กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 424 กลับมาอีกครั้ง
อาจกล่าวได้ว่าวิชาท่าเท้าท่องคลื่นทำให้ฮวงเฟิงประหลาดใจอย่างมากเพราะทักษะการเคลื่อนไหวของเขาดีขึ้นกว่าเดิมนอกจากเสื้อคลุมเงาของเขาแม้ว่าเขาจะถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย ตราบใดที่คนที่ล้อมรอบเขาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าเขามากนักเขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่ถูกทำร้ายและฮวงเฟิงอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นจึงมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะมีโอกาสลอบสังหารคนอื่นได้โดยที่คนพวกนั้นยังไม่ทันได้แตะเสื้อคลุมของเขาเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้สิ่งแรกที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ได้กล่าวว่า ในระหว่างการใช้วิชาท่าเท้าท่องคลื่นนี้กำลังภายในที่อยู่ในร่างกายจะไม่ลดลงแม้แต่น้อยแต่กลับจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเพิ่มความอึดในการต่อสู้ให้นานกว่าเดิมซึ่งสถานการณ์แบบนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
แต่เมื่อไม่นานมานี้ฮวงเฟิงได้เพิ่มการฝึกวิชาท่าเท้าท่องคลื่นเพราะเขาไม่ต้องการพลาดส่วนสำคัญส่วนใดไปเลย
”ถ้ามีเทพกระบี่หกชีพจรมากกว่านี้คงจะดีก” ฮวงเฟิงคิดในใจ วิชาท่าเท้าท่องคลื่นและเทพกระบี่หกชีพจรเหมือนกับปืนพกที่มีกระสุนไม่จำกัดซึ่งสามารถโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างไม่หยุดยั้ง
อย่างไรก็ตามเทพกระบี่หกชีพจรก็เป็นเทคนิควิชาระดับสูงจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกได้ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับโชคของผู้ฝึกด้วยเช่นกัน
”คุณกำลังบอกว่าหลี่ปิงอวิ๋นอยู่ที่นี่หรอ?”ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปที่เซี่ยเมิ่งเจียวด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างประหลาดใจ
ต้องบอกว่าเซี่ยเมิ่งเจียวเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งจริงๆ วันนี้เธอสวมชุดสำนักงานพอดีตัวเผยให้เห็นทรวดทรงที่สมบูรณ์แบบอย่างเด่นชัด รวมไปถึงทรงอกที่พอดีกับตัวของเธอทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในที่เธอสวมดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก มันสะดุดตามากและเมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของเธอราวเทพธิดา
อย่างไรก็ตามมีเพียงฮวงเฟิงเท่านั้นที่รู้ว่าเทพธิดาองค์นี้มีอารมณ์ร้ายและชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ
“ถ้านายยังไม่หยุดมอง อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” การจ้องมองของฮวงเฟิงโดยไม่ยอมละสายตาไปจากเซี่ยเมิ่งเจียวจึงทำให้เธอจ้องกลับไปที่ ฮวงเฟิงอย่างดุเดือดพร้อมกับเตือนเขา: “คุณหลี่มาที่นี่ในวันนี้ เหตุผลก็เหมือนกับครั้งก่อน นายไปรับเธอที่สนามบิน ครั้งนี้ที่เธอมาก็เพื่อถ่ายโฆษณาประมาณสองสามวันและคุณก็ควรมาดูแลเธอ”
เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ.Aileen-novel.
