กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 403 ออกจากงานเลี้ยง
เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติงานเลี้ยงก็หมดสนุก ทุกคนต่างพากันตระหนักถึงสิ่งที่เผิงเฉิงฝูพูด ส่วนฉ่ายเทียนเองก็ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยเช่นนี้
งานเลี้ยงที่แสนวิเศษถูกเผิงเฉิงฝูพังไม่เป็นท่าและที่สำคัญงานเลี้ยงในวันนี้เป็นงานแรกที่เข้าได้เป็นเจ้าภาพจัดงานในฐานะคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิง แต่งานกลับพังลงต่อหน้าต่อตา…
แม้ว่าฉ่ายเทียนจะรู้สึกเสียใจหรือหงุดหงิดเพียงใดเขาก็ไม่กล้าไปต่อว่าเผิงเฉิงฝูอยู่ดี เพราะไม่กล้าต่อต้านอีกฝ่าย เขาจึงทำได้เพียงอดทนไว้เท่านั้น
และในตอนนี้เขาไม่มีความคิดที่จะไปหาฮวงเฟิงอีก อันที่จริงเขาต้องการใช้ประโยชน์จากท่าทีที่สง่าผ่าเผยของตนแสดงต่อหน้าชิงหนิงซวง แต่ตอนนี้เขากลับทำพลาด เขาจึงไม่กล้าโผล่หน้าไปให้ชิวหนิงซวงเห็นอีก
แม้ว่าฉ่ายเทียนจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการคิดหาวิธีกอบกู้สถานการณ์แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเลยแม้แต่น้อยเผิงเฉิงฝูเดินจากไปหลังจากทิ้งคำพูดที่อวดดีไว้โดยไม่หวนกลับมา
การกระทำของอีกฝ่ายไม่ต่างจากการไม่ให้เกียริตแขกคนอื่นๆภายในงานแน่นอนว่าสิ่งนี้ยิ่งทำให้ความประทับใจของแขกทุกคนที่มีต่อเขาก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง
ส่วนเหตุผลที่พวกเขาทำได้เพียงแค่อดทนก็เพราะนอกจากฉ่ายเทียนแล้วยังมีคนที่ต้องการเกาะขาเผิงเฉิงฝูอยู่เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาทุกคนจึงพากันไปหาฉ่ายเทียนและใช้ให้อีกฝ่ายไปทำความรู้จักกับเผิงเฉิงฝู และฉินจื่อเฟิงก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมอุดมการณ์ครั้งนี้
สิ่งนี้ทำให้ฉ่ายเทียนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยและในขณะเดียวกัน เขาก็นึกถึงชิวหนิงซวงขึ้นมา “เอ๊ะ ชิวหนิงซวงหายไปไหนแล้วล่ะ?”
ฉ่ายเทียนมองไปทั่วห้องโถงแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของชิวหนิงซวงเรื่องนี้ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย
”เมื่อกี้ฉันเห็นเธอเพิ่งเดินออกไปข้างนอก” คนที่ยืนอยู่ข้างๆตอบ
“อย่าบอกนะว่าเธอกลับไปแล้ว?”ในตอนนี้ แขกภายในงานเริ่มทยอยจากไปทีละคนสองคน หลังจากที่เผิงเฉิงฝูปรากฏตัว คำพูดของเขาก็ได้ทำให้บรรยากาศภายในงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นแขกบางคนจึงขอตัวกลับไปก่อน แต่เพราะพวกเขายังไว้หน้าฉ่ายเทียน พวกเขาจึงเดินมาบอกลาอีกฝ่ายก่อนขอตัวกลับไป
ทว่าชิวหนิงซวงกลับชิงจากไปโดยไม่บอกลากันสักคำ…
ฉ่ายเทียนรีบหันกลับไปมองฮวงเฟิงที่ก่อนหน้านี้ยังยืนอยู่ตรงมุมห้องแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของอีกฝ่ายอีก
”ว่าแต่นายรู้ไหมว่าฮวงเฟิงเป็นใคร?” ฉ่ายเทียนเอ่ยถามฉินจื่อเฟิงที่ยืนอยู่ข้างกาย.
