กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 374 นัดกินข้าว
อย่างไรก็ตามไม่ว่าถังมู่เสวี่ยจะโมโหและวิตกกังวลเพียงใดก็ตามมันก็เปล่าประโยชน์ เพราะเธอเป็นน้องใหม่ของศูนย์การค้าแห่งนี้ และต้องเผชิญกับพวกจิ้งจอกเฒ่าที่ได้ต่อสู้อยู่ที่นี่กันมานานหลายปี เธอจึงไม่มีหนทางอื่นเลย มังกรผงาดจะต้องยอมสยบให้แก่งูเจ้าถิ่น
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ถังมู่เสวี่ยจึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างไรก็ตามเธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวพอจะมีเส้นสายอยู่บ้างในจังหวัดชิงนี้ แต่ในอุตสาหกรรมเหล้าแล้ว พวกเธอก็ไม่ค่อยจะรู้จักใครนัก
ถงเฉียนเองก็กำลังหงุดหงิดเช่นกันแต่ฮวงเฟิงนั้นกลับอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่งเขามีสาวสวยมาพักอยู่ด้วยกันและถึงแม้ว่าเขาจะต้องทำอาหารเพิ่มขึ้นแต่เมื่อได้เห็นสาวสวยทุกวันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
สองสามวันมานี้มีออเดอร์เข้ามาสองสามออเดอร์ทุกๆ วัน และสายการผลิตใหม่ก็ติดตั้งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ความเร็วในการผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียของเขากำลังจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานผลิตภัณฑ์ของพวกเขานำหน้าผลิตภัณฑ์อื่นในอุตสาหกรรมนี้ พวกเขาไม่มีคู่แข่ง และลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ของพวกเขาไปก็ชื่นชมอุปกรณ์นี้ ซึ่งทำให้ทั้งฮวงเฟิงและกัวเหลียงโล่งใจไปได้
ในขณะที่ความคิดเห็นเชิงบวกของอุปกรณ์ได้แพร่หลายออกไปตลาดขององค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางจะโจมตีองค์กรขนาดใหญ่เหล่านั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในขณะนี้พวกเขาไม่ใช่คนเดียวที่ทำเช่นนั้นยังมีเหล่าพนักงานขายที่มาเยี่ยมพวกเขา แต่องค์กรขนาดใหญ่เหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถสร้างเสร็จได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นฮวงเฟิงและกัวเหลียงจึงไม่เร่งรีบ เพราะผลลัพธ์ในปัจจุบันทำให้พวกเขามีความสุขมากอยู่แล้ว..ไอรีนโนเวล
ทางด้านหนิงซวง เดิมทีแล้วเธอเองก็ไม่ได้ชอบงานตำรวจจราจรเลย อย่างไรก็ตามครั้งก่อนที่เธอรู้สึกได้ถึงพลังเวทมนต์ที่ฮวงเฟิงพูดถึงได้เกิดขึ้นในร่างกายของเธอ เธอรู้สึกสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และตอนนี้ทันทีที่เธอมีเวลาเธอก็จะทำสมาธิทันที และทำให้พลังเวทย์ในตัวของเธอนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเธอเองก็ตระหนักว่าสภาพของเธอนั้นแตกต่างจากสิ่งที่ฮวงเฟิงได้กล่าวเอาไว้ฮวงเฟิงนั้นสามารถที่จะเรียนรู้ศาสตร์เวทมนต์ได้ทุกประเภท แต่สำหรับเธอนั้นสามารถฝึกฝนได้เพียงเวทมนต์น้ำ
ถึงกระนั้นก็ตามเธอเองก็พอใจเป็นอย่างมาก ในหนังสือนั้นมีเวทมนต์น้ำเบื้องต้น คาถาบอลน้ำ มันเหมือนเธอได้เล่นของเล่นเธอเพียงร่ายมนต์และเล่นกับมันตลอดสองสามวันที่ผ่านมา
แน่นอนว่าเธอไม่ลืมสิ่งที่ฮวงเฟิงเตือนเธอไม่ได้บอกพ่อกับแม่เกี่ยวกับเรื่องเวทมนต์ แม้แต่ตอนที่เธอร่ายคาถาบอลน้ำ เธอก็ทำตอนที่อยู่ลับหลังพ่อกับแม่ของเธอ
ในตอนแรกหมอที่โรงพยาบาลไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะต้องทำ หลังจากที่ไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ทัศนคติของพวกเขาก็กลายเป็นหัวโบราณมากขึ้น เพราะว่ากระสุนนั้นอยู่ใกล้กับหัวใจ ถ้าเธอไม่ระวังแล้วล่ะก็ ชิวหนิงซวงก็อาจจะไม่ฟื้นหลังจากที่ผ่าตัด และด้วยตัวตนของชิวหนิงซวงแล้ว หมอก็ไม่กล้าที่จะใช้มีดผ่าตัดโดยสะเพร่า