หลี่ปิงอวิ้นและซูหยูโม่ได้นัดพบกันในตอนที่หลี่ปิงอวิ้นมาถึงในครั้งก่อนแล้วเป็นผลให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้น เซี่ยเมิ่งเจียวและซูหยูโม่ได้จัดเตรียมคนไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้หลี่ปิงอวิ้นมาที่นี่ในวันนี้เพื่อมาถ่ายโฆษณาให้กับบริษัทของพวกเขา
ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวไม่ลังเลที่จะเลือกคนที่ดูแลหลี่ปิงอวิ้นเพราะครั้งที่แล้วก็เป็นฮวงเฟิงที่มารับเธอที่สนามบินนอกจากนี้ตอนที่หลี่ปิงอวิ้นจะกลับ พวกเธอก็ได้ขอให้ฮวงเฟิงเป็นตัวแทนไปส่งในนามของพวกเธอ อีกอย่างหลี่ปิงอวิ้นก็ดูพอใจกับการบริการของฮวงเฟิงมาก
แน่นอนว่าในใจของเซี่ยเมิ่งเจียวยังคงรู้สึกว่าฮวงเฟิงยังไม่ค่อยถูกใช้งานมากนักอันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้งานผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยมากอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งวัน เซี่ยเมิ่งเจียวจึงรู้สึกรำคาญและเธอเองต้องการหาอะไรให้เขาทำมาโดยตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่จะต้องเป็นฮวงเฟิงที่ต้องจัดการเรื่องนี้
”เอาล่ะผมเข้าใจ ผมจะไปที่นั่นทันที” ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาก็รู้จักหลี่ปิงอวิ้นและทั้งสองคนก็เคยมีฝ่าฝันอันตรายมาด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้หลี่ปิงอิ้วนกำลังจะมามันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะเป็นเขาที่ต้องไปรับเธอ
ท่าทีของฮวงเฟิงยังคงทำให้เซี่ยเมิ่งเจียวไม่พอใจผู้ชายคนนี้ที่ดูไม่ค่อยถูกเรียกใช้งานมาโดยตลอดในที่สุดตอนนี้ก็มีเรื่องที่ต้องเรียกใช้งานเขาเสียที ยิ่งไปกว่านั้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะไม่ได้มีวันที่แสนผ่อนคลายอย่างเช่นที่ผ่านมาอีกแล้ว
เมื่อฮวงเฟิงมาถึงสนามบินเขาก็ยังคงเห็นแฟนๆ จำนวนมาที่มารอรับหลี่ปิงอวิ้นเช่นเดิม ฮวงเฟิงเห็นชายในครั้งที่แล้วท่ามกลางกลุ่มแฟนคลับอย่างบังเอิญแต่เขาก็ไม่สนใจที่จะทักทายชายคนนั้นเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงโดนถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลี่ปิงอวิ้นแน่
ดังนั้นฮวงเฟิงจึงตัดสินใจเลือกอยู่ในมุมไว้
“เฮ้พี่ชายคุณมาที่นี่เพราะจะมาถ่ายรูปหลี่ปิงอวิ้นเหมือนกันหรอ?” ฮวงเฟิงไม่เคยคิดว่าจะมีใครสักคนอยู่ในมุมที่เขาจะไป อีกทั้งยังทักทายเขาอีกด้วย ดูจากรูปลักษณ์แล้วอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นนักข่าว
”ใช่”ฮวงเฟิงตอบอย่างไม่สนใจ
”เฮ้ผมก็เหมือนกันครับ! ผมสงสัยว่าเธอมีพวกนักธุรกิจรวย ๆ หรือผู้มีอำนาจบางคนเลี้ยงดูอยู่รึเปล่า แต่ผมเองก็ยังไม่เจอหลักฐานอะไรที่เป็นด้านลบของเธอ แต่ผมรู้สึกว่าคราวนี้ผมเหมือนจะมีโอกาส เพราะเมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งออกมาจากเมืองชิงและกลัมาที่นี่อีกครั้ง”ชายวัยกลางคนมีมีกล้องคล้องอยู่ที่คอพูดกับฮวงเฟิงเบา ๆ
ฮวงเฟิงขมวดคิ้วในใจเขาคิดว่าคนคนนี้ไม่น่าจะใช่นักข่าวแต่เป็นพวกขี้เกียจที่ชอบสร้างข่าวลือเกี่ยวกับคนดัง พวกเขาจึงเลือกที่จะตามถ่ายรูปเหล่าบรรดาคนดังเพื่อที่ข่าวของพวกเขาจะได้รับความสนใจและหากพวกเขายิ่งได้รับผลประโยชน์ที่น่าพอใจ พวกเขาก็จะยิ่งรายงานทุกสิ่งที่พวกเขารู้และทำทุกอย่างโดยปราศจากจรรยาบรรณใด ๆ ดังนั้น การบอกว่าคนพวกนี้เป็นผู้สื่อข่าวจะเป็นการดูถูกวงการของผู้สื่อข่าว
ฮวงเฟิงรู้เกี่ยวกับภูมิหลังบางอย่างของหลี่ปิงอวิ้นด้วยภูมิหลังและการทำงานหนักของเธอเองมันคงเป็นเรื่องปกติที่เธอควรจะมีทรัพย์สินเยอะ น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่เธอจงใจปกปิดความจริงเกี่ยวกับสถานะทางบ้านของเธอแม้แต่ ซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวเองก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปจะไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน
”เฮ้พี่ชายอุปกรณ์ของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ?” ชายคนนั้นมองไปที่ฮวงเฟิงอย่างสงสัยขณะที่พูด เขามีกล้องระดับมืออาชีพอยู่ที่คอของเขาในขณะที่ในมือของฮวงเฟิงกลับเปล่า
”ผมจะใช้โทรศัพท์มือถือน่ะ”ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
”แล้วมือใหม่อย่างคุณจะเก็บข้อมูลอันมีค่านี้ได้หรอแม้แต่อุปกรณ์พื้นฐานที่สุดคุณก็มี คุณต้องการอะไรกันแน่?” โทรศัพท์มือถือสามารถเปรียบเทียบกับกล้องระดับมืออาชีพเหล่านี้ได้หรอ? “เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามฮวงเฟิงที่เป็นมือใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลย