กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 377 ขโมย
“เจ้าพวกนี้ไม่ได้ไหวตัวอะไรเล้ย!”ฮวงเฟิงประเมินอยู่ในใจอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ค่อยระมัดระวังตัว เขาจึงสามารถตามพวกเขาเข้ามาในห้องได้อย่างสบาย
ภายในห้องนั้นน่าจะเป็นห้องอ่านหนังสือซึ่งมีขนาดค่อนข้างกว้างดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่กลัวว่าจะถูกพบตัว หลังจากที่เข้ามาแล้วเขาก็หาที่ซ่อน
ภายในห้องนั้นมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่บนชั้นวางหนังสือมีหนังสือมากมายอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่างไรก็ตามในตอนที่ฮวงเฟิงเข้ามาตรวจสอบก่อนหน้านี้เขาพบว่าหนังสือพวกนี้ค่อนข้างใหม่แถมยังสะอาดมาก
“เมื่อหลายปีก่อนไอ้เจ้าถงเฉียนจุ้นก็เคยเป็นอันธพาลเหมือนพวกเรานี่ล่ะแต่ตอนนี้มันยังเลียนแบบวิธีการของนักวิชาการพวกนั้นด้วย มันมีหนังสือในครอบครองตั้งมากมาย ฉันสงสัยว่ามันเข้าใจคำศัพท์ในหนังสือพวกนี้จริงๆ งั้นเหรอ” ในเวลานี้มีคนสี่คนอยู่ตรงหน้าเขา มีใครบางคนกำลังมองดูหนังสือบนชั้นหนังสือและพูดจาอย่างประชดประชัน
“อย่าไปดูถูกเขาเชียวนะถึงแม้ว่าเขาจะเคยเป็นอันธพาลมาก่อน แต่เขาก็กลายมาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในจังหวัดชิงเลยนะนี่แหละฝีมือของเขา”
“ฝีมืองั้นเหรอ?แล้วทำไมตอนนี้ถึงไปติดคุกได้ล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นมีคนต้องการเอาชีวิตเขาใช่ไหมตอนนี้?” คนก่อนหน้านี้กล่าวอย่างไม่มั่นใจนัก
“ไอ้เฒ่าหม่าถ้าแกไม่พูดก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ!” มีใครบางคนตำหนิ เห็นได้ชัดว่าคนๆ นี้พอจะมีบารมีอยู่บ้าง หลังจากที่เขาพูดแล้วคนที่พูดก่อนหน้านี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
เพราะว่าเขารู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับถงเฉียนจุ้นและอีกฝ่ายก็กลัวว่าเขาจะหลุดพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปส่วนฮวงเฟิงเองก็อยากจะรู้ว่ามีใครกันแน่ที่ต้องการเอาชีวิตของถงเฉียนจุ้น?
อย่างไรก็ตามคนตรงหน้าดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจที่จะตอบคำถามของฮวงเฟิงพวกเขาหยุดคุยกันและกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่หน้าชั้นวางหนังสือ
“เจอแล้ว!”คนๆ หนึ่งอุทานออกมาเบาๆ และหมุนโต๊ะไปสองสามรอบ หลังจากนั้นไม่นานนักฮวงเฟิงก็ได้เห็นชิ้นส่วนเล็กๆ ของชั้นวางหนังสือด้านหลังโต๊ะยื่นออกมาและดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน ฮวงเฟิงอยู่ค่อนข้างห่างจากโต๊ะดังนั้นเขาจึงมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก
“พวกมันซ่อนเอาไว้ซะดีเชียวนะน่าสงสารที่ถงเฉียนจุ้นคนนี้จะไม่ได้เป็นสายลับอีกแล้ว”
“เอาล่ะรีบเผ่นกันเถอะ ตอนนี้พวกเราได้ของมาแล้ว รีบกลับกันเถอะ” ชายคนที่หยิบเอาของบางสิ่งออกจากชั้นวางหนังสือกล่าว
“เรื่องขี้ผงแบบนี้จริงๆ แล้วไม่เห็นต้องถึงมือพวกเราสี่คนเลยนะ ส่งพวกเรามาทำอะไรเนี่ย!” อีกคนบ่นด้วยความไม่พอใจ
“พอแล้วอย่าบ่น พี่เฟยก็แค่กลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น แกก็รู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ตระกูลของเรามาช่วยคนๆ นั้น และแน่นอนว่าพี่เฟยก็ต้องจริงจัง ถ้าเรื่องนี้จบด้วยดีจากนั้นตระกูลของพวกเราก็จะได้รับการพิจารณาให้มีผู้หนุนหลังและทุกอย่างในอนาคตก็จะสดใส”..Aileen-novel
“จริงด้วยเฮ้ บอกฉันหน่อยสิ มันเกินอะไรขึ้นกับลุงหลี่กันแน่? เขาเป็นเจ้านายในสายงานของเรานะ แล้วตำแหน่งใหญ่ขนาดนั้น เขาตายแบบนั้นได้ยังไงกัน? นี่มันกระทันหันเกินไป” บางทีมันคงเป็นเพราะพวกเขาได้ของนั้นมาอยู่ในกำมือแล้ว แต่ก็ไม่มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ดังนั้นทั้งสี่คนจึงค่อนข้างผ่อนคลาย แม้แต่คนที่บอกให้พวกเขาระวังตัวในตอนต้นก็ไม่ได้ห้ามให้พวกเขาพูดคุยกัน
“ใช่แต่ถ้าเขายังไม่ตาย แก๊งค์ของเราก็จะไม่เติบโตเร็วขนาดนี้นะ”
“ใช่แล้วพี่เฟยเป็นคนฉลาด เด็ดขาด และก็ได้ยึดครองเขตแดนของลุงหลี่มาทันที่เลยนะ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วคนๆ นั้นก็คงจะไม่ได้มาเป็นพี่เฟยอย่างในตอนนี้”
ทั้งสี่คนพูดคุยกันขณะที่เดินออกไปอย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเดินมาถึงประตู อยู่ๆ คนที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดเดิน
“แม่งเอ้ยนี่แกหยุดเดินทำไมเนี่ย? รีบเดินสิ รีบออกไปจากที่นี่” คนที่อยู่ด้านหลังไม่ทันได้สังเกตดังนั้นเขาจึงชนเข้ากันคนที่เดินอยู่ข้างหน้า
“ฮัลโหลทุกคน”ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นภายในห้อง
คนที่อยู่ด้านหลังตกใจและทันใดนั้นพวกเขาจึงได้เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่ข้างหน้าถึงได้อยู่ๆก็หยุดเดิน นั่นเป็นเพราะว่ามีร่างๆ หนึ่งปรากฎขึ้นที่ประตูหน้าห้อง
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีปืนเหมือนกับลุงหลี่และคนอื่นๆความจริงแล้วคนที่จะมีปืนได้มีน้อยมากและส่วนใหญ่แล้วพวกอันธพาลทั้งหลายก็มักจะต่อสู้กันด้วยไม้ตีเบสบอล มีดสั้น มีดพกอะไรทำนองนี้ และพวกเขาทั้งสี่คนนั้นก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีปืน
ฮวงเฟิงไม่เสียเวลาพูดกับคนพวกนั้นเพียงแค่ขยับตัวร่างของเขาก็เคลื่อนเข้ามาอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสี่คน และมีเพียงเสียง “เปรี้ยง เปรี้ยง” ไม่กี่ครั้ง พวกเขาทั้งสี่คนก็ถูกโจมตีและล้มลงอย่างไม่เป็นระเบียบ
“ไม่ฉลาดเลยนะที่จะมาเล่นมีดกันตอนกลางคืนแบบนี้!”ร่างของฮวงเฟิงเคลื่อนไปยืนอยู่ที่ประตูอย่างมั่นคงอีกครั้ง และกล่าวกับคนทั้งสี่ที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนพื้น ด้วยเสื้อคลุมเงา ความเร็วของเขาจึงเร็วมากทำให้เขาไม่กลับแม้กระทั่งปืน แล้วเขาจะกลัวมือมีดอย่างพวกนี้ได้อย่างไรกัน?
“แค่กแค่ก แกเป็นใคร?” ท่ามกลางคนทั้งสี่ มีชายหนุ่มคนหนึ่งไออยู่สองสามครั้งขณะที่เอามือกุมหน้าอกเอาไว้พร้อมกับเอ่ยปากถามฮวงเฟิง
“คนอย่างพวกแกไงล่ะ!”ฮวงเฟิงกล่าว ในตอนนี้ทั้งห้องยังคงมืด ไฟฉายที่อยู่ในมือของพวกนั้นได้ถูกฮวงเฟิงทำลายไปแล้วตั้งแต่แรก ดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรู้จักเขา
“ตอนนี้ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะถามพวกแกพวกแกจงตอบคำถามของฉันไม่ใช่มาถามฉัน!” ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่มองดูพวกเขา ถึงแม้ว่าแสงสว่างจะไม่เพียงพอ แต่ด้วยสายตาที่ดีของเขาฮวงเฟิงก็ยังคงเห็นพวกเขาในทุกย่างก้าว
“เอาอะไรมาวัด?แกรู้ไหมว่าพวกข้าเป็นใคร?” เห็นได้ชัดว่ามีบางคนที่ไม่กลัวฮวงเฟิงเลย บางทีพวกเขาคงจะหยิ่งยะโสซะจนเคยตัวและในตอนนี้ก็ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเองตกอยู่ในสถานะการเช่นไร
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงก็รีบทำให้พวกเขาได้รู้ถึงจุดประสงค์อย่างรวดเร็ว ฮวงเฟิงก็ยังคงอยู่ที่ประตูแต่ภายในเสี้ยววินาทีเขาก็ไปอยู่ตรงหน้าของชายคนนั้นแล้ว และก่อนที่ชายคนนั้นจะทันได้ทำอะไร หมัดของฮวงเฟิงก็ซัดเข้าที่จมูกชายคนนั้นจนจมูกแตก ทำให้มีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมากและทำให้เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ทีนี่แกก็รู้แล้วสิว่าทำไมฉันถึงได้พูดแบบนั้น?”ฮวงเฟิงยืนขึ้นและกล่าวอย่างสงบ
“แกอยากรู้เรื่องอะไร?”คนที่เหลือตอนนี้รู้แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีคนมากกว่าแต่พวกเขาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮวงเฟิง
“ยังมีคนฉลาดอยู่นี่นะ”ฮวงเฟิงชมพวกเขาและกล่าวว่า “พวกแกเป็นคนของใคร?”
“พวกเราเป็นคนของพี่เฟย!”ชายคนนั้นกล่าว
“แล้วพวกแกมาทำอะไรที่นี่?”ฮวงเฟิงยังไม่ทราบว่าพี่เฟยเป็นใคร อย่างไรก็ตามจากที่พวกนั้นคุยกันก่อนหน้านี้ ก็เดาได้ไม่ยากว่าพี่เฟยนั้นน่าจะเป็นอันธพาลเช่นกัน