กับดักรักในรอยแค้น - ตอนที่ 440 ฉู่อีอีหญิงปากร้าย / ตอนที่ 441 เตรียมเป็นขอทานได้เลย
- Home
- กับดักรักในรอยแค้น
- ตอนที่ 440 ฉู่อีอีหญิงปากร้าย / ตอนที่ 441 เตรียมเป็นขอทานได้เลย
กับดักรักในรอยแค้น – ตอนที่ 440 ฉู่อีอีหญิงปากร้าย / ตอนที่ 441 เตรียมเป็นขอทานได้เลย
ตอนที่ 440 ฉู่อีอีหญิงปากร้าย
เมื่อฉู่อีอีได้ยินคำพูดของคนเหล่านั้นแล้ว ความโกรธในดวงตาก็ยิ่งแย่ลง ทั้งสองตามีสีแดงก่ำ ‘คนเลวพวกนี้ คนเลว!’
หวังอวิ๋นไฉ่เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี สีหน้าเปลี่ยนไป ดึงมือของฉู่อีอีต้องการจะเดินออกไปข้างนอก
“หยุดถ่ายได้แล้ว หยุดถ่ายได้แล้ว!” ลากฉู่อีอีไปข้างนอกพลางโบกไม้โบกมือผลักคนพวกนั้นออกไป แต่ว่าคนพวกนั้นไม่ยอมหลีกทางให้เลย ยิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากระหน่ำถ่ายฉู่อีอี
“พวกแกมันคนเลว ถอยไปนะ!” ฉู่อีอีตะคอกใส่ผู้คนรอบกายด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ‘คนชั่วพวกนี้’
“ไปเถอะ” หวังอวิ๋นไฉ่ลากฉู่อีอีและหนีฝ่าฝูงชนออกไป
ทันใดนั้นไม่รู้ว่าใครทำให้ฉู่อีอีสะดุด เธอโซเซแล้วล้มไปข้างหน้า หวังอวิ๋นไฉ่ก็ล้มตามไปด้วย ทั้งสองคนล้มลงสี่เท้าชี้ฟ้า
“ฮาๆๆ…” คนที่มามุงดูเห็นท่าทางของฉู่อีอีแบบนี้ก็หัวเราะขึ้นทันที
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะพวกนั้น ฉู่อีอีรู้สึกอัปยศอดสูมาก ดวงตาเผยความเกรี้ยวกราดทันใด ลุกขึ้นมาจากพื้น ยื่นมือดึงคนที่อยู่ข้างๆ แล้วตบตีโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา
ในเวลานี้ฉู่อีอีเหมือนกับเป็นหญิงปากร้ายไปแล้วจริงๆ แววตาเผยประกายดุร้าย สีหน้าดูน่าเกลียด และปากยังคงกร่นด่าไม่หยุด
หวังอวิ๋นไฉ่ลุกขึ้นมาจากพื้น และเข้าร่วมการตบตีด้วย
“ฉันจะตีแกให้ตาย ตีแกให้ตาย ฉันจะทำให้แกหัวเราะ ทำให้แกหัวเราะ!” ฉู่อีอีตีไปด่าไป สีหน้าโมโหจนเขียวคล้ำ
เพียงครู่หนึ่ง ก็เกิดสงครามตบตีขึ้นกลางห้าง ฉู่อีอีกับหวังอวิ๋นไฉ่ถูกทำร้ายจนใบหน้าบวมช้ำ ฉู่อีอีและหวังอวิ๋นไฉ่ถูกส่งไปยังห้องรักษาความปลอดภัยภายใต้การบริหารจัดการความปลอดภัยของห้างแล้ว
ในเวลานี้ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงนั้น ผมเผ้าของฉู่อีอียุ่งเหยิง มีรอยเล็บบนใบหน้า และที่มุมปากยังมีรอยเลือด
หวังอวิ๋นไฉ่ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ในเวลานี้ใบหน้าของเธอบวมแดงมีเลือดสดซึมออกมา สภาพก็น่าสมเพศจนดูไม่ได้ เสื้อผ้าก็ถูกฉีกขาด
ขณะที่สองคนออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัยและกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
“อีอีเอ๊ย ลูกไม่เป็นไรนะ” หวังอวิ๋นไฉ่ออกมาจากห้องน้ำ เห็นฉู่อีอีที่นั่งเหม่ออยู่บนโซฟา หยิบกล่องยาขึ้นมาแล้วเดินไปหาเธอ
มองไปที่รอยเล็บบนใบหน้าของฉู่อีอี หวังอวิ๋นไฉ่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากด่า “คราวหน้าอย่าให้แม่เจอพวกมันนะ รอจนลูกกลับไปอยู่กับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว แม่จะทำให้พวกมันได้เห็นดีกัน!”
ได้ยินคำพูดของหวังหวิ๋นไฉ่แล้ว ฉู่อีอีไม่ได้พูดอะไรเลย ดวงตาดูเลื่อนลอยเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หวังอวิ๋นไฉ่ยังคงด่าต่ออยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นฉู่อีอีในสภาพนี้แล้ว ดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดและความเกลียดชัง
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธองดงามมาก แต่ตอนนี้ช่างเหมือนกับเสือที่พลัดหลงแล้วถูกสุนัขรังแกจริงๆ เธอเชื่อว่าลูกสาวของเธอจะมีวันที่เงยหน้าอ้าปากได้อีกครั้ง
น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำนายเรื่องเหล่านี้ได้เลย
วันรุ่งขึ้น คลิปของฉู่อีอีที่ก่อเรื่องในห้างสรรพสินค้าก็ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต เพียงไม่กี่นาทีก็ถูกส่งต่อเกินหมื่นครั้งแล้ว
ชื่อเสียงครั้งนี้ของฉู่อีอียิ่งฉาวโฉ่กว่าเดิม บนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยการดุด่าและคำพูดโจมตี
หวังหวิ๋นไฉ่ถืออาหารอยู่บนมือ เคาะประตูห้องของฉู่อีอี แล้วผลักประตูเข้าไป เห็นฉู่อีอีคุดคู้อยู่บนเตียง ความเจ็บปวดในดวงตายิ่งปรากฏชัดเจน
“อีอีเอ๊ย กินข้าวหน่อยเถอะ” หวังอวิ๋นไฉ่วางกับข้าวไว้บนโต๊ะ พูดกับฉู่อีอี
ฉู่อีอีส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไร ยังคงกอดตัวเองแน่น
ขณะที่หวังอวิ๋นไฉ่อ้าปากต้องการพูดอะไรบางอย่างนั้น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นฉับพลัน ความดีใจปรากฏอยู่ในดวงตา พูดกับฉู่อีอี “อีอี อาจเป็นหนานเจวี๋ยมาแล้วก็ได้ แม่จะไปเปิดประตู”
ตอนที่ 441 เตรียมเป็นขอทานได้เลย
เมื่อพูดจบก็เดินลงไปชั้นล่างราวกับสายลม
เมื่อได้ยินคำว่าเผยหนานเจวี๋ยสามคำนี้ ในที่สุดฉู่อีอีก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดวงตาเป็นประกาย
เขามาแล้วเหรอ หรือว่าเขาดูคลิปแล้ว รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอยู่อย่างไม่สุขสบาย ฉะนั้นก็เลยเป็นห่วงเธอมาเยี่ยมเธองั้นเหรอ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็รีบลงมาจากเตียง แต่งหน้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิต สวมกระโปรงสีแดงสดใส เปิดประตูห้องแล้วพุ่งลงไปข้างล่าง
บนใบหน้ามีความตื่นเต้นที่รั้งไว้ไม่อยู่ ริมฝีปากยกยิ้ม
“แม่ หนาน…” ลงมาถึงห้องโถง เมื่อเห็นคนรูปร่างกำยำสองสามคนในห้องโถง คำที่เธอยังพูดไม่จบก็ติดอยู่ในลำคอ
กวาดสายตา ก็เห็นหวังอวิ๋นไฉ่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา เขาเดินเข้าไปหาหวังอวิ๋นไฉ่อย่างรวดเร็ว
“แม่ แม่เป็นอะไรไป พวกเขาเป็นใคร” ฉู่อีอีต้องการจะประคองหวังอวิ๋นไฉ่ขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว
เดิมทีนึกว่าเผยหนานเจวี๋ยมาแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดหวังในใจ
“นี่ลูกสาวแกสินะ คืนเงินมา หวังอวิ๋นไฉ่ติดหนี้พวกเราหนึ่งล้านเหรียญ!” คนที่ดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มผู้ชายพูดกับฉู่อีอี
“แกพูดเหลวไหล เห็นอยู่ว่าห้าแสน กลายเป็นหนึ่งล้านตั้งแต่เมื่อไร” หวังอวิ๋นไฉ่ได้ยิน เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ ทั้งๆ ที่เธอยืมมาห้าแสนนี่นา
“หึหึ ดอกเบี้ยห้าแสน ตอนนั้นที่แกยืมเงินฉัน ฉันก็บอกกับแกแล้ว เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย แกยังคิดจะปฏิเสธอีกเหรอ” ผู้ชายคนนั้นโบกเอกสารในมือพร้อมพูดกับหวังอวิ๋นไฉ่ แววตามีความดุร้าย
“พวกแกไปเป็นโจรซะดีกว่า!”
“แล้วแกจะคืนหรือเปล่า” เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นไม่มีความอดทนที่จะคุยกับพวกเธอมากขนาดนั้น พูดอย่างหมดความอดทนแล้ว
“ตอนนี้ฉันมีเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกัน แกยืดไปอีกสักวันสองวันได้ไหม” เมื่อหวังอวิ๋นไฉ่ได้ยินดังนั้น ก็หดหัวราวกับเต่าตัวหนึ่งทันที
ตอนนี้พวกเธอจะมีเงินเยอะขนาดนั้นไปคืนที่ไหนกัน พวกเธอตอนนี้แม้แต่หนึ่งหมื่นก็เอาออกมาไม่ได้ จะมีเงินไปคืนเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร
“จะยืดอีกกี่วัน พวกเรายืดให้แกสามวันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ยังคืนไม่ได้ล่ะ”
“ให้เวลาอีกสองสามวันได้หรือเปล่า” หวังอวิ๋นไฉ่พูด บนใบหน้ามีรอยยิ้ม
“ตอนนี้แกรีบคืนเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!” ผู้ชายคนนั้นพูด นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมพูดอย่างสงบ
เมื่อเห็นแววตาที่เป็นประกายของฉู่อีอี ผู้หญิงคนนี้ก็คือฉู่อีอีที่เป็นที่คุยกันอย่างสนุกปากสินะ?
‘หน้าตาก็ไม่เลว’ คิดอยู่ในใจ ยื่นมือลูบคาง มองสำรวจฉู่อีอีอย่างประสงค์ร้าย
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของผู้ชายคนนั้น ฉู่อีอีเอ่ยปากอย่างไม่พอใจทันที “มองอะไรน่ะ!”
“อุ้ย เผ็ดจริงๆ เร็วเข้า คืนเงิน แล้วฉันจะไปเลย!” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยปาก น้ำเสียงไม่พร้อมที่จะเจรจา
“คุณชายใหญ่คะ ยืดไปอีกสักสองสามวันได้ไหม ตอนนี้ฉันเอาเงินออกมาไม่ได้จริงๆ หรือไม่ คุณเอาสองสามพันเหรียญนี้ไปดื่มชาสิ แล้วยืดให้ฉันอีกสามวัน” หวังอวิ๋นไฉ่หยิบกระเป๋าขึ้นมาจากโซฟา แล้วหยิบเงินทั้งหมดในกระเป๋าออกมาวางไว้บนโต๊ะ
เมื่อผู้ชายคนนั้นเห็นก็หัวเราะ “แกเตรียมเป็นขอทานได้เลย!”
พูดพลางส่งสายตาให้กับเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เมื่อเด็กหนุ่มพวกนั้นเห็นแล้วก็แยกฉู่อีอีกับหวังอวิ๋นไฉ่ออกจากกันทันที
“พวกแกจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ!” ฉู่อีอีเห็นว่าผู้ชายพวกนั้นเข้ามาใกล้ พูดขึ้นทันที ดิ้นรนต้องการจะหลุดออกจากมือของพวกเขา
“อ๊า…หยุดตีได้แล้ว” ทางนี้ หลังจากหวังอวิ๋นไฉ่ถูกจับตัวแล้ว คนพวกนั้นก็ตบตีหวังอวิ๋นไฉ่โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด