กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 369 ดูด
บนหน้าผากของฮวงเฟิงเริ่มมีเหงื่อผุดออกมาพร้อมลมหายใจเข้าออกที่ถี่เร็วขึ้นเขารู้สึกเสียใจกับความประมาทเพียงเล็กน้อยของเขาแต่อย่างไรเสียใครไม่มีทางหยุดแน่ ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมแพ้และที่ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาเกิดยอมแพ้ขึ้นมาเขาอาจจะไม่มีโอกาสให้ได้ลองอีกในอนาคตเป็นแน่
ตอนนี้ฮวงเฟิงยังกัดฟันอดทนต่อไปเขาสามารถควบคุมของเหลวในร่างกายได้ค่อนข้างดีจนสามารถควบคุมให้ไหลเวียนไปตามเส้นทางที่กำหนดได้ แต่เมื่อแรงต้านเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผิวของฮวงเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดเพิ่มขึ้นมาทั่วใบหน้าของเขา
ท้ายที่สุดสิ่งที่ฮวงเฟิงเป็นกังวลก็เกิดขึ้นกระแสของพลังงานที่ไหลตรงข้ามกันในร่างกายได้สอดประสานเข้าด้วยกัน แต่กระแสของพลังทั้งสองดูเหมือนจะต้องการกลืนกันและกันมากว่าจะหลอมรวมกัน ทั้งสองดูเหมือนจะไม่ยอมเปิดทางให้อีกฝ่ายราวกับว่ามันต้องการปะทะกันในร่างของชายคนนี้ หากฝ่ายไหนแพ้คงได้โดนอีกฝ่ายเขมือบเข้าไปแน่!
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องที่มากเกินไปสำหรับฮวงเฟิงเมื่อกระแสของพลังทั้งสองกำลังปะทะกัน พวกมันต่างดูไม่ยอมแพ้ที่จะพุ่งเข้าสู่เส้นลมปราณของฮวงเฟิงซึ่งนั่นก็ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเข้าบูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดภายในและเขาเริ่มส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างเจ็บปวด
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของฮวงเฟิงในตอนนี้ดูไม่ดีนักเสี่ยวไป๋ดูเหมือนว่าจะรับรู้ได้ว่าฮวงเฟิงกำลังตกอยู่ในอันตราย มันจึงส่งเสียงร้องออกมาอย่างกระวนกระวานจากด้านล่าง แต่อย่างไรมันก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ในเวลานี้ฮวงเฟิงได้สูญเสียการควบคุมการไหลของพลังทั้งสองไปแล้วเขาทำได้เพียงเฝ้าดูพวกมันกำลังปะทะกันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายชนะ
ในขณะเดียวกันฮวงเฟิงเองก็รับรู้ได้ว่าก่อนหน้านั้นเขาเสียสมาธิสิ่งที่เขาคิดก่อนหน้านั้นก็คือหากพลังทั้งสองเกิดปะทะกันเขาจะหยุดการฝึกในทันที จากนั้นเขาจึงค่อยเลือกหนึ่งในสองของวิชาเพื่อเคลื่อนพลังเข้าสู่ร่างกายต่อไปและจำต้องยอมแพ้ในการฝึกอีกวิชาไปโดยสิ้นเชิง
แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากสิ่งที่เขาจินตนาการไว้อย่างชัดเจนเมื่อเขาพบว่ากระแสพลังของทั้งสองหักล้างกันเขาจึงอยากจะหยุดการปะทะกันในครั้งนี้แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้วเพราะเขาได้สูญเสียการควบคุมกระแสพลังทั้งสองไปโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาทำได้เพียงมองดูพวกมันปะทะกันในเส้นเลือดของเขาและมันอาจระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ฮวงเฟิงได้แต่หวังว่ากระแสของพลังทั้งสองจะสามารถหาผู้ชนะได้อย่างรวดเร็วเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นการเผชิญหน้านี้ก็จะสิ้นสุดลงและเขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายจากการเสียชีวิตอย่างร้ายแรงด้วย แต่กระแสของพลังทั้งสองนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา กระแสพลังงานแรกเป็นพลังงานใหม่ที่ ฮวงเฟิงเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังงานที่หลอมรวมกับพลังชี่และเวทมนตร์ภายในของเขาเลย ส่วนกระแสพลังอีกอันก็เป็นก็ถึงกระแสพลังของทักษะที่ติดอันดับต้น ๆ ในโลกศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดอีกด้วย…ไอลีนโนเวล
นั่นจึงเป็นผลทำให้ทั้งสองฝ่ายสู้กันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อแต่ในขณะเดียวกันทั้งคู่ต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้เช่นกัน
ฮวงเฟิงรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเมื่อหลอดเลือดของเขาดูเหมือนจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องเหมือนถุงผิวหนังที่กำลังโป่งพองออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่าจะมีการระเบิดขึ้นได้ตลอดเวลาอีกทั้งร่างกายของเขาก็ปล่อยไอร้อนออกมาเรื่อย ๆ เช่นกัน เสี่ยวไป๋ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าอุณหภูมิรอบตัวของเจ้านายตนกำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เสี่ยวไป๋กระวนกระวายใจจึงร้องเรียกฮวงเฟิงแต่ฮวงเฟิงไม่ได้ยินเสียงของมัน อย่างไรเสี่ยวไป๋ก็เป็นสัตว์เทพและเป็นหมาที่ฉลาดมาก ๆ มันจึงรู้ว่าไม่สามารถช่วยฮวงเฟิงในตอนนี้ได้ ดังนั้นมันจึงกระโดดลงจากเตียงและวิ่งไปยังห้องข้าง ๆ แทน
”เจ้าหนูทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” ไป๋เสี่ยวโหรวที่เปลี่ยนชุดนอนแล้วยังไม่ทันได้พักผ่อน เธอได้เตรียมตัวสำหรับการที่นี่แล้วจึงนำชุดนอนติดมาด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไป๋เสี่ยวโหรวมาที่นี่ดังนั้นเธอจึงเรื่องเกี่ยวกับเสี่ยวไป๋ เธอรู้ด้วยว่าสุนัขตัวนี้ฉลาดมากจนสามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้และไม่ใช่สุนัขที่จะเอาไปเปรียบเอาสุนัขทั่วไปได้
ตอนนี้เสี่ยวไป๋ได้วิ่งไปที่ห้องของเธอแล้วตะโกนเห่าใส่เธอตลอดเวลาสีหน้าของมันเต็มไปด้วยความวิตกกังวลแต่เมื่อมันเห็นว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังทำ มันจึงกัดเข้าไปที่ชายชุดนอนของเธอแล้วจัดการลากเธอออกไป
”เธออยากให้ฉันตามเธอไปหรอ?”ไป๋เสี่ยวโหรวถามอย่างไม่แน่ใจ
เสี่ยวไป๋คายชายเสื้อของเธอและพยักหน้าซ้ำๆ พร้อมกับสีหน้าที่เป็นกังวของเธอที่ดูไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
”เอาล่ะฉันไม่รู้จริงๆว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่” ไป๋เสี่ยวโหรวกล่าว เมื่อเห็นว่าเสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะมีเรื่องเร่งรีบบางอย่าง สุดท้ายไป๋เสี่ยวโหรวก็ตัดสินใจที่จะตามไปดู เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับฮวงเฟิง? แต่เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรดังขึ้นมาเลย
ในเวลานี้ฮวงเฟิงไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกอีกต่อไปตอนนี้เขาถึงจุดที่สติเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยแล้ว
อย่างก็ตามข่าวดีในตอนนี้ก็คอการปะทะกันระหว่างพลังที่แตกต่างกันทั้งสองในร่างกายของฮวงเฟิงได้สิ้นสุดลงแล้วและผู้ที่ได้รับชัยชนะก็คือพลังที่ฮวงเฟิงไม่เคยรู้จักมาก่อนความสามารถในการหลอมรวมใหม่ในครั้งนี้ค่อนข้างคาดไม่ถึงและแม้แต่วิชาลมปราณภูตอุดรก็ยังไม่สามารถชักนำเอากำลังภายในแบบนี้เข้าไปได้
เดิมทีไป๋เสี่ยวโหรวสงสัยว่าทำไมเสี่ยวไป๋ถึงพาเธอมาที่นี่แต่เมื่อเธอเข้าไปในห้องก็ก็เข้าใจในทันทีใบหน้าของฮวงเฟิงที่ดูบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทำให้เขาดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
”ฮวงเฟิงฮวงเฟิง นายเป็นอะไรรึเปล่า?” ไป๋เสี่ยวโหรวเดินมาที่ด้านข้างของฮวงเฟิงและถามเขาอย่างกังวล ฮวงเฟิงในสภาพปัจจุบันเมื่อดูจากภายนอกเขาดูเลวร้ายกว่าเมื่อก่อน เขาดูเคร่งเครียด มีเหงื่อออกทั่วร่างกาย ผิวของเขาดูราวกับถูกเผาทั้งเป็นและยังพบรอยแดงตามผิวหนังซึ่งบางจุดก็มีเลือดไหลออกมาด้วย
ไม่ว่าใครก็ตามมาเห็นสภาพของฮวงเฟิงในตอนนี้ก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาดูอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมากจริงๆ และมันเป็นเรื่องจริงอีกด้วย แม้ว่าพลังงานใหม่ในร่างกายของฮวงเฟิงจะเอาชนะลมปราณภูติอุดรได้ แต่มันก็ยังคงไม่ถูกกลืนเข้าไปโดยสมบูรณ์และภาวะจิตของเขาก็ยังคงไม่กลับมาไม่ครบเช่นกัน
สีหน้าของไป๋เสี่ยวโหรวแสดงออกอย่างวิตกกังวลเธอคิดว่าบางทีฮวงเฟิงอาจะได้พบกับการหักล้างกันของพลังชี่ในตำนานและไม่ว่าใครจะมองยังไง สถานการณ์ของฮวงเฟิงในตอนนี้ก็ดูใกล้เคียงมาก ไป๋เสี่ยวโหรวไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนและในความเป็นจริงการหักล้างของพลังชี่ก็พบได้ไม่บ่อยนักด้วย
”ฉันควรจะทำยังไงดี?”เธอวางมือของเธอบนไหล่ของฮวงเฟิงเตรียมที่จะเขย่าเขาเพื่อปลุกเขาจากการฝึกที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ของพลังชี่ที่กำลังหักล้างกันอยู่
เมื่อคิดได้เท่านั้นเธอก็วางมือไว้บนไหล่ของฮวงเฟิง พลังงานใหม่ในร่างกายของเขาที่ได้ดูดกลืนเอาลมปราณภูตอุดรเข้าไปก็เริ่มกระเพื่อมขึ้นราวกับฉลามที่ได้กลิ่นควาเลือด
และเมื่อไป๋เสี่ยวโหรวคิดจะเริ่มเขย่าแขนของเขาจู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าแขนของเธอถูกบางอย่างตรึงไว้จนไม่สามารถขยับได้เลย!
ความกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋เสี่ยวโหรวเพราะไม่เพียงเธอจะไม่สามารถขยับเขาได้แต่แม้แต่กำลังภายในร่างกายของเธอเองก็เริ่มถูกดูดออกไปตัว