กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - บทที่ 446 ประลอง (6)
”เป็นไปไม่ได้นี่เป็นไปไม่ได้!” ในสถานที่รวมตัวของผู้นำสำนักมีคนมองไปที่ใจกลางของจัตุรัสด้วยท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อในขณะที่เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
คนอื่นๆที่อยู่ข้างๆ เขาก็มีการแสดงออกเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดแสดงความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่พวกเขามองไปที่ชายคนนั้นที่กำลังเดินตรงไปที่ใจกลางจัตุรัส นอกจากความตกใจแล้วยังปรากฎความกลัวบนใบหน้าของพวกเขาอีกด้วย
นี่คือชายที่ดูดุร้ายที่ใบหน้าซีกซ้ายของเขามีรอยมีดชัดเจน แผลเป็นจากมีดนั้นยาวมากเหมือนกับตะขาบ ในขณะที่เขาดูน่าเกลียดมันก็เผยให้เห็นความโหดเหี้ยมของเขา
ศิษย์ธรรมดาที่อยู่ด้านล่างจัตุรัสต่างก็พากันก็จ้องมองไปที่ชายคนนั้นที่อยู่ใจกลางพลาซ่าใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและสลดใจเพราะพวกเขาพบว่าท่ามกลางกลุ่มของพวกเขาไม่มีใครที่มีออร่ามากไปกว่าเขาคนนี้เลย
เหตุผลที่ทุกคนมีสีหน้าเช่นนั้นก็เพราะว่าชายที่ยืนอยู่ตรงกลางของจัตุรัสได้ปลดปล่อยออร่าของผู้มีฝีมือที่แข็งแกร่งออกมาและออร่านี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของหยวนเหลียง! แม้ว่าเมื่อเทียบกับผู้อาวุโสตงแล้วพวกเขาก็ดูเหมือนจะพอๆ กัน!
ครั้งนี้เป็นเพราะทุกคนรู้สึกตกใจและหวาดกลัวพวกเขาไม่ได้กลัวชายคนนั้นแต่พวกเขาแค่กลัวที่จะพ่ายแพ้ เพราะพวกเขามีลางสังหรณ์แล้วว่าในยกที่สามพวกเขาจะไม่ชนะ นับประสาอะไรกับศิษย์ธรรมดาขนาดว่าหากมีหัวหน้าสำนักคนใดคนหนึ่งขึ้นไป ก็คงจะไม่สามารถพูดได้ว่าเขาจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะชนะจึงมีน้อยมาก
และถ้าพวกเขาแพ้ในยกที่สามพวกเขาก็จะแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ซึ่งจะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของพวกเขาและอิทธิพลที่จะมีต่อเหล่าศิษย์ธรรมดานั้นเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้! ในความเป็นจริงศิษย์ส่วนใหญ่ต่อต้านศัตรูคนเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นการดีหากพวกเขาสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีที่สุดอย่างน้อย 80% ในสนามรบ สำหรับการทำนายก่อนหน้านี้หากพวกเขาชนะพวกเขาจะ
สามารถแสดงความสามารถที่ดีที่สุดได้ถึง120% ในสนามรบ
”ไอ้คนหลอกลวง!”หัวหน้าสำนักคนหนึ่งกำลังลุกลี้ลุกลน เขาชี้ไปที่หยวนเหลียงและพูดว่า: “ด้วยฝีมือของเขาแล้วเขาไม่น่าจะใช่ศิษย์ธรรมดานะ เขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสหรือหัวหน้าสำนักใดสำนักหนึ่งของอาณาจักรวายุโชยเป็นแน่!” Aileen-novel
คำพูดของหัวหน้าสำนักทำให้ความคิดของทุกคนกระจ่างและการสนทนาด้านล่างก็กลับมาดำเนินการต่อทันทีความกังวลบนใบหน้าของพวกเขาดูเหมือนจะลดลงถ้าคนๆ นี้เป็นหัวหน้าสำนักจริงๆ มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่เขาจะมีความแข็งแกร่งเช่นนี้
”เจ้าผิดแล้วล่ะ!”ในตอนนี้ในที่สุดหยวนเหลียงก็เผยสีหน้ามราภาคภูมิใจ เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อเผชิญหน้ากับหัวหน้าสำนักคนนั้นและกล่าวว่า “ข้า หยวนเหลียง ขอสาบานต่อสวรรค์! คนๆ นี้เป็นศิษย์ธรรมดาของสำนักของเรา หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็จงไปตรวจสอบได้!”
