กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 363 ขึ้นแทนที่
”นั่งลงก่อนเถอะแล้วค่อยคุย”เทียนจุนกล่าว
ฮวงเฟิงนั่งลงๆข้างเขาเขาและในเวลาต่อมาบาร์เทนเดอร์ก็ได้เสิร์ฟไวน์ตรงหน้าของเขา ฮวงเฟิงลอบมองบรรยากาศรอบ ๆ และรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เพราะเขาเองก็มาที่บาร์แห่งนี้หลายครั้งแล้วและยังรู้ดีอีกว่าราคาของไวน์ที่นี้ไม่ได้ถูกเลย
“พี่เปียวตายแล้ว!” เทียนจุนพูดโพล่งออกมา จริง ๆ แล้วทั้งสองไม่ได้เจอกันอีกเลยหลังจากที่ช่วยเทียนหลินจากพี่เปียวก่อนหน้านี้ ดังนั้นเทียนจุนจึงคิดว่าฮวงเฟิงคงจะไม่ทราบเรื่องการตายของพี่เปียวแน่
เทียนจุนเพียงแต่พยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรต่อต่อมาเขาตัดสินใจกล่าวต่อว่า: “หลังจากนั้น ลูกน้องของเขาก็หนีไปแต่เพราะฉันติดตามพี่เปียวมาเป็นระยะเวลาหนึ่งและฉันก็คงจะทำงานได้ดี พอพี่เปียวตาย พวกลูกน้องที่เหลือก็พากันตามหาฉันและยกให้ฉันเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา สุดท้ายฉันก็เลยต้องพาพวกเขามาที่นี่ทั้งหมด ”
”ทำไมล่ะ?”ฮวงเฟิงถามพลางยกไวน์ขึ้นดื่ม
”ผมจำได้ว่าน้องสาวของคุณดูเหมือนจะไม่ชอบให้คุณใช้ชีวิตแบบนี้นะ”
”ใช่เธอไม่ชอบให้ฉันต่อสู้และฆ่าคนทุกคนแบบนี้และนั่นก็ทำให้เธอเป็นกังวลมากด้วย” เมื่อพูดถึงน้องสาวของเขาเอง เทียนจุนก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าของเขา อย่างไรก็ตามต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขากล่าวขึ้นว่า: “แต่ฉันต้องการให้เธอมีชีวิตที่ดีไง!”
”นายรู้ไหมว่าเมื่อก่อนเราต้องอยู่ในห้องที่มีเนื้อที่ไม่กี่ตารางเมตร!ที่มีเพียงม่านผืนเดียวเอาไว้กั้นห้อง สิ่งที่มีค่าเดียวของน้องสาวฉันก็คือวิทยุที่ฉันเป็นคนซื้อมาให้ในราคาแค่สิบเหรียญ แล้วนายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากให้น้องสาวมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเพื่อคนที่ฉันรักแล้วไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้”
“ฟังแล้วรู้สึกว่าฉันคงแย่มากเลยสินะ!”ท่าทางของเทียนจุนที่แสดงออกมาดูเหมือนคนบ้าเล็กน้อย
ฮวงเฟิงค่อนข้างที่จะเข้าใจความรู้สึกของเขาและเข้าใจว่าเขาให้ความสำคัญกับน้องสาวตัวเองมากเพียงใดซึ่งเขาเห็นได้จากที่เทียนจุนพยายามช่วยน้องสาวตัวเองจากเหตุการณ์ล่าสุด
“อีกอย่าง น้องสาวของฉันไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเองและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยซ้ำ เธอไม่สมควรต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ สวรรค์ไม่ควรกระทำด้วยการมอบโรคประหลาดให้กับเธอแบนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอช่างแสนใจดีราวกับเทพธิดา ดังนั้น ฉันจะต้องรักษาเธอให้ได้” ในขณะที่เทียนจุนพูดเขาไม่ได้หันไปมองที่ฮวงเฟิงแต่เขาทำท่าทีราวกับว่าคุยกับตนเอง
“แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงิน! ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยถ้าไม่มีเงิน แม้แต่เงินจะเช่าบ้านก็ยังไม่มี แล้วแบบนี้เอาเงินจากที่ไหนไปรักษาน้องสาวของฉันกัน ถึงแม้ว่าเธอเองจะบอกว่าเธอพอใจกับชีวิตปัจจุบันนี้แล้วก็ตาม แต่ยังไงฉันก็ไม่สามารถคอยเฝ้าเธออยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตได้ เธอควรจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
“แล้วฉันก็ไม่มีความสามารถอย่างอื่นในการหาเงินนอกจากการต่อสู้แล้ว ฉันกลัวว่าจะหาเงินมาไม่ได้มากพอที่จะรักษาอาการป่วยของเธอ ดังนั้นเมื่อคนพวกนี้มาหาฉัน ฉันจึงจำเป็นต้องหลอกพวกเขา! ฉันรู้ว่าฉันต้องทำอะไรต่อ! ”
“งั้นตอนนี้คุณกลายเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขาและกลายเป็นเหมือนกับพี่เปียวอย่างนั้นหรือ?”ฮวงเฟิงกล่าว
”ใช่แล้ว”แสงแห่งความมุ่งมั่นปรากฏขึ้นในดวงตาของเทียนจุน
“ฉันว่าถ้าฉันทำแบบนี้ ฉันก็ยังพอมีหวังที่จะเปลี่ยนชีวิตของน้องสาวฉันและรวมถึงชีวิตของฉันเองให้กลับมาลมตาอ้าปากได้และสามารถมองโลกนี้ได้อย่างสวยงามได้อีกครั้ง!”..ไอรีนโนเวล
ฮวงเฟิงพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะเขาเองก็มีน้องสาวคนเล็กเช่นกัน หากน้องสาวของเขาต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้เขาก็คงจะเลือกทำเช่นเดียวกับ เทียนจุน
”แต่ยังไงก็ตามแม้ว่าฉันจะยึดอำนาจมาเป็นผู้นำแทนพี่เปียวได้ แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่ฉันยังไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ เช่นพวกยาเสพติด การพนันและยาพิษ! แม้ว่ารายได้ของเราจะน้อยลงมากแต่ฉันก็ยังคงรู้สึกว่าดีกว่าไม่มีรายได้เลย ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญากับพี่เปียวและช่วยเขาทำสามสิ่งที่เขาขอไว้ก่อนหน้านี้ฉันก็คงไม่มาเข้าร่วมกับพี่เปียวหรอก แต่การเข้าร่วมในครั้งนี้ก็เป็นเพราะพี่สาวของเขาด้วยที่อยากจะเข้าสู่วงการนี้ อีกอย่างฉันรู้ว่าพี่สาวของเขาเป็นคนแบบไหนฉันจึงตัดสินใจจะไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้”
”ใช่”ฮวงเฟิงพยักหน้าตาม พี่เปียวและคนอื่น ๆ อาจถือได้ว่าเป็นพวกนักเลงหัวไม้และพวกเขายังเป็นนักเลงจำพวกที่มีอิทธิพลมากอีกด้วย
”บาร์ที่เราอยู่คือร้านที่ฉันเฝ้ารายได้หลักของเราคือช่วยคนอื่นดูแลสถานที่และเก็บค่าคุ้มครอง” เทียนจุนดื่มให้ฮวงเฟิงจากนั้นก็กล่าวว่า
”ขอบคุณที่มาวันนี้และก็ยังฟังอดทนฟังฉันพล่ามจนจบไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หัวใจของฉันได้รับความทุกข์ทรมานมากมายจริง ๆ แต่ฉันไม่สามารถที่จะบอกใครได้ ฉันเลยโทรไปหานายให้มานั่งดื่มและฟังฉันบ่นเป็นเพื่อนน่ะ”
”ไม่เป็นไร”ฮวงเฟิงเข้าใจทั้งความรู้สึกและความคิดของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกลำบากที่จะรับฟัง
