กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 262-263
กับดักรักในรอยแค้น – ตอนที่ 262 สงสัย / ตอนที่ 263 ความทรงจำเลือนลาง
ตอนที่ 262 สงสัย
ในหัวอดไม่ไหวที่จะคิดถึงฉู่เจียเสวียน คืนนี้เธอคงจะตกใจมากสินะ คิดถึงดวงตาที่เปื้อนน้ำตาของเธอคืนนี้แล้ว บางแห่งในหัวใจก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมา
สบสายตากับเผยหนานเจวี๋ย เธอเห็นความหุนหันในดวงตาของเขา แววตานั้นทำให้ฉู่อีอีรู้สึกเจ็บในใจ แม้แต่แววตาที่มองเผยหนานเจวี๋ยก็เผยความเจ็บปวด “หนานเจวี๋ย ฉันดีใจมากที่คุณช่วยพี่สาว ฉันก็เชื่อคุณ คุณคือคนที่ฉันรักที่สุด ฉันหวังว่าคุณจะไม่หลอกฉัน”
“ผมไม่ได้โกหกคุณ” สีหน้าบนใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด แววตาที่เยือกเย็นเผยให้เห็นความคลุมเครือ
บรรยากาศเงียบงันภายในพริบตา ฉู่อีอีเม้มริมฝีปากแดง แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต็มไปด้วยความโกรธเธอก็ไม่สามารถแสดงออกได้ในเวลาเช่นนี้
พอรู้ว่าตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยโมโห หัวใจของฉู่อีอีก็ว้าวุ่นเล็กน้อย เมื่อก่อน ไม่ว่าฉู่อีอีจะวุ่นวายมากแค่ไหน เผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่มีน้ำเสียงไร้ความอดทนเหมือนเช่นตอนนี้
ตอนนี้ที่เผยหนานเจวี๋ยเป็นแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะฉู่เจียเสวียนคนนั้น
ถ้าหากไม่มีเธอ เธอจะทำให้เผยหนานเจวี๋ยโกรธได้อย่างไร เธอจะใช้ความคิดมากมายขนาดนั้นในการจัดการเธอไปเพื่ออะไร
ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็ไม่อยากเสียเผยหนานเจวี๋ยไป เมื่อเอ่ยปากพูด สีหน้าที่เดิมทีเกรี้ยวกราดก็ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด “หนานเจวี๋ย คุณอย่าโกรธเลย ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ ต่อไปฉันจะไม่สงสัยคุณอีกแล้ว”
ต่อหน้าเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีจำเป็นต้องประนีประนอมไม่สามารถทำตามใจนึกได้ เธอเกรงว่าหากเผยหนานเจวี๋ยโมโหแล้วก็จะไม่ต้องการเธอ เธอไม่อาจที่จะเสียพนันได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉู่เจียเสวียนปรากฏตัวแล้ว เธอยิ่งไม่สามารถทำเรื่องวุ่นวายได้
ยิ่งตกดึกขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด ฉู่เจียเสวียนเหม่อมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
กงจวิ้นฉือเหลือบมองฉู่เจียเสวียน ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน จากนั้นก็เอ่ยปาก “”พวกเราไปหาอะไรดื่มกันแล้วค่อยส่งคุณกลับบ้านเถอะ”
มองเห็นร้านน้ำชาร้านหนึ่ง กงจวิ้นฉือกล่าว
ฉู่เจียเสวียนดึงสติกลับมาแล้วพยักหน้า
รถหยุดลง กงจวิ้นฉือกับฉู่เจียเสวียนลงจากรถแล้วเข้าร้านกาแฟไป หลังจากนั่งลงและสั่งกาแฟสองแก้วกับบริกรแล้ว กงจวิ้นฉือเอ่ยถามฉู่เจียเสวียนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“วันนี้ฉู่อีอีนัดเจอฉัน…” ฉู่เจียเสวียนเปิดเรื่อง เล่าเรื่องที่ผ่านมาให้กงจวิ้นฉือฟัง
“คุณไปเจอฉู่อีอีที่โรงแรมไหน?”
“โรงแรมซื่อเหา” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยตอบ ดวงตาที่มองกงจวิ้นฉือมีความจนใจ แววตาอ่อนล้าเล็กน้อย
โรงแรมซื่อเหา? ที่นั่นน่าจะมีกล้อง คิดอยู่ในใจ ใบหน้าเผยอาการครุ่นคิด
“เผยหนานเจวี๋ยบาดเจ็บได้ยังไง”
ถามข้อสงสัยในใจ ฉู่เจียเสวียนเม้มริมฝีปากแดง จากนั้นก็เล่าให้เขาฟังว่าทำไมเผยหนานเจวี๋ยถึงบาดเจ็บ
วันนี้เกิดเรื่องมากมายจริงๆ มากเสียจนเธอตอบสนองไม่ทัน หัวใจรู้สึกอิดโรยในพริบตา นึกถึงเหตุการณ์อันตรายในคืนนี้ คิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะช่วยเธอในช่วงเวลาที่สำคัญจริงๆ
“เจียเสวียน คุณอย่าคิดมาก เผยหนานเจวี๋ยช่วยคุณไว้ ผมจะขอบคุณเขาอย่างงาม ต่อไปคุณมีเรื่องอะไรอย่าลืมว่าจะต้องโทรหาผม ตอนนี้พวกเราเป็นแฟนกันนะ”
มือใหญ่โตที่อบอุ่นของกงจวิ้นฉือกุมมือของฉู่เจียเสวียนที่อยู่บนโต๊ะ ดวงตาที่มองเธอเปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้ง
ไม่ว่าเมื่อใด เขาหวังว่าคนที่คอยปกป้องอยู่ข้างกายเธอจะเป็นเขา
“ขอบคุณนะจวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือพร้อมกับพูด บนใบหน้ามีความรู้สึกขอบคุณ
คืนนี้เขาเลือกที่จะเชื่อเธอโดยไม่มีเงื่อนไข หัวใจเธอซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีใครดีกับเธอเช่นนี้เลย
“เจียเสวียน ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องพูดว่าขอบคุณ พรุ่งนี้ผมกับคุณไปหาหลักฐานกัน พิสูจน์ว่าคุณบริสุทธิ์ ผมเชื่อว่าเรื่องนั้นจะต้องเป็นการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเมื่อพิสูจน์ว่าคุณบริสุทธิ์ ระหว่างคุณกับเผยหนานเจวี๋ยก็หมดเรื่องคาใจแล้ว”
ตอนที่ 263 ความทรงจำเลือนลาง
“อืม”
พยักหน้า จิบกาแฟเบาๆ มองกงจวิ้นฉือด้วยมุมปากแดงที่ยกยิ้มทำมุมสวยงาม
“งั้นพวกเราไปเถอะ” พูดจบ กงจวิ้นฉือดึงมือของฉู่เจียเสวียน เดินออกไปจากร้านกาแฟ
ที่วิลล่า ทิวทัศน์ยามราตรีนอกหน้าต่างยิ่งคลุมเครือขึ้นเรื่อยๆ ฉู่เจียเสวียนนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ แววตาของเผยหนานเจวี๋ยที่มองเธอขณะรับมีดแทนเธอนั้นปรากฏอยู่ในหัวไม่หยุดหย่อน
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเธอยังอ่านดวงตาของเขาออกราวกับว่าโชคดีที่คนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เธอ
เธอไม่เข้าใจ ในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนั้น เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะโผล่มา ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งสับสน ในชั่วขณะนั้นเอง เธอเกิดภาพมายา นึกว่าคนที่เขาชอบคือเธอ สะบัดหัว ต้องการจะสะบัดความคิดในหัวออกไป
เอื้อมมือเปิดไฟ จากนั้นก็เปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะ หยิบกระเป๋าสตางค์ในนั้นขึ้นมาแล้วเปิดออก หยิบรูปถ่ายชั้นตรงกลางออกมา
ในภาพถ่าย ฉู่เจียเสวียนยิ้มสดใส และด้านหลังของเธอมีเผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ที่ไกลๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มเย็นชา
มองดูรูปถ่ายใบนี้ เธอรู้สึกระคายเคืองตา น้ำตาไหลออกมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ใบหน้าที่ปราณีตงดงามเต็มไปด้วยน้ำตาในฉับพลัน
ว่ากันว่าเรื่องความรู้สึกไม่มีผิดถูก ไม่มีการมาก่อนมาหลัง เพียงแค่ต้องเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่ นั่นจึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุด แต่ว่า เมื่อเธอตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรักในช่วงวัยที่เบ่งบานที่สุด เธอก็เหมือนกับแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ
เธอเคยคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้ ทุกอย่างเป็นเพียงฉากฝันของเธอเท่านั้น
ยื่นมือลูกบคลำรูปถ่ายที่ขณะนี้เลือนลางไปบ้างแล้ว หลับตาลง ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวทีละฉากๆ ที่แท้ความทรงจำของเธอยังคงชัดเจนเพียงนั้น
เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ละฉากวนเวียนอยู่ในหัวของเธออย่างต่อเนื่อง เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงที่เขารักและไม่มีวันเป็น
หึหึ ผู้ชายคนนั้นที่รักสุดชีวิต จนกระทั่งวันนี้ เขาก็ยังคงใช้น้ำเสียงเคลือบแคลงใจเมื่อสามปีก่อนพูดกับเธอ
เฮ้อ ถอนหายใจเงียบๆ เก็บรูปถ่าย ปิดไฟ นอนลงบนเตียงอีกครั้ง
นึกถึงกงจวิ้นฉือในหัว เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคิดอย่างไรกับเขา แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นแฟนกัน แต่ว่ากับเขาแล้ว เธอมักจะรู้สึกถึงระยะห่างอันแปลกประหลาดระหว่างพวกเขาเสมอ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าส่วนลึกในหัวใจของเธอยังไม่ลืมเผยหนานเจวี๋ยหรือเปล่า ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันกับเขา เธอมักจะต้องการรักษาระยะห่างโดยไม่รู้ตัว และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทำอย่างก็ไม่พัฒนาไปอีกขั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ เปลือกตาหนักอึ้ง ในที่สุดก็หลับตาลงอย่างช้าๆ ไปพร้อมกับสายลมยามค่ำคืน
คนบางคน เรื่องบางคน จะค่อยๆ หายไปตามกาลเวลาล่ะมั้ง
จู่ๆ ก็นึกถึงเพลง ‘เดินไปเดินมาก็หายไปแล้ว’ มันมีเนื้อเพลงบางประโยคที่จับใจคนเป็นอย่างมาก
มีบางคนเดินไปเดินมาก็หายไปแล้ว มีเรื่องบางเรื่องดูไปดูมาก็จางหายไปแล้ว
มีสักกี่คนที่ไม่สามารถเข้าใจถึงความทุกข์ มีสักคนที่อาลัยอาวรณ์อย่างหมดหนทาง
มีบางคนคิดไปคิดมาก็ลืมแล้ว มีบางความฝัน ฝันไปฝันมาก็ตื่นแล้ว
จึงค้นพบว่าฉันในอดีตนั้นไร้เดียงสาเกินไป ความจริงมันโหดร้ายมาก
บางที การที่เธอเคยรักผู้ชายคนหนึ่งเหมือนแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ ตอนนี้เธอก็ควรเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง รักคนที่รักเธอถึงจะถูก
มุมปากยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าที่งดงามมีความกังวลที่มองไม่เห็น จากนั้นในที่สุดก็เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไป
วันที่สอง ฉู่เจียเสวียนลืมตาก่อนที่นาฬิกาจะปลุกแล้ว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เหลือบดูเวลา จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งแล้วออกไปจากเตียง