กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 357 ข้าต้วนอวี้
ในขณะที่หลี่ปิงอวิ้นกำลังอาบน้ำเธอก็นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาในตอนที่เธอกำลังนึกถึงส่วนใหญ่จะเป็นใบหน้าของเธอที่มีรอยยิ้มไม่ใช่ความกลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น การปรากฏตัวของคนที่มาในเวลาที่เหมาะสมอย่างฮวงเฟิงสามารถทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้จริง ๆ
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีรูปร่างที่ดูอ่อนแอและผอมขนาดนั้น”หลี่ปิงอวิ้นนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอีกครั้ง ตอนที่เธออยู่ในป่า ฮวงเฟิงได้มอบเสื้อที่เขาสวมอยู่ให้กับเธอนั่นจึงทำให้เธอเห็นเขาเปลือยท่อนบนเป็นครั้งแรก
ในเวลานั้นเนื่องจากกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเธอจึงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดเรื่องพวกนั้นแต่อย่างไรเมื่อเธอนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้มันจึงทำให้หน้าของเธอแดงขึ้นมา
แม้แต่ตัวหลี่ปิงอวิ้นเองก็ไม่คาดคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนซึ่งเดิมถูกกำหนดไม่ให้ติดต่อกันอีกตอนนี้กลับสนิทกันมากขึ้นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
ในขณะที่หลี่ปิงอวิ้นกำลังติดอยู่ในโลกจินตนาการของเธอทางด้านฮวงเฟิงนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เขาคิดว่าเป็นเพียงภารกิจและเขาก็รู้ว่าหลี่ปิงอวิ้น กำลังดื่มด่ำกับจินตนาการของเขา ฮวงเฟิงไม่ได้คิดอะไรมากมาย ในใจของเขาครั้งนี้มันเป็นเพียงภารกิจ บวกกับหลี่ปิงอวิ้นตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาไม่สามารถทนดูเธอตกอยู่ในอันตรายและเพิกเฉยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้
ฮวงเฟิงไม่ได้ใช้เวลาในการอาบน้ำมากนักเมื่อเขาทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยเขาก็ไปพักผ่อนที่ห้องของตน เขายังคงอยู่ในสภาพที่คนนอกมองเข้ามาแล้วยังคงดูเป็นปกติเหมือนไม่ได้ผ่านการต่อสู้ใดๆ มา
การต่อสู้ในวันนี้เห็นได้ชัดว่าพลังเวทย์ของเขาช่วยเขาได้เป็นอย่างมากถ้ามันเป็นเพียงแค่การใช้ทักษะหมัดและความแข็งแกร่งของเขาเอง เขาเองคงไม่ใช่คู่ต่อสู้สำหรับคนเหล่านี้ได้ เพราะทางฝ่ายนั้นต่างก็มีประสบการณ์การต่อมาอย่างโชกโชนเช่นกัน นอกจากนั้นฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้มีเวลาฝึกฝนทักษะหมัดของเขามากนัก ดังนั้นระดับการฝึกของเขาจึงยังไม่สูง
หากเขามีพลังเวทย์เขาก็จะสามารถประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมากอีกทั้งยังสามารถไล่จับคนได้หมดอีกด้วย
ในขณะเดียวกันเสื้อคลุมที่ฮวงเฟิงสวมมาโดยตลอดนั้นสามารถทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นตัวเขาซึ่งนั่นทำให้เขามีวิธีการจัดการกับคู่ต่อสู้มากยิ่งขึ้นสุดท้ายแล้วแม้แต่ตัวรองกัปตันเองที่ถูกไล่จนจนมุมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตต้องฮึดสู้จนวินาทีสุดท้าย
แน่นอนว่าอีกฝ่ายอดทนเป็นเวลานานจนมากพอที่จะทำให้กำลังและพลังของฮวงเฟิงถูกใช้จนหมดซึ่งนั่นก็ทำให้ฮวงเฟิงไม่สามารถเหาะได้ดังนั้นเมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว ฮวงเฟิงจึงหันมาให้ความสำคัญกับกำลังภายในและพลังเวทย์มากยิ่งขึ้น
ดังนั้นหากฮวงเฟิงมีเวลาฝึกฝนเขาก็จะยิ่งออกกำลังภายในในร่างมากยิ่งขึ้นซึ่งยิ่งมีกำลังภายในมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อหลี่ปิงหวิ้นอาบน้ำเสร็จเวลาก็ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งชั่วโมงเธอใช้เวลาอาบน้ำเป็นเวลานานและเมื่อบวกกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันจึงทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจเป็นอย่างมาก
ประตูห้องของฮวงเฟิงไม่ได้ล็อคแต่ตัวหลี่ปิงอวิ้นเองก็ไม่ได้เปิดเข้าไปหาเขาเมื่อเห็นร่างของฮวงเฟิงที่อยู่หลังประตูนั่นเธอจึงตัดสินใจเดินกลับไปยังห้องของเธอเพราะคิดว่าแค่ได้เห็นว่าฮวงเฟิงยังอยู่ที่นี่เธอก็รู้สบายใจมากแล้ว
ลำธารแห่งหุบเขาประวาลวรรณที่งดงามพร้อมทั้งต้นไม้ที่สวยงามล้อมรอบเสียงน้ำที่ไหลกระทบกับหินทุกวันจนสึกกร่อนไปตามกาลเวลาพร้อมกับสายลมที่พัดโชยมากอ่อน ๆ
“เยี่ยมมาก!”บนภูเขาที่เงียบสงบ มีนายน้อยผู้หนึ่งสวมชุดสีขาวงามสง่ากำลังเดินไปตามทาง เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายพร้อมด้วยรูปร่างที่เปล่งออร่าของนักวิชาการออกมาและชายคนนี้ก็เป็นลูกชายของผู้นำตระกูลต้วนซึ่งตระกูลต้วนถือเป็นตระกูลใหญ่แห่งเมืองต้าหลี่ เขาก็คือ ต้วนอวี้
ที่ต้วนอวี้ออกมาข้างนอกในครั้งนี้ก็เพื่อท่องเที่ยวโดยไร้จุดหมายปลายทางหลังจากที่เขาได้ออกมาข้างนอกเขาก็มัวแต่ดื่มด่ำอยู่กับภูเขาเขียวอชุ่มและน้ำในลำธารสีเขียวครามในขณะที่กำลังจะถึงภูเขาอู๋เหลียง
ทิวทัศน์ด้านล่างของภูเขาอู๋เหลียงนั้นดีเป็นอย่างมากมีใบเมเปิ้ลสีแดงสดไหลผ่านตามกระแสน้ำในลำธารที่ทอดผ่านภูเขาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและนั่นทำให้ต้วนอวี้อารมรณ์ดีและรู้สึกผ่อนคลายกับมันมาก
อย่างไรก็ตามอารมณ์ที่กำลังดีๆอยู่ของเขาก็ได้หายไปเพราะในขณะที่เขากำลังนั่งลงตรงริมลำธารเพื่อล้างหน้าและดื่มน้ำเขาก็ได้เห็นน้ำสีแดงที่ไหลมาพร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลมาผ่านมาด้วย
”อ๊า!”ต้วนอวี้ยืนขึ้นมองสิ่งที่ไหลมากับน้ำด้วยความตกใจ เขารีบมองไปยังต้นน้ำและเห็นว่ามันมากจากทางเขาอู๋เหลียง ต้วนอวี้รู้สึกเป็นกังวลกับบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด จากนั้นเขาจึงเลือกเดินไปตามทางเมื่อขึ้นไปยังเขาอู๋เหลียง
แน่นอนว่าบนยอดเขาอู๋เหลียงมีผู้คนมากายกำลังต่อสู้กันซึ่งคนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่ามาจากต่างสำนักกันและเมื่อทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกันย่อมต้องมีคนที่ถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บอยู่เรื่อยๆ
”หยุดสู้กันเสียที!”เมื่อเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้า ต้วนอวี้ก็เดินไปข้างหน้าทันทีพร้อมกับดึงคนที่กำลังต่อสู้อยู่ให้ถอยกลับเข้ามาพลางตะโกนพูดในเวลาเดียว การกระทำนี้เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะหยุดความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรสียการกระทำและคำพูดของเขากลับไม่ได้ส่งผลใด ๆ กับทั้งสองสำนักเนื่องจากตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดและไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงง่าย ๆ อีกด้วย
“หยุดสู้กัน หยุดสู้กันได้แล้ว!” สีหน้าของต้วนอวี้เต็มไปด้วยความกังวล เขาวิ่งผ่านเขาไปในฝูงชนเพื่อหยุดพวกเขาทั้งสอง
”ไม่ข้าจะสู้ จะสู้อีกเพื่อหยุด!” เมื่อเห็นว่าการกระทำของเขาไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต้วนอวี้จึงยืนอยู่กลางฝูงชนพร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง
คราวนี้เสียงตะโกนของเขามีผลทุกคนในที่เกิดเหตุต่างหยุดในสิ่งที่พวกเขากำลังทำแต่สายตาของพวกเขาทั้งหมดกลับมองมาที่เขาแทน
การถูกจ้องมองโดยผู้คนจำนวนมากทำให้ต้วนอวี้รู้สึกอึดอัดใจและทำตัวไม่ถูกเขาจึงฝืนยิ้มออกมา แน่นอนว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ดีไปกว่าการร้องไห้เลย
”ข้าคือจั่วจื่อมู่แห่งสำนักดาบอมตะ แล้วเจ้าล่ะ?” ในเวลานี้ชายวัยกลางคนได้วิ่งเข้าไปหาต้วนอวี้และพูดกับเขา ซึ่งในมือของเขาเองก็กำลังถือดาบที่ยังคงมีรอยเลือดไหลตามทาง เมื่อต้วนอวี้เห็นดาบในมือของเขา ตัวเขาเองก็ตกใจเล็กน้อย แต่ยังไงเขาก็ยังสามารถบังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ได้
”ข้าต้วนอวี้”
ในวลาต่อมาก็ได้มีชายอีกคนเดินเข้ามาหาต้วนอวี้ซึ่งในมือของชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นจอบเขาป้องมือขึ้นมาพร้อมกับอาวุธในมือด้วยสีหน้าที่ปราศจากความเคารพ เขาพูดขึ้นมาว่า: “ข้าชื่อซือข้งซ้วนแห่งตระกูลเฉินน้ง
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็มองไปที่ต้วนอวี้ด้วยสีหน้าระแวดระวัง….ไอรีนโนเวล
ต้วนอวี้ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า:”ข้า?” อย่างไรก็ตามในขณะที่ต้วนอวี้ก้าวไปข้างหน้านั้น คนอื่นๆ ต่างยกอาวุธในมือขึ้นพร้อมกับถอยหลังกลับไป พวกเขามองต้วนอวี้อย่างระมัดระวังราวกับว่าจะโจมตีทุกเมื่อ
”ทุกคน?” ต้วนอวี้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อที่จะอธิบายแต่ทุกคนกลับถอยหลังไปอีกก้าว บรรยากาศจึงยิ่งดูตึงเครียดมากเข้าปอีก
เมื่อถูกหลายคนชี้มาที่ตัวเองต้วนอวี้จึงรู้สึกประหม่ามากกว่าเดิม ตอนนี้เขาจึงยังไม่กล้าขยับมากเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดอีกด้วย
”ข้าไม่ใช่วีรบุรุษผู้กล้าหาญและไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ใดๆ ข้าเพิ่งเห็นว่าทุกคนต่อสู้ที่นี่กันและมีผู้คนมากมายเสียชีวิต ข้าทนดูทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ ข้าเลยอยากแนะนำให้ทุกคนถอยและพยายามอย่าก่อความรุนแรงอีก” ต้วนอวี้กล่าว
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครเชื่อคำพูดของต้วนอวี้หากเขาไม่มีทักษะการต่อสู้จริง ๆ เขาจะกล้ามาหยุดการต่อสู้ในครั้งนี้ได้อย่างไร เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นคนโง่ เพื่อไขความสงสัยให้กระจ่าง ซือข้งซ้วนจากสำนักดาบอมตะหันไปมองคนของเขาอย่างมีความหมายแอบแฝงบางอย่างและทันใดนั้นคนของฝั่งนั้นก็หันมาโจมตีที่ต้วนอวี้