หลังจากที่เทียนจุนพูดจบเขาก็ดูเหมือนจะคลายกังวลมากขึ้นแม้แต่รังสีสังหารที่อยู่รอบตัวเขาก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน ถึงเขาจะยึดคนของพี่เปียวมาส่วนหนึ่งและคนของพี่เปียวก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าการต่อสู้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่นั้น ออร่าที่อยู่รอบกายเขาก็เป็นเรื่องปกติอยู่ดี
”โอ้ใช่ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ว่าลุงหลี่ที่มีชื่อเสียงในวงการของนายกำลังอยู่ในช่วงขาลง ทำไมนายไม่ใช่โอกาสนี้ขยายอำนาจออกไปล่ะ?” จู่ ๆ ฮวงเฟิงก็นึกถึงเรื่องของลุงหลี่ซึ่งอยู่ในวงการธุรกิจเดียวกันกับเขาและยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลเป็นอย่างมากอีกด้วย หากเขาต้องเสียชีวิตกระทันหันคงจะต้องเหลือโรงงานอีกมากมายที่เขาเป็นคนดูแลต้องถูกทิ้งร้างไป
“นายรู้เรื่องเกี่ยวกับลุงหลี่ด้วยหรือ?” เทียนจุนคิดในใจว่าทั้งฮวงเฟิงและคนอื่น ๆ ถือว่าไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกใบเดียวกับเขา เหตุผลเดียวที่เขามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อพูดความในใจ อีกอย่างฮวงเฟิงก็เคยช่วยน้องสาวของเขาไว้ก่อนหน้านั้นด้วย การมาในวันนี้เขาจึงอยากให้เป็นส่วนตัวมากที่สุด เพราะนอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาไม่สามารถเอาไปพูดกับคนอื่นได้และการเรียกฮวงเฟิงมาก็ถือเป็นความคิดที่ดี
เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าฮวงเฟิงจะรู้อะไรมากกว่าที่เขาคิดความล้มเหลวของลุงหลี่นั้นถือเป็นเรื่องที่ใหญ่สำหรับพวกเขาแต่สำหรับคนนอกมันดูไม่ได้สลักสำคัญอะไรจนเป็นที่น่าสังเกต
”ใช่ผมมีเพื่อนอยู่ในสถานีตำรวจ ผมเลยได้ยินเรื่องนี้มาจากเธอ” ฮวงเฟิงใช้ชิวหนิงซวงเป็นตัวแก้ต่างให้กับเรื่องนี้
”โอ้”แม้ว่าเทียนจุนจะแปลกใจที่ฮวงเฟิงมีเพื่อนอยู่ในที่ทำการรัฐแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะในสายตาของเขาตำรวจ ยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรยุ่งด้วยนัก
“เมื่อลุงหลี่ล้มลง พวกเขาจังปล่อยช่องว่างออกมากมายจนหลายคนตื่นเต้นกันเป็นอย่างมากและตัวฉันเองด้วย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันเองก็ยุ่งอยู่กับเรื่องนี้และคิดจะยึดอำนาจมาไว้และเพิ่มอาณาเขตปกครองมากกว่านี้เหมือนกัน” เทียนจุนกล่าว
”แต่ยังไงถ้าดูตามสถานการณ์ตอนนี้แล้วยังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่อีกอย่างหลังจากนั้นฉันก็เพิ่งเข้ามาในวงการอุตสาหกรรมและยังมีลูกน้องพี่เปียวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือไม่ได้มีแค่พวกนี้ ดังนั้นอำนาจของฉันยังมีขีดจำกัดอยู่ ตอนนี้จึงไม่สามารถคิดหาผลประโยชน์ได้เลยสักอย่าง”
เทียนจุนไม่ได้คิดพยายามที่จะปิดบังอะไรฮวงเฟิงความแข็งแกร่งและอำนาจของเขาในตอนนี้ยังไม่ติดอยู่ในอันดับของพี่ใหญ่ด้วยซ้ำ เนื่องจากสายธุรกิจนี้เป็นแบบสับเปลี่ยนหมุนเวียนจึงลืมไปว่าเขาเป็นเพียงมือใหม่และแม้แต่พี่เปียวก็ยังไม่ถูกจัดอยู่ในอันดับเลยแล้วนับประสาอะไรกับมือใหม่อย่างเขากัน