กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 390 ระเบิดเหม็น
“ขอบคุณปรมาจารย์” หยวนเหลียงรีบรับสมบัติช่วยชีวิตเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าเขาจะได้ใช้มันในตอนนี้แต่มันก็ยังเป็นประโยชน์เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
สำหรับระเบิดเหม็นโดยทั่วไปแล้วพวกเขานักต่อสู้จะมีมันไว้ แต่สิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยกับชิ้นที่ได้รับมาจากปรมาจารย์กงหมิง เมื่อยามที่มันระเบิดจะมีควันสีขาวลอยอยู่เหนือพื้นซึ่งไม่หนามากนักแต่มันจะทำให้คนที่สูดดมเข้าไปหมดสติได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าระเบิดเหม็นทั่วไปจะใช้ได้ผลอยู่บ้างแต่ความรุนแรงนั้นก็เทียบไม่ได้เลยกับชิ้นที่ปรมาจารย์กงหมิงมอบให้
“เอาล่ะเจ้าไปเถอะ จะได้เตรียมตัว” ปรมาจารย์กงหมิงโบกมือและกล่าว
“ขอรับ”หยวนเหลียงตอบด้วยความเคารพ การทำตัวสงบเสงี่ยมต่อหน้าคนอื่นนั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย ในทางตรงกันข้ามเขาเป็นคนที่มีบุคลิกเย่อหยิ่ง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่คนงี่เง่าและจะไม่ปฏิบัติต่อทุกคนเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็จะไม่กล้าที่จะเป็นปรปักษ์กับพระสงฆ์ต่อหน้าคนอื่น
กงหมิงเฝ้ามองดูหยวนเหลียงขณะที่เขาจากไปด้วยแววตาที่อธิบายไม่ได้เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเดินทางของหยวนเหลียงมากนัก ในตอนนี้เขากำลังคิดอยู่ว่าจะใช้อาณาเขตที่เขาจะได้รับหลังจากการต่อสู้เพื่อรวบรวมผู้คนให้มากขึ้นได้อย่างไร เช่นเดียวกับหยวนเหลียงที่เพิ่งจากไปเขาก็กำลังเดินตามความปราถนาของเขาเองและไม่กล้าขัดขืนเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ในทางตรงกันข้ามความทะเยอทะยานภายในใจของเขานั้นยิ่งใหญ่กว่าคนทั่วไปนักตอนแรกที่เขาเพิ่งจะเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสของอารามโพธิยังไม่ใช่สำนักอันดับหนึ่งในดินแดนวายุโชย แต่ระดับการฝึกตนของเขานั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียวและเขาก็มีความตั้งใจที่ดี ภายในเวลาไม่ถึงสิบปีอารามโพธิก็ได้กลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งในดินแดนวายุโชย
ในกระบวนการนี้ก็ย่อมมีศัตรูเกิดขึ้นอยู่แล้วและบางคนไม่เต็มใจที่จะยอมรับผลลัพธ์นี้อย่างไรก็ตามผู้ที่ไม่เต็มใจที่จะยอมรับผลลัพธ์นี้ก็ต้องจากโลกนี้ไป เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพระสงฆ์ แต่ก็เรียกได้ว่าเขาเป็นคนโหดร้ายและไร้ความปราณี
และเป็นเพราะเหตุนี้เองเขาจึงสามารถทำให้อารามโพธิเป็นสำนักอันดับหนึ่งในดินแดนวายุโชยได้จากนั้นเมื่อความทะเยอทะยานของเขานั้นยังไม่เป็นที่พอใจ เขาก็จ้องมองไปยังประเทศเพื่อนบ้านของเขา นั่นก็คือดินแดนสำเภาสวรรค์นั่นเอง
ในสายตาของเขาแม้ว่าผู้ฝึกตนของดินแดนสำเภาสวรรค์จะอ่อนแอแต่พวกเขาก็ยังคงยึดครองพื้นที่นั้นอยู่ ด้วยพื้นที่และทรัพยากรที่มีอยู่มากมายมันจึงเป็นการสูญเปล่าอย่างแท้จริง นั่นคือเหตุผลที่เขาคิดที่จะเริ่มปฏิบัติการนี้
การยึดครองดินแดนวายุโชยทั้งหมดเป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมายของเขาเป้าหมายที่ทุกคนรู้จริงๆ แล้วเขายังมีเจตนาอย่างอื่นด้วย.Aileen-novel.
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะบอกว่าเขาไม่สนใจเจียงชานแต่นั่นเป็นเพียงเพราะเขารู้ว่าอารามโพธิในปัจจุบันไม่ค่อยลงรอยกับของจักรวรรดิ แม้ว่าโดยปกติแล้วจักรวรรดิจะไม่สนใจเรื่องของโลกศิลปะการต่อสู้ แต่อิทธิพลส่วนตัวของพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย
ในปฏิบัติการครั้งนี้กงหมิงต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพของจักรวรรดิและในขณะเดียวกันก็ปักหมุดไปที่ดินแดนสำเภาสวรรค์ หลังจากที่เขานำคนของเขาไปกำจัดอำนาจในโลกศิลปะการต่อสู้แล้ว เขาก็จะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านจักรวรรดิ
”ไอ้เจ้าพวกสายตาสั้น!”อมิตาพุทธ!” แววของความบ้าบิ่นฉายขึ้นทั่วใบหน้าของกงหมิง แม้ว่าปากของเขาจะประกาศนามของพระพุทธเจ้า แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้แสดงความเมตตาออกมาเลย ความทะเยอทะยานทำให้เขาตาบอดจนสิ้น
ในอีกด้านหนึ่งหยวนเหลียงที่ออกจากกระโจมไปได้กลับไปที่ค่ายของสำนักของเขา เขาพบผู้อาวุโสของสำนักสองสามคนและเล่าให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับการไปที่หมังชาน
”นี่เป็นโอกาสของสำนักโลหิตเพลิงของเราแล้วแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะขยายตัวอย่างไม่หยุดหย่อนแต่พวกเราก็ยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก และในเวลานี้เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ทั้งสองประเทศกำลังกังวล ตราบใดที่พวกเราบรรลุการเริ่มต้นที่ดีแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้รับความสนใจจากใครเลยก็ตาม แต่สำนักโลหิตเพลิงของเราจะต้องทะยานไปข้างหน้า! ” หยวนเหลียงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
คนอื่นๆก็มีสีหน้าเหมือนกัน ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะต้องเจอกับเคราะห์ร้ายใดๆ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเทศนั้นมีค่อนข้างมาก และนี่จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเขาในการสร้างชื่อให้กับตัวเอง
“แล้วพวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่?”ผู้เฒ่าคนหนึ่งถาม
”พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะแยกจากกลุ่มใหญ่และรีบไปที่เมืองหมังชานหลังจากที่เรากลับมาแล้วพวกท่านทุกคนก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม” หยวนเหลียงกล่าว
”รับทราบ”ทุกคนตอบกลับ
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกลับไปเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้ศิษย์คนอื่นๆทราบและหยวนเหลียงเองก็เตรียมตัวพักผ่อนเช่นกัน พรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะต้องตื่นแต่เช้าจึงต้องพักผ่อนให้เต็มที่
”นี่มันเป็นของดีเลยนะเนี่ย”หยวนเหลียงยังคงเล่นระเบิดเหม็นที่กงหมิงมอบให้เขาและหลังจากกล่าวชื่นชมเสร็จแล้วเขาก็ยัดมันเข้าไปในอกเสื้อของเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หลับตาและเข้านอน
มีเพียงหยวนเหลียงที่หลับอยู่และเขาไม่เห็นว่าหลังจากที่ลูกบอลสีดำที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาส่องแสงและจากนั้นมันก็หายไปแน่นอนว่าในพริบตาเดียวมีลูกบอลอีกลูกหนึ่งที่เหมือนกับสิ่งของอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ลูกบอลลูกนี้ไม่ได้เป็นสีดำอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นลูกบอลแก้วใส
”ระเบิดเหม็น:เมื่อกระแทกพื้นอย่างแรงมันสามารถสร้างควันที่ส่งผลต่อการมองเห็นได้ และควันนั้นสามารถทำให้ผู้คนสลบได้”
เมื่อฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จและแยกย้ายกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองฮวงเฟิงก็ได้พบของชิ้นใหม่จากกล่องจักรวาล ลูกแก้วที่เขาใส่ไว้ในตอนแรกได้หายไปแล้ว
“ระเบิดเหม็นงั้นเหรอ?”ฮวงเฟิงเล่นกับของสิ่งนี้ เขาเคยเห็นสิ่งนี้ในทีวีมาก่อน ตอนที่เขาหนีเขาจะโยนมันลงบนพื้นเพื่อทำให้เกิดควันขึ้นเพื่อปิดกั้นไม่ให้คนข้างหลังวิ่งไล่ตามได้ทัน เพียงแต่เขายังไม่เคยเห็นฤทธิ์ของควันนั้น
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงได้เก็บสิ่งนี้ไว้ในแหวนมิติซึ่งจะสามารถนำมาใช้เพื่อปกป้องชีวิตของเขาในช่วงเวลาสำคัญได้หากใช้อย่างถูกต้องมันก็อาจจะช่วยชีวิตเขาได้เสียด้วยซ้ำ
หลังจากเก็บของชิ้นนั้นไปแล้วฮวงเฟิงก็ตัดสินใจที่จะพักผ่อนการที่ต้องเทียวไปเทียวมาในคืนนี้มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขา
รวมถึงผู้กำกับชิวผู้นำทั้งสองของมณฑลชิงและคนอื่นๆ ด้วย แม้แต่ “เจ้าหัวขโมย” ทั้งสี่คนที่ถูกฮวงเฟิงเอาไว้ในวิลล่า พวกเขาก็คงนอนหลับได้ไม่เต็มตาเช่นกัน
และนี่ก็เป็นวันที่สองแล้วที่ฮวงเฟิงเพิ่งจะนึกถึงเจ้าพวกหัวขโมยทั้งสี่คนขึ้นมาได้เพราะเขาได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้แจ้งให้ผู้กำกับชิวทราบและส่งคนไปนำตัวพวกมันไปที่สถานีตำรวจ พวกมันมีส่วนร่วมในการขโมยสมุดบัญชี ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าพวกมันต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
เมื่อคืนนี้เทียนจุนและผู้จัดการของบาร์กำลังคุยกันอย่างมีความสุขอีกฝ่ายได้แสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของบาร์ จากนั้นก็เชิญให้เทียนจุนแวะมาบางเป็นครั้งคราวหากว่าเขาไม่มีอะไรทำ ในขณะเดียวกันมันคงจะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาจะสามารถพาลูกน้องของเขาไปด้วย