ในโลกนี้ทุกคนเชื่อในคำสาบานมากดังนั้นบางคนจึงเชื่อในสิ่งที่หยวนเหลียงพูด ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่พวกเขาจะทำอะไรได้? ในเมื่อพวกเขาบอกว่าชายคนนี้เป็นศิษย์ธรรมดาของพวกเขาและพวกเขาก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะพิสูจน์ได้ว่าพวกเขานั้นผิด
”ตอนนี้ข้าควรจะทำยังไงดี?”หัวหน้าสำนักส่วนใหญ่วิตกกังวลพวกเขาไม่เคยคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น โดยปกติแล้วคนเราจะต้องสัมผัสได้ถึงออร่าของอีกฝ่ายหนึ่ง และจากนั้นพวกเขาน่าจะตัดสินฝีมือของอีกฝ่ายว่าจะต้องอยู่อันดับที่สูงกว่าอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้ไม่มีใครค้นพบยอดฝีมือที่ซ่อนอยู่คนนี้เพราะไม่มีใครในฝั่งอาณาจักรสำเภาสวรรค์ที่มีอันดับสูงกว่าบุคคลนี้แม้แต่ผู้อาวุโสตงเองก็ไม่สามารถทำได้!
และผลก็คือไม่มีใครสังเกตุเห็นว่ามีคนเช่นนี้อยู่ด้วย
“ทำไม่พวกเราไม่เริ่มการประลองซะเลยล่ะ?”ใครบางคนกล่าวด้วยเสียงทุ้ม
“มันจะไม่เหมือนกับการยอมแพ้ในตอนนี้งั้นเหรอ?นี่มันน่าอายกว่าการพ่ายแพ้อีกนะ!” ใครบางคนย้อนขึ้นมาทันที
“งั้นเจ้าคิดว่าพวกเราควรจะทำเช่นไร?อย่าว่าแต่ศิษย์ธรรมดาพวกนั้นเลยแม้แต่พวกข้าเองก็ไม่อาจะที่จะเอาชนะเขาได้ แล้วพวกเราจะประลองแบบนี้ได้ยังไง? ถ้าพวกเรารู้ก่อนหน้านี้พวกเราก็คงจะไม่ตกลงที่จะประลองในยกที่สามหรอก” ใครบางคนกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาตอนนี้ล่ะ?เจ้าก็เพิ่งจะเห็นด้วยให้ประลองนี่นา? แล้วเจ้ายังอยากจะให้ศิษย์ที่อาวุโสที่สุดขึ้นไปบนเวทีอยู่ไหม?” หัวหน้าสำนักคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความไม่พอใจ
ความจริงแล้วนี่คือสิ่งที่หัวหน้าสำนักส่วนใหญ่เห็นด้วยกับความคิดนั้นอยู่ในใจการแข่งขันในวันนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเขาที่จะสร้างชื่อเสียง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการที่จะหาประโยชน์จากโอกาสนี้สร้างชื่อเสียงให้แก่ศิษย์ของพวกเขาเอง
“หยุดเถียงกันได้แล้วพวกเราจะชนะได้ไหม? รีบคิดหาทางกันก่อนดีกว่า!”
“พวกเราจะทำอะไรได้อีกล่ะ?ศิษย์ของพวกเราไม่มีใครสามารถที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย แล้วยังต้องคิดอะไรอีก?”
ในขณะที่ผู้นำสำนักที่อยู่ด้านบนกำลังคิดกลยุทธ์อย่างใจจดใจจ่อบรรดาศิษย์ที่อยู่ด้านล่างก็กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้เช่นกันพวกเขาบางคนรู้แล้วว่าบุคคลที่ปรากฏตัวนั้นเป็นยอดฝีมือแต่บางคนก็ไม่รู้ ดังนั้นบางคนก็กังวลในขณะที่บางคนก็อยากจะขึ้นไป แต่หลังจากได้รับแจ้งตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว พวกเขาก็ล้มเลิกความคิด เพราะชายคนนั้นดูโหดเหี้ยม พวกเขาจึงรู้ว่าถ้าพวกเขาแพ้ไม่เพียงแต่จะแพ้เท่านั้น พวกเขาอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตด้วยซ้ำ!
“แล้วพวกเราควรจะทำยังไงกันดี?ตอนนี้เขากำลังจะทำอะไร? ทำไม่อาณาจักรวายุโชยถึงไม่มียอดฝีมือมากขนาดนี้” หลิวหมิงเจี๋ยกล่าวด้วยความกังวล
สีหน้าของหลี่เต๋อหยูเองก็หมนหมองทั้งสองคนรู้สึกเกลียดตัวเองอยู่ลึกๆ ที่ไม่แข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นล่ะก็พวกเขาก็คงจะได้ขึ้นไปสั่งสอนเจ้าคนนั้นแล้วในตอนนี้
“พวกเจ้าคนของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ ในที่สุดแล้วพวกเจ้าก็ไม่อยากจะประลองใช่ไหม? ถ้าเช่นนั้นก็จงยอมรับความพ่ายแพ้มาซะดีๆ!” ข้าไม่อยากจะให้เหลาจื่อต้องเสียเวลา” ในเวลานี้นั้น เจ้าคนหน้าบากที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางจัตุรัสหัวเราะได้พูดออกมาเสียงดัง
เมื่อฝูงชนได้ยินคำพูดของเขาสีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งดูแย่อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากขึ้นไปบนเวทีดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ทำหน้าบึ้งตึงเท่านั้น
“มันช่างยะโสเหลือเกินนะ!”หัวหน้าสำนักบางคนถึงกับหนวดกระตุกด้วยความโกรธ
“ไม่มีทางอื่นแล้วพวกเราไม่มีใครขึ้นไปสู้ได้” หัวหน้าสำนักคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจและกล่าวออกมา
เจ้าคนหน้าบากก็ยิ่งรู้สึกอิ่มเอมใจมากขึ้นเขาไม่ได้พยายามปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเลย ดวงตาที่กระหายเลือดคู่นั้นจ้องมองไปรอบๆ เขามีความสุขกับความรู้สึกหวาดกลัว
“แล้วทำไมเราไม่ประลองซะล่ะ?ข้าไม่คิดว่าท่านคนใดคนหนึ่งจะกล้า ถ้าศิษย์ของข้าคนนี้ขึ้นไปต่อสู้ เขาก็อาจจะไม่สามารถต้านทานได้และอาจจะตายเสียง่ายๆ ก็ได้!” หยวนเหลียงลุกขึ้นยืนและกล่าวออกมา ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขานั้นชัดเจน
คราวนี้คนที่อยากลองก็ได้ถอยหลังออกมายิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาแพ้คนที่ขึ้นไปจะเป็นคนบาปของโลกศิลปะการต่อสู้ของอาณาจักรสำเภาสวรรค์ ไม่มีใครเต็มใจที่จะทำสิ่งที่ยากลำบากเช่นนี้และอาจจะนำอันตรายมาสู่ชีวิตของพวกเขาด้วยซ้ำ
”ข้าอยากจะขอคำชี้แนะ!”ในที่สุด จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากฝูงชน