กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 430 พูดคุย
”นี่คือสิ่งที่ฉันควรทํา”เทียนจุนกล่าวอย่างจริงใจ
ขาของน้องสาวมีความหวังที่จะรักษาได้และตอนนี้เขาได้พบฮวงเฟิงแล้วซึ่งกลายเป็นคนรู้จักของเขาเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนมันจึงทำให้เขาอารมณ์ดีและสดใสกว่าเคยและอารมณ์ของน้องสาวเขาก็ดีขึ้นด้วยเช่นกันเทียนจุนเองก็รู้เรื่องนี้ดี เขาจึงรู้สึกขอบคุณต่อฮวงเฟิงเป็นอย่างมาก
”พอแล้วเพราะนายและฉันเทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ฉันมีบางอย่างจะพูดก่อน” ฮวงเฟิงกล่าว สิ่งที่เขาพูดทำให้สีหน้าของเทียนจุนเปลี่ยนไปเมื่อได้เรื่องที่ว่าพวกเขาทั้งสองได้ทำงานร่วมกันและเทียนจุนก็ไม่คิดแย้งอีกด้วย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นฮวงเฟิงหรือเทียนจุน ทั้งสองรู้ดีว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ทำงานร่วมกันแต่มีความสัมพันธ์ที่ฉันเจ้านายลูกน้องกันและกัน
”แน่นอนพูดในสิ่งที่คุณต้องการเถอะครับ” ตอนนี้เขาลืมเรื่องที่ฮวงเฟิงเป็นเจ้านายของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แต่ตามความจริงที่ว่าฮวงเฟิงสามารถรักษาอาการป่วยของน้องสาวของเขาได้ เขาเต็มใจรับฟังคำแนะนําของฮวงเฟิง
”ก่อนอื่นคุณเคยพูดก่อนหน้านี้ว่าคุณจะไม่แตะต้องการพนันและฉันหวังว่าคุณจะไม่แตะต้องมันในอนาคตข้างหน้า”ฮวงเฟิงบอกกับเทียนจุน
”แน่นอนไม่มีปัญหา” เทียนจุนกล่าวโดยไม่ต้องคิดเลย
อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงและเทียนจุนทั้งคู่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแตะต้องสิ่ง “ไม่ดี” ความจริงก็คือเทียนจุนได้ดูแลบาร์และไนท์คลับแห่งนี้เท่านั้น เขาไม่ใช่เจ้านายของพวกเขาทั้งหมด ดังนั้นหากเจ้านายเหล่านั้นต้องการดําเนินการสิ่งเหล่านี้ในสถานที่แห่งนี้ เทียนจุนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เทียนจุนทำได้ก็คือ ไม่แตะต้องกับสิ่งนั้นโดยตรง
”อีกอย่างอย่าทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่อสังคมมากเกินไป เราสามารถต่อสู้เพื่อคุมอาณาเขตได้ แต่หากจําเป็นมาก ก็อย่าถึงขั้นให้มีใครตายแล้วกัน” ฮวงเฟิงยังคงเตือนต่อไป.Aileen-novel.
อย่างไรก็ตามถ้าต้องการมีชีวิตเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไป ก็ควรจะจัดการเรื่องพวกนี้ให้ดูเหมือนมนุษย์ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นฮวงเฟิงไป๋เสี่ยวโหรวหรือแม้กระทั่งผู้กำกับชิว พวกเขาต่างก็ยังไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดและหากศัตรูจับพวกเขาได้ เรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่และได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากมีคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ผู้กำกับชิวและไป๋เสี่ยวโหรวไม่สามารถจะเข้าไปช่วยอะไรได้ กับฮวงเฟิงเองก็ยังไม่กล้ารับประกัน
ที่จริงแล้วฮวงเฟิงก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้กำกับชิวสุดท้ายแล้วไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้กำกับชิวจะเป็นเช่นไรและไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและชิวหนิงซวงจะดีเช่นไร เขาก็ได้สอนเธอฝึกสมาธิและพลังเวทย์โดยมีเลขาคอยดูแลอยู่ตลอด แต่เมื่อมาถึงจุดที่ฮวงเฟิงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่งเกินขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของเขาและผู้กำกับชิวเกรงว่า ผู้กำกับชิวอาจจะไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างและคอยเฝ้าดูเขาอีกแล้ว
ในทางตรงกันข้ามความสัมพันธ์กับไป๋เสี่ยวโหรวกลับดีขึ้นเล็กน้อย เขาและเธอรู้จักกันมากเกินความจำเป็นจนเธอรับรู้เรื่องของเทียนจุน แต่เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ดังนั้นหากมีบางอย่างที่เขาไม่สามารถแก้ไขได้จริง ๆ เขาอาจขอให้เธอช่วย แต่เธอเป็นเพียงผู้นําทีม ไม่ใช่หัวหน้าสํานักงาน ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงยังไม่แน่ใจว่า เธอมีอำนาจมากแค่ไหน
ดังนั้นในขณะเดียวกันฮวงเฟิงได้สั่งเทียนจุนให้ทำตัวเฉย ๆ เข้าไว้ และเขาได้แอบตัดสินใจแล้วว่าจะทำงานหนักขึ้นเพื่อเพิ่มกําลังของตัวเอง เมื่อเขาแข็งแรงมากพอ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนอื่นและยังสามารถทำให้คนพวกนั้นเริ่มวางใจในตัวเขาได้อีกด้วยซึ่งตอนนี้ได้เทียนจุนมาเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ ในอนาคตหากเขาแข็งแกร่งขึ้นจนมีผู้ติดตามมากมาย ระดับของเขาเองก็จะสูงตามขึ้นไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
”ได้ผมจะฟังคุณ” เทียนจุนไม่ค้านคำแนะนำของฮวงเฟิงแม้แต่น้อยเพราะเขาไม่ต้องการฆ่าคนบริสุทธิ์เช่นกัน แต่สิ่งที่เขาต้องทำก็ คือต่อสู้กับพวกศัตรู
ท่าทีของเทียนจุนทําให้ฮวงเฟิงพอใจเป็นอย่างมากด้วยสองสิ่งนี้และรวมถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อื่น ๆ ถือเป็นเครื่องประกันเอาไว้เตือนสติเขาและถือเป็นคำขาดจากฮวงเฟิงว่าเทียนจุนควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร
“ก่อนอื่นนายต้องแบ่งพื้นที่ทั้งหมดและสร้างรากฐานเสียก่อนเพราะยังไงนายก็เหมือนเด็กใหม่ที่เพิ่งมีตัวตน และหากนายมีความสามารถมากเกินไป นั่นก็อาจทำให้คนอื่นอิจฉาได้ง่าย”ฮวงเฟิงจึงบอกกับเทียนจุน
เช่นเดียวกับพี่เปียวก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาเองยังก็ไม่ได้แบ่งอาณาเขตของตัวเองทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเขาต้องเผชิญกับการโจมตีจากคนของลุงหลี่ เขาจึงไม่สามารถต้านกองกำลังได้ อีกอย่างคนเขาทั้งหมดเองก็ยังไม่คิดสละชีวิตเพื่อเขาอีกด้วย
เทียนจุนย่อมต้องตระหนักถึงความคิดนี้ดีเพราะอย่างไรเขาก็เคยทำงานอยู่ภายใต้พี่เปียวมาก่อนจึงเข้าใจมันดีและในช่วงเวลานั้นเนื่องจากพี่เปียวขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับพี่เปียวและไม่รู้ว่าพี่เปียวอยู่ที่นั่นเพราะพวกเขารู้จักตัวตนนี้ผ่านช่องทางโซเชียลจึงเป็นไปได้ยากที่จะรู้
”อืมมผมจะยังไม่ขยายอาณาเขตต่อในช่วงนี้ เรามาทำให้อาณาเขตภายใต้การบัญชาของเรามั่นคงก่อนเถอะ” คนเหล่านี้เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ติดตามเขาก่อนหน้านี้ตอนที่พี่เปียวยังมีชีวิตอยู่ คนเหล่านี้ต่างชื่นชมเขามาตลอด ดังนั้น ความภักดีของคนพวกนี้จึงมีสูงมาก
ส่วนคนที่ถูกเกณฑ์มาในภายหลังจึงพูดยากอาจเพราะมีสายลับจากแก๊งอื่นๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องการเวลาในการจัดการ
ด้วยข้อตกลงนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองจึงประสบความสำเร็จมากขึ้น ฮวงเฟิงยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้างในใจที่จะมีคนมากมายมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขายังคงรู้สึกดีหลังจากที่ผ่านทั้งสนามรบและกล่องจักรวาลมาได้ ฮวงเฟิงมีความสามารถที่แข็งแกร่งขึ้นจนสมารถยอมรับด้านมืดเช่นนี้และจุดจบของชีวิตได้
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถฆ่าคนจากกองทหารรับจ้างปีศาจได้โดยไม่ต้องลังเลใดๆ ก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับมัน ในระหว่างการเทเลพอร์ทครั้งแรกของเขาก็ได้มีบทบาทในสนามรบอีกด้วยซึ่งความโหดร้ายในสนามรบย่อมโหดร้ายกว่าชีวิตจริง
ดังนั้นเมื่อตอนเทียนจุนต้องการที่จะพึ่งพาเขาในตอนแรก เขาจึงไม่ได้คิดปฏิเสธไปในทันทีและไม่รู้สึกว่าไม่เป็นการผิดกับองค์กรดังกล่าว เขาคิดเพียงว่าสถานะของเขาเหมาะสมหรือไม่ที่จะยอมรับอีกฝ่าย
กล่าวได้ว่าฮวงเฟิงในปัจจุบันไม่ได้เป็นฮวงเฟิงคนเดิมอีกต่อไปที่เพียงแต่ว่าจะมุ่งเน้นหาแต่เงินเท่านั้น