กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 445 ประลอง (5)
”จะไปกลัวอะไรกันล่ะถ้าต้องไปเทียบกับพวกมัน?พวกเรามีกันตั้งหลายสำนักและยังมีลูกศิษย์อีกตั้งมากมาย พวกมันเป็นแค่เพียงหนึ่งสำนักและคนก็มีเพียงหยิบมือเดียว แล้วพวกมันจะหายอดฝีมือมาจากที่ไหนกัน?”
ดังนั้นผู้คนในโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์จึงต้องการมีชื่อเสียงที่ดีขึ้นและวางตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่านั่นเป็นเพราะด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถได้รับความเห็นอกเห็นใจจากผู้มีฝีมือหรือสำนักที่ไม่ได้เชี่ยวชาญในบางประเทศแล้วก็จะมีคนมาช่วยเหลือพวกเขานั่นเอง
และถ้าพวกเขาป่าวประกาศข่าวออกไปว่าพวกเขาพ่ายแพ้และไม่กล้าที่จะยอมรับความพ่ายแพ้หรือแม้แต่ยอมรับคำท้าจากสำนักนิรนามจากอาณาจักรวายุโชย ก็ยากที่จะบอกได้ว่าในท้ายที่สุดแล้วจะมีคนมาช่วยพวกเขาสักมากน้อยเท่าไร
“ถูกต้องแล้วงั้นก็มาแข่งขันกันเถอะ ข้านำศิษย์ยอดฝีมือของสำนักทั้งหมดมาด้วย ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถเอาชนะสำนักเล็กๆ อย่างเจ้าได้”
”ใช่แล้วศิษย์เอกทั้งหมดของสำนักพวกข้าก็มารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว และหนึ่งในพวกเขาก็จะต้องมีใครสักคนที่สามารถที่จะเอาชนะพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน”
”ถูกต้องแล้วข้าเห็นด้วยที่จะให้มีการแข่งขันต่อไป ข้าเองก็รู้สึกว่าท่ามกลางคนที่เหลืออยู่ของฝ่ายนั้น ไม่มีใครที่มีออร่าที่แข็งแกร่งเลย คนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกนั้นก็เป็นเพียงยอดฝีมืออันดับสามเพียงเท่านั้นเอง”
แม้ว่าโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์จะอยู่ในระดับปานกลางแต่ถ้าหากมีการค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ในหมู่คนรุ่นใหม่พวกเขาก็ยังคงสามารถหายอดฝีมืออันดับสามได้ แม้แต่พวกที่อยู่ในระดับสูงสุดของอันดับสามก็ยังคิดว่าฟู่หยางเป็นหนึ่งในนั้น
ดังนั้นทุกคนจึงต้องตัดสินใจด้วยเหตุผลหลายประการทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะแข่งขันต่อไป
”เอาล่ะพวกเราตกลงที่จะแข่งขันต่อในยกที่สาม อย่างไรก็ตามเจ้าต้องให้ยาถอนพิษกับพวกเราก่อน!” หัวหน้าสำนักฮัวกล่าวกับหยวนเหลียง เพราะพวกเขาไม่ต้องการเห็นผู้อาวุโสตงถูกทรมานด้วยยาพิษ
“ข้าหยวนเหลียง ไม่ใช่คนใจแคบ งั้นข้าจะมอบยาถอนพิษให้!” เมื่อเขาพูดเช่นนั้นหยวนเหลียงก็นำเอาขวดกระเบื้องขวดเล็กออกมาจากอกเสื้อของเขาและโยนไปให้หัวหน้าสำนักฮัว ในขณะที่มุมปากของเขาเหยียดยิ้มออกด้วยความภูมิใจ ตราบใดที่นักศิลปะการต่อสู่ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ตกลงที่จะแข่งขันในยกที่สามฝ่ายของเขาก็น่าจะได้รับชัยชนะ
หัวหน้าสำนักฮัวรับเองขวดกระเบื้องขวดเล็กนั้นมาและเทเม็ดยาออกมาทันทีจากนั้นจึงป้อนให้กับผู้อาวุโสตงสีดำที่ปรากฎบนใบหน้าของเขาจางหายไปในทันทีแสดงให้เห็นว่ายาถอนพิษที่หยวนเหลียงมอบให้นั้นไม่มีปัญหาอะไร ไอลีนโนเวล
ถึงแม้ว่ายาถอนพิษนั้นจะสามารถถอนพิษได้แต่ในอนาคตร่างกายของผู้อาวุโสตงก็จะอ่อนแอลงและไม่สามารถที่จะแสดงกระบวนท่าใดๆได้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นอาณาจักรสำเภาสวรรค์ก็ได้สูญเสียแม่ทัพใหญ่ไปเสียแล้ว
“ข้าทำให้ทุกคนผิดหวัง”ในตอนนี้เขาเพิ่งจะเปล่งเสียงออกมาได้เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาสะเพร่าในตอนท้ายและด้วยความใจอ่อน สิ่งต่างๆ ก็คงไม่มาถึงขึ้นนี้ ในตอนี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถชนะการประลองได้แต่เขายังช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งทำให้เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
“ผู้อาวุโสตงพูดอะไรกันนี่?เรื่องนี้จะโทษท่านก็ไม่ได้หรอกนะ ถ้าจะต้องโทษท่านก็ควรจะโทษเจ้าคนชั่วจากอาณาจักรวายุโชยมากกว่าที่มันเจ้าเล่ห์เกินไป” มีบางคนปลอบโยนเขา
“ใช่แล้วผู้อาวุโสตงได้โปรดวางใจเถิด ปล่อยที่เหลือให้พวกเราจัดการเอง พวกเราจะต้องทำให้ไอ้หมาพวกนั้นมันได้รู้ถึงพลังของพวกเรา!” อีกคนหนึ่งกล่าว
ในเวลานี้ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไรพวกเขาก็เข้ามาปลอบใจผู้อาวุโสตง ท้ายที่สุดแล้วในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถยอมให้มีความขัดแย้งภายในใดๆ ให้เกิดขึ้นกับพวกเขาได้ ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสตงจะไม่สามารถเข้าสู่สนามรบได้ด้วยตัวเองในสงครามที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่ขนาดของสำนักของเขาก็ไม่ใช่เล็กๆ และเขาได้นำผู้คนมาด้วยจำนวนมาก ดังนั้นทุกคนจึงไม่อยากที่จะทำให้เขาขุ่นเคืองและต้องสูญเสียผู้ช่วยกลุ่มใหญ่ไป
”ทำไมพวกเรายังจะต้องประลองกับเขาอยู่อีกล่ะ?ในเมื่อพวกเราก็ชนะไปแล้วอย่างชัดเจน”
สำหรับคนอื่นๆที่อยู่รายรอบตัวเขานั้น พวกเขาทั้งหมดก็แสดงออกเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ตำหนิคนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาเพียงแต่รู้สึกว่าหยวนเหลียงนั้นเจ้าเล่ห์จนไร้ยางอายเกินไป
”เพราะถ้าพวกเราไม่ยอมประลองในยกที่สามผลลัพธ์ของยกที่สองก็คงจะเป็นไร้ประโยชน์และไม่มีใครเชื่อ ซึ่งนั่นคงจะไม่ส่งผลดีต่อโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ของเราและคนของสำนักอัคคีโลหิตอาจจะออกไปป่าวประกาศว่าพวกเรารังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็เป็นได้” สีหน้าของหลี่เต๋อหยูก็ดูไม่ดีนักเช่นกัน แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า “อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเรามีคนมากมายอยู่เคียงข้าง พวกเราจึงมีทางเลือกมากมายหากมีคนไม่กี่คนที่อยู่เคียงข้างพวกเขาจะมี ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
“จริงด้วย”หลิวหมิงเจี๋ยพยักหน้าเห็นด้วยและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเขาก็คิดเช่นเดียวกัน
ดังนั้นแม้ว่าทุกคนจะไม่พอใจกับการแข่งขันทั้งสามรอบแต่พวกเขาก็แค่รู้สึกว่าคู่ต่อสู้นั้นช่างไร้ยางอาย แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลกับผลการประลองในรอบที่สามมากเกินไปนัก เพราะว่าพวกเขามารวมตัวกันที่เมืองหมังชานแห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลือกหนึ่งในศิษย์เอกของโลกศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของอาณาจักรสำเภาสวรรค์เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้
ยิ่งไปกว่านั้นหากอีกฝ่ายไม่ไร้ยางอายเช่นนี้พวกเขาก็คงจะได้รับชัยชนะในยกที่สองไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีใครต้องกังวลมากนัก
ในเมื่ออีกฝ่ายได้แนะนำวิธีการประลองเช่นนี้ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมพร้อมนอกจากนี้หยวนเหลียงก็ต้องเข้าร่วมในยกที่สามเช่นกันเพราะเห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจมากในยกที่สาม หากไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถปฏิเสธได้โดยตรงและจากไปพร้อมกับผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ เขาบอกว่าเขาจะไม่มีทางแพ้และเมื่อเขาแพ้คนที่อยู่ฝั่งของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ก็จะไม่มีทางเลือกอื่น
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดที่จะจากไปเห็นได้ชัดว่าเขามั่นใจว่าเขาจะอดทนได้ในยกที่สาม
“เขาจะต้องพึ่งพาอะไรล่ะ?”ฮวงเฟิงยังมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ในใจ เพราะมีผู้คนมากมายที่อยู่ฝ่ายของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลือกคนที่แข็งแกร่งมาสักคน
”ทุกท่านคนของข้าขึ้นมาแล้ว แล้วคนของเจ้าอยู่ที่ไหนกันล่ะ?” ในตอนนี้เสียงของหยวนเหลียงดังขึ้นอีกครั้งและอีกคนก็เดินออกมาจากทางด้านหลังของเขา คนที่ดูแสนจะธรรมดา ถ้าเขามาเดินอยู่บนท้องถนนก็คงจะไม่มีใครให้ความสนใจเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเดินไปที่ใจกลางจัตุรัสและปลดปล่อยออร่าของเขาออกมาอย่างสมบูรณ์สีหน้าของทุกคนในตอนนี้ก็เปลี่ยนไป หลายคนกลายเป็นหน้าซีด!
“อ้อเป็นอย่างนี้นี่เอง เขาคงจะมีฝีมือซ่อนอยู่สินะ” ในตอนนี้ในที่สุดฮวงเฟิงก็เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะคนๆ นี้นี่เอง!