”หมอนั่นเป็นแค่รปภ.”ฉินจื่อเฟิงตอบด้วยท่าทางเหยียดหยาม แค่คิดว่าตัวเองต้องมาตามสืบประวัติรปภ.ปลายแถวก็หงุดหงิดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
”หารปภ.เนี่ยนะ?” ฉ่ายเทียนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ประกอบอาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างฮวงเฟิงจะคบกับชิวหนิงซวงได้ ถึงทั้งสองจะคบกันแบบเพื่อนก็เถอะ แต่หมอนั่นก็ไม่ควรเป็นได้แค่รปภ.สิ….ไอลีนโนเวล.
“ใช่ก็แค่รปภ.คนหนึ่ง เหล่าหยูบอกฉันมาแบบนี้” ฉินจื่อเฟิงตอบ
ในตอนที่พูดถึงเหลาหยูที่อยู่นอกวงสนทาในที่สุด เขาก็หาโอกาสร่วมวงได้เสียที
เหลาหยูรีบสาวเท้าไปหาทั้งสองแล้วพูดว่า”คุณชายฉ่าย ผมรู้จักชายที่ชื่อฮวงเฟิงครับ เขาเป็นรปภ.จริงๆ ตอนนี้เขาเป็นรปภ.ของเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป ก่อนหน้านี้เมื่อถงเฉียนเคยไปที่เฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปแต่ก็ถูกหมอนั่นห้ามไม่ให้เข้าไปข้างในด้วย
และในตอนนี้เขาก็ได้ตำแหน่งคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงมาแล้ว จริงอยู่ที่ในเมืองชิงจะมีผู้ที่มีตำแหน่งที่สูงกว่าลุงของฉ่ายเทียนอยู่
แต่เพราะลูกหลานของคนเหล่านั้นเลือกที่จะไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศหรือไม่ก็เป็นคนที่มีอายุเยอะเกินกว่าที่จะได้รับตำแหน่งนี้
ด้วยมรดกของบรรพบุรุษของฉ่ายเทียนทำให้ในตอนนั้น เขาได้ครองตำแหน่งคุณชายอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงไปโดยปริยาย
ก่อนหน้านี้เขาเคยผลักถงเฉียนจนอีกฝ่ายล้ม และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉ่ายเทียนโปรดปรานเป็นที่สุด
แต่นับตั้งแต่วันที่ถงเฉียนลุกขึ้นสู้และไม่ยอมจำนนต่อฉ่ายเทียนฉ่ายเทียนก็ทำตัวห่างเหินอยู่เสมอ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจหรือไม่ มันก็ทำให้เหล่าหยูเป็นกังวล และในที่สุด วันนี้เขาก็มีโอกาสได้พูดคุยกับอีกฝ่ายอีกครั้ง
”นายพูดจริงเหรอ?”ในวงสนทนา ไม่มีใครไม่รู้ว่าถงเฉียนตามจีบหยูโม่ ดังนั้น จึงไม่แปลกทีเขาจะไปหาอีกฝ่ายถึงเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป
”ก็จริงน่ะสิ”เหล่าหยูรีบตอบ “ฉันเคยจ้างคนไปจัดการหมอนั่นแล้ว แต่ฉันว่าฮวงเฟิงต้องมีทักษะบางอย่างแน่ๆ เพราะคนที่ฉันจ้าง สู้หมอนั่นไม่ได้สักคน”
”ว่าไงนะ?นายจ้างคนไปจัดการหมอนั่นแต่กลับแพ้ราบคาบ? เหอะ อย่างงี้ก็แสดงว่าคนที่นายจ้างมาคงมีแต่พวกไม่ได้เรื่องล่ะสิ ก็แค่รภป.คนเดียวยังสูไม่ได้ ไร้ประโยชน์จริงๆ แล้วที่นายบอกว่าหมอนั่นอาจจะมีทักษะเฉพาะตัวหมายความว่ายังไง ฉันอย่างรู้จริงๆว่าหมอนั่นจะแน่สักแค่ไหนเชียว?” ฉ่ายเทียนตอบด้วยท่าทางเหยียดหยาม
ทันทีที่ฉ่ายเทียนรู้ว่าฮวงเฟิงเป็นใครเขาก็ไม่ได้มีท่าทางร้อนรนอีกเพราะเขาไม่เชื่อว่าชิวหนิงซวงจะตกหลุมรักรปภ.เข้าจริงๆ
เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ชอบเขาแต่อย่างน้อยคนที่เธอจะแต่งงานด้วยจะต้องเป็นคนที่ดีกว่าหมอนั่นแน่นอน
ดังนั้นฉ่ายเทียนจึงคิดว่าฮวงเฟิงต้องถูกชิวหนิงซวงพามาที่นี่ในฐานะไม้กันหมา เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจงใจทำให้เขาเป็นฝ่ายถอดใจเพราะคิดว่าเธอมีฮวงเฟิงคอยอยู่เคียงข้างแล้ว
”หึชิวหนิงซวง เธอไม่มีทางหนีไปจากฉันได้หรอกนะ!” ฉ่ายเทียนลอบคิดในใจ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มองฮวงเฟิงเป็นศัตรูหัวใจในทันที
”อา..ได้กลับสักที” ในอีกด้านหนึ่ง ฮวงเฟิงและอีกสามคนได้ออกมาจากงานเลี้ยง ทันทีที่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก ทุกคนก็รู้สึกดีขึ้นมาในทันที
เว้นแต่ชิวหนิงซวงที่รู้สึกเสียใจเธอเอาแต่คิดว่าตนไม่น่ามางานเลี้ยงในวันนี้เลย อาหารก็ยังกินไม่เต็มอิ่ม ปาร์ตี้ก็ยังไม่ได้สนุกให้หนำใจ แถมยังเจอผู้ชายปากดีอีก หงุดหงิดจริงๆ
”ถ้างั้นฉันขอตัวพาฮวงเฟิงกลับไปก่อนก็แล้วกัน ส่วนพวกเธออยากทำอะไรต่อก็ตามสบายเลยนะ บ๊ายบาย!” จู่ๆเจ้าอ้วนเจิ้งฉ่วยก็ลากตัวฮวงเฟิงไปที่รถทันที
เนื่องจากอาหารก็ยังทานไม่เต็มอิ่มน้ำก็ยังดื่มไม่ชื่นใจ และที่สำคัญ ไหนๆ วันนี้เขาก็ได้เจอกับฮวงเฟิงแล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะอยากไปนั่งดื่มกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว
ฮวงเฟิงส่งยิ้มขื่นขมให้เจ้าอ้วนที่ลากตัวเขาไปสหายท่านนี้ช่างเป็นคนใจร้อนเสียจริง
อันที่จริงเขาไม่อยากยอมรับข้อเสนอและปล่อยให้อีกฝ่ายลากตัวไปเท่าไหร่นัก แต่เพราะเขาเองก็ยังไม่อิ่มดี จึงได้แต่ยอมตามน้ำอีกฝ่ายไป
ฮวงเฟิงได้แต่คิดว่าเจิ้งฉ่วยผู้นี้ต้องการพาเขาไปหาอะไรกินด้วยกันเท่านั้น
ชิวหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกกำลังจะพูดอะไรบางอย่างทว่าเขาเดินเร็วไป เพียงพริบตาเขาก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแต่กลับเข้าไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อย
”ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ”เสี่ยบวซวนหันไปพูดกับชิวหนิงซวง
”แล้วเธอจะไปไหนน่ะ?”สายตาของชิวหนิงซวงยังคงมองไปตามทางที่ฮวงเฟิงเดินจากไป
”ก็ต้องไปหาข้าวกินน่ะสิอีกอย่าง เราจะได้คุยเรื่องระหว่างเธอกับปภ.คนนั้นด้วย” เสี่ยวซวนตอบด้วยรอยยิ้ม
ชิวหนิงซวงเบือนหน้าไปอีกทางแล้วตอบด้วยท่าทางเขินอาย”อะไร ฉันกับเขา เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย…”
”นี่มันชักจะเกินไปหน่อยแล้วนะดูสิ่งที่เธอทำเข้าสิ อาการหนักขนาดนี้ ยังมีหน้ามาบอกฉันว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวซวนไม่เชื่อในสิ่งที่ชิวหนิงซวงตอบแม้แต่น้อย