การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 119
ตอนที่ 119
“ต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นอย่างที่เล่าไปข้างต้น ต่อจากนี้ไปชายคนนั้นจะไม่สร้างปัญหาอีก แต่จะทํางานให้กับพวกเราแทน”
หลังจากซูฮยอนพูดจบ เขายกกาแฟขึ้นดื่มเพื่อล้างคอ
ผ่านมาได้ไม่กี่วันหลังจากคิมดูอุยหารือกับซูฮยอน แต่วันนี้เขาได้รับสายจากซูฮยอนว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย สถานที่นัดเจอคือร้านกาแฟที่เดิม เขาเก็บงานทุกอย่างเข้าลิ้นชักแล้วรีบบึงมาร้านกาแฟทันที
พอได้ยินคําพูดที่ออกมาจากปากของซูฮยอน คิมดูอุยกลายเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เขาต้องต้องใช้เวลาสักพักในการเรียบเรียงคําพูดของซูฮยอนให้เข้าที่เข้าทาง
“สรุปจากที่เล่ามาทั้งหมด นายบีบบังคับเปโตรให้จํากัดการเข้าถึงเบลนดิ้งและหยุดการแพร่ระบาดสินะ?”
“ถูกต้อง ฉันอยากให้ทางสํานักงานเตรียมจัดหาบุคลากรมืออาชีพ เพื่อให้แผนการดําเนินต่อไปได้ ฉันเชื่อว่าการหาผู้ตื่นขึ้นจํานวนหนึ่งแล้วสั่งให้พวกเขาปักหลักอยู่บนชั้นที่ 31 ถาวร คงไม่ยากเกินไปหรอกมั้ง”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง หลังจากได้ทราบแผนการของนายครั้งนั้น ฉันเองก็กําลังเฟ้นหาผู้ตื่นขึ้นอยู่ แต่ว่า…”
คิมดูอุยไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าปัญหาค้างเติ่งมานานแรมปี จะคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว เร็วถึงขนาดที่ว่ากลุ่มผู้ตื่นขึ้นที่วางลู่ทางเอาไว้ให้พวกเขาปักหลักอยู่บนชั้นที่ 31 ยังเตรียมการไม่เสร็จ
ซูฮยอนกล่าวเสริม “ในส่วนพลังเวทย์ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายของเปโตร วิธีแก้ปัญหาง่ายมาก ฉันจะมอบยาบรรเทาอาการให้ตามกําหนดเวลา เพื่อต้านพิษ พวกเราสามารถนําอุปกรณ์เครื่องใช้เข้าสู่โลกหอคอยแห่งการทดสอบได้ ดังนั้นหน้าที่ของนายต่อไปคือ มอบยาต้านพิษให้กับผู้ตื่นขึ้นแล้วให้พวกเขานําไปมอบให้กับเปโตร”
“นายนี่มันฉลาดเป็นกรดจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่านายจะใช้เปโตรเพื่อหยุดการแพร่ระบาดเบลนดิ้ง ฉันนึกว่านายจะฆ่าเขาซะอีก”
“บอกตามตรงตอนแรกฉันกะทําอย่างที่นายพูดอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ ฉันพึ่งได้สกิลใหม่มา เลยทําให้อะไรหลายอย่างง่ายขึ้น ในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็น คนรวย คนจน สิ่งที่พวกเขาหวงแหนมากที่สุดคือชีวิตตัวเองจริงไหม”
ยุทธวิธีที่ซูฮยอนเลือกใช้ ไม่ได้คิดได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน ต่อให้เป็นซูฮยอนเองก็ยากที่จะบรรลุเป้าหมาย หากไม่ทราบโครงสร้างอํานาจบนชั้นที่ 31 และ ตัวตนของเปโตรอย่างละเอียด
<<ในที่สุดปัญหาบนชั้นที่ 31 ก็เรียบร้อยเสียที>>
เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับ เปโตร ถูกเก็บไว้เป็นความลับสูงสุด แม้กระทั่งภายในสํานักงานยังมีน้อยคนที่รู้
เนื่องจากทางสํานักงานไม่สามารถหยุดยั้งชายที่ชื่อเปโตรได้ พวกเขาจึงมองหาหนทางใหม่โดยการกวาดล้างเบลนดิ้ง แต่การกระทําของพวกเขากลับทําให้เบลนดึงลุกลามหนักกว่าเดิม เป็นข้อพิสูจน์แน่ชัดว่าการทํางานของสํานักงานไร้ประสิทธิภาพมากขนาดไหน
“ฉันมีเรื่องอยากขอโทษนาย วีรกรรมของนายครั้งนี้ถูกเก็บไว้เป็นความลับสูงสุด แน่นอนความพยายามของนายมีรางวัลให้ แต่ว่า…”คิมดูอุยพูด
“วีรกรรมของฉันปาวประกาศให้ประชาชนรับรู้ไม่ได้สินะ ฉันไม่ถือสาหรอก นายสบายใจเถอะ เหตุผลที่ฉันลงมือทําเพราะความต้องการส่วนตัว ฉันไม่สนใจชื่อเสียงจอมปลอมอะไรนั่นหรอก”
คําตอบสบายอารมณ์ของซูฮยอน ทําให้คิมดูอุยแสดงท่าทางหมดกังวล
สมมุติซูฮยอนอยากโฆษณาการความสําเร็จของตนเองในสาธารณะรับรู้ ชื่อเสียงของเขาจะลือลั่นยิ่งขึ้นไป แต่ในทางกลับกันจะเป็นการผลักดันสํานักงานให้ตกอยู่ในสถานการณ์ตรึงเครียดแทน
โชคดีที่ซูฮยอนไม่สนใจชื่อเสียงเหมือนผู้ตื่นขึ้นคนอื่นๆ สิ่งที่คิมดูอุยกังวลในตอนแรกจึงหายห่วงไปอีกหนึ่งข้อ
“ขอบคุณ”
“อ่าจริงสิ เกือบลืมไป รางวัลตอบแทนที่นายพูดถึง…”ซูฮยอนวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะและลองสอบถาม
“มีของหนึ่งอย่างที่ฉันอยากได้ นายช่วยหาให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“นายอยากได้ของงั้นเหรอ?”
ที่ผ่านมาซูฮยอนไม่เคยเรียกร้องของรางวัลเลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาขอตรงๆ
ความสําเร็จในอดีตซูฮยอนแทบไม่สนใจของรางวัลเลย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในเมืองอันยัง หรือ เหตุการณ์ถอนรากถอนโคนกิลด์ดัมพ์
<<ความสําเร็จทั้งหมดของเขา…>>.
คิมดูอุยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนผงกหัว “ของที่นายอยากได้คืออะไร หากไม่เกินขอบเขตอํานาจของทางสํานักงาน พวกเราจะพยายามสุดความสามารถเพื่อนําของชิ้นนั้นมามอบให้นาย”
“สิ่งที่ฉันอยากได้ ไม่ลําบากสําหรับสํานักงาน”ซูฮยอนยิ้มกริ่มและเริ่มอธิบายสิ่งที่เขาต้องการจากสํานักงาน
คิมดูอุยที่แสดงอาการเต็มอกเต็มใจช่วยเหลือซูฮยอนก่อนหน้า ตอนนี้กลับแสดงอาการจนปัญญาออกมาแทน
“นั่นมัน”
“ทําไมทําสีหน้าอย่างนั้น หรือว่าสําหรับนายมันยากเกินไป?”
“ป่าวหรอก ฉันจะส่งคําร้องขึ้นไปเบื้องบน แต่ฉันไม่รับประกันนะว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง
“ฉันไม่รีบ ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ถ้าได้เรื่องเมื่อไหร่ อย่าลืมติดต่อกลับมาหาฉันด้วย”
ซูฮยอนพูดจบก็ผุดลุกจากเก้าอี้และเดินออกจากร้านกาแฟ โดยปล่อยให้คิมดูอุยนั่งคิดทบทวนคําพูดทิ้งท้ายเมื่อครู่
คําพูดทิ้งท้ายของซูฮยอนบอกเป็นนัยๆว่า “ไม่ว่าจะเกิดเภทภัยอะไรขึ้น ต้องได้ของชิ้นนั้นมา” นอกจากของชิ้นนั้น ท่าทางซูฮยอนจะไม่สนใจใยดีของรางวัลที่ทางสํานักงานจัดเตรียมให้เลย
มันจึงกลายเป็นเหตุผลที่ทําให้คิมดูอุยหนักใจขึ้นกว่าเดิม
<<เฮ้อ จะดีกว่านี้หลายเท่า หากเขาขอของรางวัลเป็นเงิน>>
คิมดูอุยเปล่งเสียงรําพึงรําพันออกมาอย่างทุกข์ใจและก้มหัวลง ด้วยความสัตย์จริงของที่ซูฮยอนหมายตาหายได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เขาสามารถนําของสิ่งนั้นมามอบให้ซูฮยอนตอนนี้ก็ยังได้ เพราะของที่ซูฮยอนต้องการ มีอยู่ในการครอบครองของสํานักงาน
“ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้ผู้อํานวยการฟัง รับลองว่าฉันโดนสวดยับจนหูชาอีกแน่”
คิมดูอุยสายหัวและลุกจากเก้าอี้ ตั้งแต่รู้จักกับซูฮยอนมา รู้สึกพักหลังๆเขาจะได้รับความเอ็นดูจากผู้อํานวยการมากขึ้นเป็นพิเศษ ในด้านรองรับอารมณ์อะนะ
ไม่กี่วันต่อมา…
คิมดูอุยมาหาซูฮยอนถึงที่บ้าน เพื่อรายงานความคืบหน้าของแผนการและแจ้งข่าวเรื่องรางวัล
“โชคดีที่การตามหาผู้ตื่นขึ้นผ่านไปได้อย่างราบรื่น เพราะผู้ตื่นขึ้นที่ตัดสินใจปักหลักอยู่บนชั้นที่ 31 จํานวนมาก เกือบเอาชีวิตไม่รอดบนชั้นที่ 30 ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าปืนขึ้นชั้นถัดไป”
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เปโตรตั้งอกตั้งใจเรียกคืนเบลนดิ้งทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วชั้นที่ 31 กลับคืน เนื่องจากชีวิตของตนเองแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาจึงตัดสินใจปฏิบัติการอย่างรวบรัดและเด็ดขาด ตอนนี้เปโตรสูญสิ้นแทบทุกอย่าง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสิ้นเนื้อประดาตัว
สาเหตุที่เขาเลือกปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว เพราะพิษที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆทุกวี่ทุกวัน
“และอันนี้ เป็นของที่นายต้องการ”
คิมดูอุยนั่งพักเหนื่อยอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เขาเปิดกระเป๋าเก็บเอก สารแล้วหยิบกล่องเล็กๆออกมา
ซูฮยอนเอื้อมมือออกไปรับกล่องใบนั้น เขาเปิดกล่องเช็คสภาพ ของเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “นายได้มาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้มาก”
“จริงๆแล้วทางสํานักงานมีอยู่ในการครอบครอง ทันทีที่คําร้องส่งถึงเบื้องบนว่านายต้องการของชิ้นนั้น ผู้มีอํานาจหลายคนมองฉันด้วยสายตาปานกินเลือดกินเนื้อ นายรู้ไหมว่าฉันรู้สึกกดดันแค่ไหน”
“ฉันขอบคุณนายจริงๆ จริงสิ ฝากความเคารพนับถือของฉันให้ผู้อํานวยการด้วย”
“นายคิดเหรอว่า ผู้อํานวยการจะแสดงอาการดีใจหลังจากได้ยินคําชมของนาย?”
“ฉันรู้เรื่องนั้นดี เพราะงั้นฉันเลยฝากนายไปบอกเขาแทนไง”
“ฟังดูมีเหตุผล เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้”
“นายไม่ต้องกังวล ฉันจะปิดปากเงียบไว้ เพราะฉันได้รับของที่ต้องการ ถือได้ว่าธุรกรรมระหว่างพวกเราเสร็จสิ้น เอาล่ะ นายมีอะไรอยากจะบอกกับฉันอีกไหม”
ซูฮยอนบิดกล่องกลับไว้เหมือนเดิมและลุกขึ้นยืน
ซูฮยอนเตรียมตัวไปที่ไหนสักแห่ง ซึ่งภาพตรงหน้ากระตุ้นให้คิมดูอุยอยากรู้ เขาจึงลองถามดู
“นายกําลังจะออกไปข้างนอก?”
“อืม ฉันนัดพบคนสําคัญเอาไว้นะ”
“นัดพบคนสําคัญ? ผู้หญิงเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก คนที่ฉันนัดไว้เป็นตาลุงแกๆเหงื่อท่วมตัวคนหนึ่ง”
“อ่า…งั้นเหรอ ขอให้โชคดี”
สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารของคิมดูอุย ทําให้การแสดงออกทางสีหน้าซูฮยอนแย่ลงทุนตา ใกล้เคียงกับลักษณะน่าเกียจ…
เมื่อออกจากบ้านพร้อมส่งแขกเสร็จสรรพ ซูฮยอนเดินไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินและก้าวขึ้นรถ
จุดหมายที่ซูฮยอนมุ่งหน้าไปคือสถานที่ทํางานของคิมแดโฮ ซึ่งตั้งอยู่ที่ยังพยอง
เคร้ง!!
“ลุง ผมมาแล้ว”
เคร๊ง!! เคร๊ง!! เคร๊ง!!
เสียงตีเหล็กดังลอดผ่านช่องว่างออกมาไม่หยุด
บางที่อาจเป็นเพราะคิมแดโฮง่วนกับงานมากเกินไปจนไม่ได้ยินเสียงเรียกทัก หรือไม่ เขาอาจกําลังทําอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถหยุดกลางคันได้
ซูฮยอนยืนรออยู่นาน ก่อนถือวิสาสะผลักประตูเข้าไปและเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้
คิมแดโฮเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการตีเหล็กลูกเดียว ขนาดมีแขกมายืนอยู่ข้างหลังก็ยังไม่รู้สึกตัว
<<ฉันคงทําได้แต่รอสิ้นะ>>
ซูฮยอนยืนอยู่กับที่เงียบๆและรอให้คิมแดโฮทําธุระให้เสร็จ
2 ชั่วโมงต่อมา ช่างฝีมือยังคงตรากตรําอยู่กับการตีอาวุธด้วยค้อนคู่ใจอย่างไม่ลืมหูลืมตา
แต่ไม่นานเขาก็ค่อยๆวางค้อนลงข้างตัวและลุกขึ้นยืนบิดเอวซ้ายขวา มือทุบหลังที่กําลังปวดเมื่อย
“โอ้ย หลังฉัน”
“เรียบร้อยแล้วเหรอ ลุง?”
“ใช่แล้ว..อ๊ะ?”
คิมแดโฮหันขวับไปมองด้านหลังและพบร่างซูฮยอนกําลังยืนรออยู่ ร่องรอยความแปลกใจแล่นริ้วไปทั่วใบหน้าที่แก่ชราอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หนู มาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“มาถึงได้สักพักแล้วครับ”
“จริงเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอยืนรอฉัน อยู่นานแล้วหรอกนะ”
“จริงสิครับ ผมจะโกหกลุงทําไม”
“นานๆทีจะมีแขกมาหา ปล่อยให้แขกยืนรอนานสองนานเสียมารยาทแย่ ทําไมเธอถึงไม่เรียกฉันล่ะ?”
“ลุงช่วยเหลือผมมาตลอด ถ้าผมเข้าไปขวางการทํางานของลุง คงไม่สุภาพเท่าไหร่”
“อย่างน้อยเธอก็รู้อะไรควรไม่ควร”คิมแดโฮทําเสียงอึดอัด
แผ่นหลังของคิมแดโฮปวดเมื่อยไปหมดทุกส่วน เพราะเขานั่งก้มหน้าทํางานมาหลายชั่วโมง
ทุกครั้งที่คิมแดโฮก้าวเดินไปข้างหน้า เขาจะยกมือลูบแผ่นหลังตลอดเวลา “ตามมา ฉันจะชงชาร้อนๆให้ดื่ม”
ใบหน้าของซูฮยอนแจ่มใสขึ้นทันตาเห็นและตอบรับคําชวนของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแช่มชื่น “ขอบคุณครับลุง”
ในชีวิตนี้ นับเป็นครั้งแรกที่คิมแดโฮเชิญซูฮยอนให้เข้าไปในบ้านพักส่วนตัว แม้เขาจะไม่รู้ว่าคิมแดโฮกินอะไรผิดสําแดงมาหรือปาว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าช่างฝีมือคิมแดโฮให้ความสนใจในตัวเขามากพอสมควร
ระหว่างซูฮยอนเดินตามแผ่นหลังคิมแดโฮ เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
สถานที่ทํางานของคิมแดโฮเต็มไปด้วยเครื่องใช้วางระเกะระกะรกหูรกตา
แต่บ้านพักกลับสะอาดสะอ้านอย่างไม่น่าเชื่อ ภายในบ้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่หรูหรามากนัก ตัวบ้านไม่ใหญ่มาก ขนาดกําลังพอดีน่าอยู่อาศัย โครงสร้างบ้านคิมแดโฮมีลักษณะคล้ายๆ บ้านพักต่างอากาศที่พบเห็นได้ทั่วไปภายในยังพย์อง
คิมแดโฮปลีกตัวเข้าห้องครัวและทําการต้มน้ำชงชา ใช้เวลาไม่นานชาร้อนๆก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ
คิมแดโฮรินชาให้ซูฮยอนเต็มถ้วยก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นถึงเป็นถ้วยของตัวเอง
เมื่อชาถูกเตรียมเรียบร้อย เขาก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้
เขาจ้องใบหน้าซูฮยอนและถามด้วยความสงสัย “เธอกําลังคิดอะไรอยู่ ยิ้มแป้นไม่หุบเลย”
“ผมกําลังมีความสุขไงครับ อยู่ที่ทํางานของลุง สบายใจกว่าอยู่ที่บ้านตัวเองเยอะ”
“งั้นเหรอ มิน่าเล่าทําไมเธอถึงมาที่นี่บ่อยๆ เมื่อว่างเว้นปืนปายหอคอย”
“ลุงก็พูดเวอร์ไป ผมไม่ได้มาบ่อยขนาดนั้นสักหน่อย”
“ช่างเถอะไม่ต้องพูดมาก ดื่มชาซะ”
“ขอบคุณครับ”
ซูฮยอนทําปากจ๊เปาชาร้อนๆ ก่อนยกขึ้นจิบ
คิมแดโฮยกมือทุบบริเวณหัวไหลเพื่อคลายเส้น สายตาของชําเลืองมองไปยังกล่องเล็กๆหนึ่งใบซึ่งซูฮยอนนําติดตัวมาด้วย
“กล่องนั้นคือวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ที่เธอเคยบอกให้ฉันฟังสินะ”
“ใช่ครับ”
ซูฮยอนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและยื่นมือผลักกล่องไปข้างหน้า
ไม่มีสิ่งใดสามารถจุดประกายความสนใจจากคิมแดโฮได้ นอกจากเรื่องเกี่ยวข้องกับงานที่เขา
ดังนั้นเขาจึงมองไปที่กล่องเล็กๆใบนั้นด้วยแววตาเร่าร้อน
“เมื่อไม่นาน ผมได้ของดีมาหนึ่งอย่างกะว่าจะนํามามอบให้ลุง เผอิญมิรุกคืนมันลงท้องไปซะก่อน”
“มิรุกินวัตถุดิบเข้าไปงั้นเหรอ?”
ประโยคสุดท้ายของซูฮยอนค่อนข้างแผ่วเบาฟังไม่ชัด ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เขายังหมดอาลัยตายอยากไม่หาย
คิมแดโฮที่ได้รับฟังก็แสดงสีหน้าสับสนออกมา
วัตถุดิบที่ใช้สร้างอุปกรณ์ส่วนใหญ่มักเป็น หินอีเธอร์ หรือไม่ก็ หินแร่
คิมแดโฮนึกสงสัย มันเป็นเรื่องปกติจริงเหรอ? ทําไมสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถึงกินของอะไรแบบนั้น ลงไป
เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของคิมแดโฮ ซูฮยอนจึงตัดสินใจอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดันเจี้ยนสีน้ำเงิน
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดคิมแดโฮผงกหัว “เธอคิดถูกแล้วที่ให้มิรุกิน เธอเคยบอกฉันใช่ไหมว่ามรดื่มน้ำอย่างเดียว ในเมื่อมรอยากกิน เธอก็ควรปล่อยให้มิรุกิน มิรุยังเด็กเกินไป เขาไม่รู้ประสีประสา เธอไม่ต้องคิดมาก”
“นั้นสินะครับ… “ซูฮยอนยิ้มแห้งๆให้กับคําพูดคิมแดโฮ
สาเหตุที่ชายชราบอกให้ซูฮยอนปล่อยวาง เพราะเขาไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร แต่หากในอนาคตเขาทราบถึงคุณค่าของสิ่งนั้นจริงๆละก็ เขาจะไม่มีท่าที่ผ่อนคลายอย่างตอนนี้แน่
<<ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ได้ของที่ใช้แทนกันได้มา>>
ซูฮยอนชี้นิ้วไปที่กล่องใบเล็ก ขณะที่มืออีกข้างยกถ้วยชาขึ้นมาจากโต๊ะ
“ลุงลองเปิดดูสิ”
“ได้ ขอเสียมารยาท”
คิมแดโยเปิดฝากล่องขึ้น
ภายในกล่องมีหินสีเหลืองอําพันวางไว้ ขนาดของมันเท่ากับกําปั้นเด็ก ไม่ใหญ่เกินไป กําลังพอดีอุ้มมือ ลักษณะภายนอกจืดตา ไม่มีอะไรโดดเด่น
คิมแดโฮค่อยๆบรรจงหยิบหินออกมาจากกล่องอย่างระมัดระวัง เขาทําการตรวจสอบมันโดยการวางไว้ใต้แสงไฟแล้วใช้เล็บขูดผิวนอกของมัน ไม่นานเขาก็ละสายตาออกจากหินแล้วจ้องมองซูฮยอน ผู้ที่กําลังจิบชาของตัวเองอย่างสบายใจเฉิบ
“นี่มัน หรือว่าจะเป็น “คิมแดโฮพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ผมไม่ต้องบอก ลุงก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นอะไร”
คิมแดโฮหน้าตาตื่นพรวดพราดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เก้าอี้ล้มไปข้างหลังดังโครม
“เจ้านี่คือ อาดามันเทียม ของจริงเหรอ?”
คิมแดโฮปกติเป็นคนไม่ค่อยยิ้ม แต่ในตอนนี้รอยยิ้มแพร่กระจายไปทั่วใบหน้าของเขา
ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองของซูฮยอน ที่มีโอกาสได้เห็นคิมแดโฮยิ้มกว้างแบบนั้น
“ใช่ครับ ของจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
“หึ หึ หึ..”
เมื่อได้ยินคําตอบยืนยันหนักแน่นของซูฮยอน คิมแดโฮยกอาดามันเทียมขึ้นมาตรวจสอบให้มั่นใจอีกครั้ง เสียงหัวเราะในลําคอดังออกมาเป็นช่วงๆ
ไม่ว่าจะพินิจอีกกี่รอบ เขาแทบไม่อยากเชื่อความจริงที่ปรากฏตรงหน้าเลยสักนิด
“อาดามันเทียมของจริง”
อาดามันเทียม คือ โลหะในตํานาน ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือโบราณ ซึ่งอาดามันเทียม มีข่าวลือมากมายรายงานการพบเห็น แต่ก็ไม่มีใครออกมายืนยันว่าเป็นความจริง หลายฝ่ายจึงอนุมานว่าข่าวลือที่แพร่ออกมาเป็นเพียงข่าวลวงโลก
อย่างไรก็ตาม หินแร่ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับอาดามันเทียมในตํานานที่ผู้คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีรายงานว่าการค้นพบเห็นในดันเจี้ยนระดับสีเขียวบนแผ่นดินอังกฤษเมื่อไม่กี่ปีก่อน
ช่างตีเหล็กทุกคนมีความปรารถนาอยากเห็นอาคามันเทียมด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต
แม้แต่ช่างฝีมือคิมแดโฮก็ไม่มีข้อยกเว้น ตั้งแต่ทราบถึงการดํารงอยู่ของอาดามันเทียม เขาตั้งปณิธานแน่วแน่ ตราบใดที่มีลมหายใจเขาอยากสร้างอุปกรณ์อะไรก็ได้ โดยมีอาดามันเทียมเป็นส่วนประกอบ
แต่คิมแดโฮไม่รู้จะหามันได้จากที่ไหน
เนื่องจากอาดามันเทียมมีโผล่ออกมาไม่บ่อยนัก ในปัจจุบันการค้นพบอาดามันเทียมและมีรายงานเป็นเรื่องเป็นราว เท่าที่จําความได้มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แม้แต่คนอย่างคิมแดโฮเอง ก็จนปัญญาในการจัดหาอาดามันเทียมเช่นกัน
แต่ตอนนี้
“เธอได้ของสิ่งนี้มาจากไหน?”
สิ่งของที่เขาถวิลหามาตลอด ซูฮยอนกลับนํามามอบให้เองกับมือ
“ผมได้มันมาโดยบังเอิญ ผมคิดว่าของสิ่งนี้ลุงน่าจะชอบ แต่ถ้าลุงไม่ชอบผมจะ…”
“ฉันบอกตอนไหนว่าไม่ชอบ ของสิ่งนี้โดนใจฉันสุดๆ จะฉวยไปจากมือฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
คิมแดโฮแค่นเสียงตะโกนออกมาสุดปอดทําให้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ หอบหายใจตัวโยก
ซูฮยอนรู้สึกหูอื้อไปชั่วขณะ แต่เขามีความสุขมากที่เห็นการตอบสนองของคิมแดโฮ
เมื่อเห็นใบหน้าของคิมแดโฮกระหยิ่มยิ้มย่อง ซูฮยอนก็พลอยอารมณ์ดีตามไปด้วย
อย่างน้อยเขาก็สามารถตอบแทนน้ำใจช่างฝีมือได้บ้าง แม้จะเล็กน้อยก็เถอะ
<<ของขวัญก็ให้ไปแล้ว หวังว่าต่อไปนี้ เขาจะดุด่าฉันน้อยลงนะ>>
ซูฮยอนอาจไม่โดนคิมแดโฮคาดโทษ เนื่องจากเขานําหอกปราบมังกรออกมาใช้จนหมด ไม่เหลือเก็บสักเล่ม เหตุผลที่คิมแดโฮควรเฉียวฉุน เพราะหอกแต่ละเล่ม สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของคิมแดโฮอย่างลําเค็ญ
ซูฮยอนชื่นชมตัวเองในใจเงียบๆ คิดถูกจริงๆที่มอบอาคามันเทียมให้กับคิมแดโฮ..
เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางคืนชาในถ้วยให้หมดรวดเดียว แต่แล้ว
“จริงสิเธอยังใช้ดาบเล่มนั้นอยู่หรือปาว ชื่ออะไรนะ อืม…ถ้าจําไม่ผิดรู้สึกชื่อ แกรม ใช่ไหม?”
จู่ๆคิมแดโฮก็พรวดพราดตั้งคําถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ซูฮยอนผละถ้วยชาออกมาจากริมฝีปาก และรีบตอบกลับ
“ใช่ครับ ผมยังใช้งานมันอยู่”
“ส่งมันมาให้ฉัน” คิมแดโฮใช้สายตามองสลับไปมา ระหว่างดาบที่เหน็บไว้ข้างเอวซูฮยอน และ อาดามันเทียมที่เขาถืออยู่ในมือ
“ของขวัญที่เธอมอบให้ ผลพวงสุดท้ายฉันก็ต้องส่งคืนกลับไปให้เธออยู่ดี”