวงเฟิงเธอก็ตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินเข้ามาหาฮวงเฟิง
“มาแล้วปิงหยุนกำลังเดินมาหาฉันแล้ว ว้าย ว้าย ฉันใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว! ปิงหยุนมองฉันสิ เห็นนี่ไหม!” เมื่อชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ฮวงเฟิงเห็นว่าหลี่ปิงหยุนกำลังเดินเข้ามาหา เขาก็ตื่นเต้นจนแทบบ้า เมื่อก่อนนี้ึถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะเคยได้ลายเซ็นของหลี่ปิงหยุนมาบ้างแต่เหตุการณ์ก็ไม่เหมือนในวันนี้ เธอกำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างจงใจซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน หรือจะเป็นเพราะว่าปิงหยุนจะมีความประทับใจบางอย่างหรือว่าเธอจะจำเขาได้?
ชายหนุ่มรู้สึกได้ทันทีว่าเขากำลังจะถึงจุดสุดยอดของเส้นทางของการไล่ตามดารา
เมื่อหลี่ปิงหยุนก้าวเข้ามาหาเขาแฟนคลับที่อยู่โดยรอบก็บีบวงล้อมเข้ามาหาเขา ฮวงเฟิงรู้สึกเหมือนเป็นเรือลำเล็กที่อยู่ท่ามกลางพายุ เขาถูกเหวี่ยงไปทางซ้ายทีขวาทีจนควบคุมร่างกายไม่ได้ โชคยังดีที่เขาพอจะมีความแข็งแกร่งอยู่บ้างจึงไม่ถูกผลักจนล้มลงไปดังนั้นเขาจึงสามารถที่จะยืนอยู่กับที่ได้