ผู้กำกับชิวเองก็ทราบเรื่องนี้ดีเพราะว่าตอนนี้ลูกสาวของเขานั้นปกติดี เขาจึงไม่ได้ขอให้หมอทำการผ่าตัดในทันที แต่เขากลับรีบวางแผนปรึกษาเพื่อรับประกันความสำเร็จในการผ่าตัดจากนั้นพวกเขาจึงจะสามารถทำการผ่าตัดให้ชิวหนิงซวงได้
“นี่หมอพวกนั้นไม่กล้ารับประกันการผ่าตัดของคุณงั้นเหรอ?”ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่มองดูชิวหนิงซวงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
ในเวลานี้ฮวงเฟิงและชิวหนิงซวงกำลังรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่งเมื่อพวกเขาเลิกงานฮวงเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากชิวหนิงซวงบอกว่าเธอไม่เข้าเกี่ยวกับการฝึกตนเลยและอยากจะขอความช่วยเหลือจากฮวงเฟิง ฮวงเฟิงจึงได้ตกลงโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก
“ใช่แล้ว”ชิวหนิงซวงกล่าวอย่างเฉยเมย เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอปกติดีและไม่จำเป็นจะต้องผ่าตัดดังนั้นเธอจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
แต่ฮวงเฟิงไม่ได้คิดเช่นนั้นถึงแม้ว่าผลไม้สีแดงเวอร์มิลเลียนฟรุตจะช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ แต่กระสุนที่เป็นโลหะที่ยังคงอยู่ในร่างกายเธอทั้งหมดและจะไม่ส่งผลดีต่อร่างกายของเธอแม้แต่น้อย หากพวกมันยังคงอยู่ในร่างกายของชิวหนิงซวง แน่นอนว่ามันคงไม่เป็นผลดีในระยะยาว
หลังจากนั้นชิวหนิงซวงก็เล่าข้อสงสัยของเธอเกี่ยวกับการฝึกตนถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงข้ออ้างที่เธอโทรชวนฮวงเฟิงออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เธอมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อ้อใช่ พรุ่งนี้ฉันมีงานเลี้ยงตอนเย็นและฉันก็ต้องการผู้ชายไปเป็นเพื่อน คุณพอจะมีเวลาไหม?” หลังจากที่เธอได้อธิบายข้อสงสัยจบแล้ว ชิวหนิงซวงก็ดื่มเครื่องดื่มของเธอราวกับว่าเธอกำลังพูดอย่างสบายๆ แต่วิธีที่เธอถือแก้วเอาไว้แน่นบอกได้ว่าหัวใจของเธอนั้นไม่ได้สงบอย่างที่เธอกำลังแสดงออกเลย
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นความประหม่าของชิวหนิงซวงและกล่าวว่า “คืนพรุ่งนี้ ผมคงจะพอมีเวลา ว่าแต่เป็นงานเลี้ยงแบบไหนงั้นเหรอ? ถ้าผมไปด้วยจะเหมาะไหม?”
“ต้องเหมาะสิทำไมถึงจะไม่เหมาะสมล่ะ?” เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง ชิวหนิงซวงก็รีบพูดออกมา บางทีเธอก็รู้สึกว่าเธอออกจะตื่นเต้นไปสักหน่อย เธอจึงกล่าวช้าๆ ว่า “มันก็แค่งานรวมเพื่อนและพวกเขาก็อยากให้ฉันพาแฟนไปด้วย แต่ฉันไม่รู้จะทำยังไงเพราะฉันก็ไม่ได้มีเพื่อนมากนักที่สถานีตำรวจและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็คงจะไม่มีเวลา”
ชิวหนิงซวงแกล้งโกหกถ้าเธอพูดอย่างนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะมีเวลาหรือไม่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเวลาก็ตามแต่พวกเพื่อนตำรวจก็ต้องหาเวลาไปอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าชิวหนิงซวงไม่ต้องการไปกับพวกเขา
จริงๆแล้วชิวหนิงซวงไม่เคยสนใจไปร่วมงานเลี้ยงรุ่นเช่นนี้เลยแต่เธอรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปกับฮวงเฟิงดังนั้นเธอจึงตกลงที่จะไปร่วมงาน และถ้าฮวงเฟิงตอบว่าเขาไม่สามารถไปร่วมงานด้วยได้ เมื่อถึงเวลานั้นเธอค่อยหาเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ไปร่วมงานก็ได้
เมื่อเห็นว่าชิวหนิงซวงดูเหมือนจะไม่สามารถหาใครไปเป็นเพื่อนได้ฮวงเฟิงจึงคิดว่าเขาควรจะตอบตกลงในเมื่อเขาเองก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว และเมื่อชิวหนิงซวงเห็นว่าเขาตกลง เธอก็ค่อยๆ ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเธอก็อารมณ์ดีมากขึ้นไปอีก